วันนี้ไปหาหมอที่โรงพยาบาล ไปก่อนวันนัด 3 วัน เพราะรู้สึกว่าช่วงนี้สุขภาพย่ำแย่ ไม่ค่อยสบายเลย เป็นไข้บ่อย เหนื่อยๆ หอบๆ เดาเอาเองว่า หมอต้องให้เอกซ์เรย์ปอดแน่ๆ หรือ ไม่ก็ต้องตรวจเลือดว่ามันจางลงไปอีกรึเปล่า
วันนี้คุณหมอของเราตรวจคนไข้ตั้งแต่เที่ยงถึง 6 โมงเย็น เราไปถึงตอนบ่ายโมง เตรียมหนังสือไปนั่งอ่านเรียบร้อย เพราะรู้ว่าต้องรอนานทุกครั้งเลย แต่อ่านไปจนจบเล่มแล้วก็ยังไม่มีแววว่าจะได้หาหมอ เห็นหมอวิ่งไปวิ่งมา เดาได้ว่าต้องมีคนไข้อาการหนัก
ก็ทำใจได้นะ เพราะสักวันนึง เราก็ต้องมานอนป่วยที่นี่ แล้ว พออาการทรุดหมอก็ต้องวิ่งไปดูอย่างนี้หล่ะ รอนานก็โทรศัพท์คุยกับเพื่อนบ้าง ลุกไปซื้อของมากินบ้าง รอจนถึง 5 โมงเย็น ก็ถึงคิวเรา
เดินหน้ามอมไปหาหมอ หมอก็ดูมอมๆ พอๆกับเรา หมอคงเหนื่อยเนอะ คนไข้เยอะ หมอทักว่า รอนานหล่ะสิ วันนี้พอดีมีคนไข้อาการทรุดหลายคนน่ะ หมอถามว่าเราเป็นอย่างไรบ้าง ก็เล่าให้ฟังว่า ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา เป็นไข้บ่อย เหนื่อย เพลีย หมอก็ตรวจตามปกติ แล้วก็ฟังเสียงหายใจอยู่นาน แล้วก็บอกว่าก็ยังปกตินะ
กินยาต้าน เถอะ เริ่มไม่สบายแล้วนะ .................................... เราต้องกินยาต้านแล้วหรือนี่ ไม่อ่ะ ยังไม่อยากกิน ทำหน้างงๆกับหมอ หมอเลยพูดต่อว่า นี่ตอนนี้เค้าให้ขึ้นทะเบียนของผู้ติดเชื้อที่มีประกันสังคมแล้วนะ แล้วจะได้ยาต้านตัวถูกคือ GPO-vir ฟรี กินเลยก็แล้วกัน
ยังไม่เอาอ่ะคะ ขอเวลาอีกหน่อยนะคะ เฮ้อ..................... หมอคงโกรธเราเหมือนกัน ก็ยอมรับว่าเราเป้นคนไข้ที่ดื้อ แต่เราก็มีวินัยในการหาหมอ และ ดูแลตัวเองนะ เรารู้ว่าหมอเป็นห่วง และ หวังดีกับเรามาก แต่เรายังไม่อยากกินยานี่นา เรายังไม่เป็นไรมากเลยนะ ถ้าเราลดงานสารพัดลง นอนหัวค่ำ กินวิตามินเสริมบ้าง ออกกำลัง และ ไม่เครียด ไม่เศร้า เราก็คงยังแข็งแรงดี (มั้ง)
ก็ผัดผ่อนหมอไปอีก 1 เดือน ขอกลับมาดูแลตัวเองดีๆ ก่อน แล้วไปเจาะเลือดดูภูมิคุ้มกันอีกที เราจะให้ยาต้านไวรัสเป็นทางเลือกสุดท้ายของเราอ่ะนะ จริงๆก็ไม่ได้ต่อต้านยา แต่เราอยากกินเมื่อมันจำเป็นต้องกินจริงๆ ถ้ายังอยู่ได้อย่างมีความสุข โดยไม่ใช้ยา เราว่ามันจะดีกับชีวิตเรานะ เรากลัวที่จะต้องเสี่ยงว่าแพ้ยามั้ย กลัวผลข้างเคียงของยา และ กลัวที่จะต้องกินยาตรงเวลาทุกวัน
ก่อนกลับบ้านหมอบอกให้ไปหาเจ้าหน้าที่ส่วนประกันสังคมของโรงพยาบาลก่อน ไปถึงเขาก็มีแบบฟอร์มให้กรอกน่ะ เป็นการลงทะเบียนผู้ติดเชื้อ HIV ก็ต้องให้รายละเอียดทั้งหมดของตัวเองนะ ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขบัตรประชาชน ก็ลงทะเบียนไว้น่ะ เขินๆเหมือนกัน เพราะเจ้าหน้าที่นั่งมองเราลงทะเบียนผู้ติดเชื้อ อายแฮะ เค้าถามว่าทำไมไม่รับยาไปเลยหล่ะ เราก็บอกว่าขอเวลาไปทำใจก่อนค่ะ
ระหว่างทางกลับบ้าน ก็มีโทรศัพท์ จากน้องผู้ชายคนนึงที่ติดเชื้อเหมือนกัน น้องเค้ามีปัญหาให้ช่วยคือ เค้าอยากบวชให้พ่อกับแม่ โดยจะบวช 3 เดือน แต่วัดจะเอาใบตรวจ HIV น้องเค้าปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี คิดไปคิดมาก็คงต้องใช้วิธีเดิมที่เคยช่วยน้องคนนึงให้ได้บวช คือ ส่งคนไปตรวจเลือดแทน
ประเด็นนี้ก็ล่อแหลมนะ ว่ามันถูกหรือ ผิด การส่งคนไปตรวจเลือดแทน คือการหลอกลวง การบวชต้องกล่าวว่าไม่มีโรคติดต่อร้ายแรง ซื่งก็เป็นการโกหก แต่พระคุณของพ่อแม่ ก็ยิ่งใหญ่ล้นฟ้านี่นา การบวชให้พ่อแม่ก็เป็นบุญที่ยิ่งใหญ่ เรื่องการกลัวจะเอาเชื้อไปติดพระรูปอื่นนี่ก็ไม่มีทางเพราะไม่ได้ใช้มีดโกนร่วมกัน ไม่ได้ร่วมเพศกันนี่นา
แต่ก็มึนๆอยู่ดี มันจะบุญ หรือ บาปนะเนี่ย แต่ยังงัยน้องเค้าก็ต้องบวชน่ะ เราก็ตัดสินใจจะช่วย ตอนนี้ก็หาผู้ชายในเว็บแก้ว(ซึ่งหายากจัง) ที่เลือดกรุ๊ปเดียวกับน้องเค้า รูปร่างใกล้กัน ไปตรวจเลือดให้ ยังไม่รู้จะหาได้รึเปล่า และจะไปตรวจที่ไหนดีนะ
เฮ้อ................ อุตส่าห์บอกตัวเองว่าอย่าเครียดๆๆ เดี๋ยวจะป่วย แล้วต้องเริ่มยาต้าน แต่ก็สงสารน้องเค้าจัง คงต้องช่วยให้ได้น่ะ
วันนี้ก็มีอีก 1 ข่าวร้าย คือ น้องต้นน้ำ เด็กติดเชื้อวัย 6 ขวบ ของบ้านแกร์ด้าที่ส่งมาอยู่ รพ.จุฬา เพราะอาการหอบอย่างหนัก อาการทรุดลงมาก น้องติดเชื้อในกระแสเลือด และซึม ไม่มีปฎิกิริกยาตอบสนองแล้ว น้องคงอยู่ได้อีกไม่กี่วัน น่าสงสารจังเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องเข้าไปหาน้องเค้าก่อน เพราวันศุกร์หมูแก้วก็ไปบ้านแกร์ด้า ไปช่วยงานเค้า เพราะวันอาทิตย์เค้าจะมีแขกที่มาประชุมเอดส์โลก ไปเยี่ยมชม
เศร้าๆ ชอบกลแฮะ.....
จากคุณ :
++MooKaew++
- [
7 ก.ค. 47 23:29:25
]