ความคิดเห็นที่ 1 ประสบการณ์ชาวบ้าน โอ้ว พระเจ้า!!! ลดน้ำหนัก 8 เดือน 54 กิโล ทำได้ไง ฟ่ะ ใครที่ "เคยพยายาม" หรือกำลังอยู่ระหว่างพยายามลดน้ำหนักตัว คงจะรู้ดีว่า กว่าจะทำให้น้ำหนักตัวหายไปได้สัก 1 กิโลกรัม มันทรมานและลำบากยากเย็นขนาดไหน? เพราะอย่างที่รู้กันอยู่แหละว่า ปัญหาการลดน้ำหนักตัว มันไม่ได้อยู่ที่ไหนหรอก อยู่ที่ "ความอยากกิน" นั่นเอง เพราะคนที่อ้วนมักเป็นคนประเภท "เอนจอย อีตติ้ง" กินอะไรก็อะหย่อยไปหมด แถมกินเท่าไรก็ไม่ค่อยจะอิ่มกับเขาง่ายๆ ดังนั้น จะทำยังไงดีล่ะ ถึงจะยับยั้งชั่งใจได้ว่า ควรจะรับประทานอะไรมากน้อยแค่ไหน ก็เพราะยังงี้แหละคนที่อยู่ระหว่าง "รีดน้ำหนักตัว" ถึ งจะต้องมีกำลังใจและ "สิ่งยึดมั่น" อันแรงกล้า ที่จะทำให้ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้.... คาเรน เบย์นอน ก็เช่นกัน ด้วยน้ำหนักตัว 123 กิโลกรัม สูง 175 เซนติเมตร ทำให้คุณแม่ลูกหนึ่งวัย 35 ชาวเมืองลิสเวอร์รี่ ในอังกฤษ เคยพยายามลดน้ำหนักตัวมาแล้วหลายครั้ง แต่ไม่เคยสำเร็จ!!! กระทั่งถึงเวลาที่เธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อ "ลูกชาย" ที่กำลังป่วยหนัก เธอถึงลดน้ำหนักตัวได้ถึง 54 กิโลกรัม เพราะคิดว่าหากผอมลงกว่าที่เป็นอยู่ เธอน่าจะแข็งแรงและดูแลโธมัส ลูกชายวัย 8 ขวบ ซึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็งในเม็ดเลือดได้ดีกว่าการเป็นคุณแม่รูปร่างอ้วนตุ๊ต๊ะ ซึ่งทำอะไรทีก็เหนื่อย "ฉันคิดว่า ถ้าหากโธมัสสามารถต่อสู้กับความทุกข์ทรมานจากโรคร้ายของเขาได้ ฉันก็ต้องลดน้ำหนักตัวให้ได้เช่นกัน และต้องทำได้แน่นอน" คาเรน กับเจฟ สามี และโธมัส ลูกชาย "และตอนนี้ฉันก็ดีใจเหลือเกินที่ทำได้แล้ว ขณะที่โธมัสก็จบคอร์สการรักษาไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่มีแม่ซึ่งคล่องแคล่ว กระฉับกระเฉง ไม่บ่นเหนื่อยง่ายๆ เวลาเล่นกับเขา" ทั้งนี้คาเรนเล่าว่า ตั้งแต่ต้นปี 2544 ที่หมอตรวจพบว่าโธมัสกำลังล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งร้ายในเม็ดเลือด หลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตเธอก็เปลี่ยนไป ตอนแรกที่รู้ว่าลูกป่วย คาเรนเล่าว่าความวิตกกังวล ว้าวุ่น กลับทำให้น้ำหนักตัวเธอเพิ่มขึ้นกว่า 6 กิโลกรัมด้วยซ้ำ และเมื่ออาการป่วยของลูกรักยิ่งเลวร้ายลง น้ำหนักตัวเธอก็ขึ้นพรวดมาอีกเกือบ 10 กิโลกรัม!!! "ปกติฉันเป็นคนชอบกินมาก โดยเฉพาะขนมปังปิ้งทาเนย เนยแข็ง ช็อกโกแลต ขนมปังกรอบ แล้วในช่วงที่โธมัสป่วย เขาต้องหยุดเรียนเพื่อเข้าคอร์สรักษาตัวอยู่นาน 4 เดือน ในช่วงนั้นฉันก็ขยันกินแต่ขนม ของว่างที่อุดมไปด้วยไขมันเพื่อช่วยให้ตัวเองมีแรงพาลูกวิ่งเข้าออกระหว่างบ้านกับโรงพยาบาล พอตกค่ำก็ต้องกินน้ำแอปเปิลเพื่อช่วยให้นอนหลับ ปรากฏว่าน้ำหนักตัวฉันขึ้นพรวด และรู้สึกเหนื่อยอยู่ตลอดเวลา ฉันจึงตัดสินใจที่จะต้องเข้าคอร์สลดน้ำหนักตัวเพื่อเห็นแก่โธมัส เพราะไม่เช่นนั้นร่างกายฉันคงไม่พร้อมจะดูแลลูกได้แน่ๆ" คาเรนเล่าว่า เธอไม่เคยพึ่ง "ยาลดความอ้วน" แต่ใช้การเลือกรับประทานอาหาร และจำกัดอาหารบางอย่าง เช่น ทานอาหารจำพวกแป้ง และเนื้อในปริมาณไม่มาก และเน้นทานผักในอาหารมื้อเย็น "แน่นอน เรามีไก่งวงบนโต๊ะอาหารค่ำในวันคริสต์มาส แต่ฉันตัดของหวานพวกช็อกโกแลตออกหมดเลย ดื่มแต่ไวน์ขาวและเครื่องดื่มประเภทซอฟต์ดริงก์" แค่เรื่องจำกัดอาหารการกินก็ทำให้คาเรนต้องกัดฟันสู้จะแย่อยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าคาเรนยังเจอศึกหนักกว่านั้นอีก ในเมื่อขณะที่เธอต้องพยายามลดน้ำหนักตัวให้ได้ แต่โธมัสกลับต้องพยายามเพิ่มน้ำหนักตัวเพื่อต่อสู้กับโรคมะเร็งร้ายที่ทำให้ร่างกายหนูน้อยซูบผอม ทำให้คาเรนต้องซื้ออาหารเสริมพลังงานและไขมันไว้ในบ้าน โดยเธอเองต้องหักห้ามใจ ไม่ให้เผลอตัวไปแตะต้องมัน ไม่ว่าจะเป็นครีม เนยแข็ง หรือไอศกรีม ฯลฯ "มีบางครั้งที่ฉันยอมรับว่า มันทำใจยากจริงๆ ยิ่งตอนที่เห็นโธมัสกำลังตักไอศกรีมกิน" คาเรนเล่าว่า หลังจากพยายามจำกัดอาหารอยู่ 6 เดือน กระทั่งเห็นผลว่าสามารถลดน้ำหนักตัวลงไปได้มาก ต่อมาเธอจึงหันหน้าเข้าหา "โรงยิม" ใกล้บ้านอีกอย่าง โดยลงว่ายน้ำในสระเป็นเวลา 30 นาที แล้วยังเข้าคลาสเต้นแอโรบิกด้วย ปรากฏว่ายิ่งทำให้ผลการลดน้ำหนักเป็นไปด้วยดียิ่งขึ้น นับจากวันนั้น กระทั่งถึงคริสต์มาสที่ผ่านมา รวมเวลาร่วม 8 เดือน เธอสามารถลดน้ำหนักตัวได้ 54 กิโลกรัม กระทั่งสามารถใส่เสื้อผ้าไซซ์ 16 ได้แล้ว แต่ดูเหมือนว่า คุณแม่ใจเด็ดยังไม่ยอมหยุดอยู่แค่นั้น ตอนนี้เธอยังมีโครงการจะเข้าร่วมรณรงค์หาทุนช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง และรณรงค์ชักชวนให้ผู้คนหันมาออกกำลังกาย หลังจากเห็นผลลัพธ์ของมัน อีกทั้งตอนนี้เธอยังหันมาวิ่งจ๊อกกิ้งด้วย เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากโรงยิม โดยจะจ๊อกกิ้งเป็นระยะทาง 5 กิโลเมตร ในโอกาสเดียวกันนี้ คาเรนยังมี "เคล็ดลับ" เล็กๆ น้อยๆ ที่เธอได้จากประสบการณ์ตรงครั้งนี้มาฝากกันด้วยว่า ถ้าหากครอบครัวของใครกำลังมีปัญหา ขอให้รู้ไว้ว่า อย่ายอมแพ้ แต่ต้องพยายามรับมือกับมัน และอย่าท้อแท้ เซื่องซึม ทั้งยังว่าร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง จะทำให้คุณสามารถรับมือกับปัญหาต่างๆ ที่เข้ามาได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังฝากบอกเวิร์กกิ้ง มัม หรือคุณแม่ที่ต้องทำงานนอกบ้านด้วยว่า ควรหาเวลาออกกำลังกาย เพราะนอกจากจะทำให้มีร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ระหว่างออกกำลังกายยังทำให้คุณลืมความเครียดทั้งหลายแหล่ไปได้ด้วย ลองดูนะคะ คำแนะนำที่ดีๆ อย่างนี้!!! ที่มา มติชนรายวัน วันที่ 4 มกราคม 2547 จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 21:21:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 กระทู้ L993951 ความคิดเห็นที่ 2 ผมเคยอ้วนจนใส่กางเกงติดกระดุม รูดซิป ไม่ได้ ต้องเลือกระหว่าง ซื้อกางเกงใหม่ทั้งหมด กับลดความอ้วน ผมเลือกลดความอ้วน ก็สังเกตตัวเองว่าช่วงที่อ้วน ชอบทานอะไรเป็นพิเศษ และทุกวัน ซึ่งก็คือปลาหมึกผัดเครื่องแกง ชอบมากเลย ก็ตัดสินใจเลิก เปลี่ยนเป็นกุ้งแทน (กุ้งแพง แม่ค้าเลยใส่น้อย) แล้วก็ทานระวังปาก ก็ลดลง จนตอนนี้ใส่กางเกงได้หมด ประหยัดค่ากางเกงไปเยอะเลย จากคุณ : ประหยัดไว้ก่อน - [22 มิ.ย. 20:46:38] จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 21:24:21 ]

ความคิดเห็นที่ 3 กระทู้ L993951 ความคิดเห็นที่ 14 ที่เคยลดได้เร็วที่สุดคือ 3 โล ในเวลาประมาณ 10 วัน ที่ต้องลดเพราะตามใจปากจนร่างกายอึดอัดไปหมด ลดไม่ยากเลยค่ะ มื้อเช้า+กลางวันทานอาหารให้อิ่ม เลือกอาหารที่น้ำมันน้อยที่สุด เย็นไปวิ่งวันเว้นวัน โดยสิบนาทีแรกเดินอบอุ่นร่างกาย วิ่งอีกสิบห้านาที แล้วก็เดิน warmdown อีกห้านาที มื้อเย็นทานแป้งให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างอื่นทานตามปกติ อ้อ! อย่าทานตอนดึกแบบพอทานข้าวเสร็จก็เข้านอนนะคะ พยายามทานให้เสร็จภายในหนึ่งทุ่ม เหลือเวลาให้ร่างกายย่อยอาหารบ้าง จากคุณ : jimkong - [24 มิ.ย. 21:01:21] จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 21:44:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 --------------------------------------------------------------------- ..ผมลด น.น. ได้ 12 kg. จาก 1 Dec ถึงตอนนี้..ใครอยากรู้เข้ามาอ่าน..งานนี้ไม่มีขายของครับ..์No business..อยู่ที่ใจ.. ...์No Pepsi , No ไข่ , No ปลาหมึก..์No any ิbakery , No ขนมกะทิทั้งหลาย...ขั้นตอนในการลด 1). กินเท่าใดก็ให้กินเท่านั้นเหมือนเดิม..แต่ขอให้เลือกประเภทหน่อยนะ.. 2). เลือกประเภทที่ว่านี้หมายถึง อาหารCaloryต่ำ..คงไม่ต้องสาธยายว่าเป็น แกงส้ม..คะน้าปลาเค็ม..ลาปลาดุก..น้ำพริก..แหนมเนือง..เพราะน่าจะอ่านมาจากหลายที่แล้วใช่ไหม..ที่สำคัญ..เลือกกินให้อร่อย ! 3). เลือกได้แล้วให้เริ่มลดปริมาณ.. 4). ออกกำลังกาย..ขอย้ำว่าคุณไม่จำเป็นต้องบังคับตัวเอง Jokking..เข้า Fitness..อะไรหรอ..เล่นกีฬาอะไรก็ได้..ที่มันสนุก..น่าเล่น..คุณจะได้รู้สึกอยากทำ..กีฬาพื้นบ้านจำพวก ตี่ เตย กระต่ายขาเดียว..ก็เล่นกันได้.. 5)..อยากกินจงกิน..พอหายอยาก..สงสารตัวเองบ้างเถอะครับ..ถ้าตัวเองเค้าอยากกินก็ให้เขากินได้..จะอะไรกันหนักหนา..แต่กินให้พอหายอยากเท่านั้นนะ... 6)...กินเพราะหิว..ไม่ใช่กินเพราะอยาก.. .....ลองไปทำดู...เชื่อเหอะ..ลดที่สำคัญ..ใจอย่างเดียว... จากคุณ : .ผมเอง. - [9 ก.พ. 45 09:10:55] จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 21:45:27 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ความคิดเห็นที่ 8 เห็นใจคุณนะคะ ดิฉันเคยอ้วนมาก หนัก 80 กิโลกรัมได้ แบบว่าลูกสาวคนโต มีแต่คนรัก ให้กินดีอยู่ดีจนตัวกลมตั้งแต่เกิดเลยแหละค่ะ เพื่อน ๆ เป็นหลีดเดอร์ เราก็เป็นเต่า เพราะตัวกลม ๆ แต่ไม่เครียดนะคะ น่ารักดี ทำอะไรก็ดูตลกไปหมด ครูห้ามไม่ให้กินขนมในห้องเรียน วันนึงครูเจอถุงขนมค่ะ ครูหน้าดุมากเลยถามถุงขนมใคร โอ้ยกลัวมากค่ะ ของดิฉันเองห้องงี้เงียบกริบเลย ดิฉันบอกว่าของดิฉันเท่านั้นแหละ ครูหัวเราะก๊ากของมา พร้อมเพื่อน ๆ ในห้องเลย เลยรอดตัวไปโดนดุนิดหน่อย คงเพราะครูเอ็นดูเจ้าความอ้วนของดิฉันมั้งค่ะ จนมาตอน ม.4 ดิฉันก็ยังไม่ยอมผอมมีแต่จะอ้วนเอาเรื่อย ๆ พอใครถามก็บอกแต่ว่าไม่สนหรอกความสวยขอให้ได้กินแล้วก็กินเป็นพอ จนมีการท้าทายด้วยเงินเดิมพันจากอา กิโลละ 500 บาทเอามั้ย ดิฉันตกลงทันที เริ่มจากออกกำลังกาย ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิค กินแต่ผัก อาหารที่มีคุณค่าเท่านั้น แล้วเมื่อเปิดเทอม ม.5 ดิฉันกลายเป็นเด็กสาวร่างบางที่แทบไม่มีใครจำได้เลย น้ำหนักดิฉันเหลือ 45 กิโลค่ะ ด้วยตัวเองที่ไม่ต้องพึงยา อาการปวดเท้าก็หายไปร่างกายแข็งแรง เอวที่เคย 30 นิ้วกลายเป็น 23 นิ้ว ทุกอย่างเหมือน ฝัน ฝันร้ายที่ทรมาน แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนดิฉันได้ ไม่ใช่เพื่อเงิน หรือความงามอีกต่อไป แต่เพื่อสุขภาพตัวเองค่ะ ทุกวันนี้ก็ยังออกกำลังกาย ไม่ใช่ให้หุ่นงามนะคะ อันนั้นแค่เป็นกำไรเท่านั้น แต่ที่ต้องการคือ สุขภาพที่แข็งแรงค่ะ เห็นมั้ยค่ะ ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อตัวคุณ ทุกวันนี้ผ่านวันนั้นที่เคยอ้วยที่สุดมา เกือบ 15 ปี แล้ว เอวดิฉันก็ยังคง 23 นิ้วไม่เปลี่ยน ไม่เคยเป็นหวัด แข็งแรงทั้งร่างกาย และจิตใจ ไม่อยากให้คุณเครียดนะคะ เรื่องที่เล่าเป็นเรื่องจริงทุกอย่างค่ะ เชื่อว่าเราทำได้ อยู่ที่ความอึดของใจเราค่ะ แต่ถึงจะไม่ผอมลงก็พยายามออกกำลังกาย ดูแลเรื่องอาหารการกินนะคะ เพื่อสุขภาพค่ะ มีอะไรคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวกันได้นะคะ จากคุณ : ใจเกินร้อย - [23 พ.ค. 11:09:33] ------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 11 มีส่วนจริงค่ะ คุณ"ปลื้มไหมล่ะ" ความคิดเห็นที่ 9 จริงว่าถ้าเราต้องผอมเพื่อเอาชนะคนอื่นหน่ะเป็นจุดกดดัน ให้ผอมบ้างล่ะ ก็คือ คล้อยตามไปกับความเห็นคนอื่น แต่ อย่าลืมนะคะ ความอ้วนเป็นภัยต่อสุขภาพคุณ แต่ก็ ไม่ใช่ความผอมเป็นสิ่งที่คุณต้องวิ่งตามมันมาครอบครอง เพียงแต่ว่าการออกกำลังกาย นอกจากทำให้คุณแข็งแรงขึ้น สุขภาพดีขึ้น โรคอ้วนต่าง ๆ ก็หายไป ส่วนเรื่องรูปร่างเป็นผลพลอยได้เท่านั้นเอง ซึ่งคุณอาจไม่ต้องผอมหุ่นนางแบบขนาดนั้นก็ได้ ขอเพียง แต่คุณออกกำลังกาย กล้ามเนื้อกระชับ คุณจะอัศจรรย์กับร่างกายคุณเอง หลังได้ออกกำลังกายเชื่อเถอะค่ะ จริง ๆ แล้วความอ้วนไม่ใช่สิ่งเลวร้ายเลย ชีวิตตอนดิฉันอ้วนดิฉันก็มีความสุขกับ ชีวิตในสังคม ไม่กดดัน เหมือนที่เล่าไว้ก่อนหน้านี้ แถมครูก็เอ็นดูด้วย อาจเพราะดิฉันไม่เครียด ไม่เห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นปมด้อยมั้งค่ะ ขนาดอ้วน ๆ ยัง มีคนชมว่าน่ารัก เยอะมากด้วย แต่ที่ ที่บ้านท้าให้ผอมเพราะสุขภาพจริง ๆ ค่ะ เลยอยากให้ คนอ้วนหรือใครที่คิดว่าไม่ควรแคร์สายตาคนอื่น ลองคิดใหม่ว่า ในเมื่อไม่แคร์ ใคร แล้ว ควรแคร์ ตัวเองรักตัวเองหรือเปล่า คุณไม่อยากออกกำลังกายเพื่อสุขภาพตัวเองเหรอค่ะ เป็นกำลังใจให้คนอ้วนทุกคนนะคะ ไม่ต้องคิดอดอาหาร แต่กินแต่สิ่งมีคุณค่า อะไรไม่ดีไม่กิน ออกกำลังกาย นอนให้เพียงพอ ทำจิตใจให้สบายช่วยเหลือผู้อื่น คุณจะสดชื่นขึ้นน่ารักขึ้น เชื่อเถอะสุขภาพดีจิจใจดีตามไปด้วย คุณทำได้ด้วยตัวคุณเอง จากคุณ : ใจเกินร้อย (เข้ามาตอบอีกรอบ) - [23 พ.ค. 14:42:15] จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 21:46:05 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ความคิดเห็นที่ 5 เป็นประสบการณ์ที่ชอบเล่ามากเลยค่ะ แบบว่าภูมิใจ ตอนอยู่ ม.4 ที่บ้านจ้างลดโลละพัน ก็เลยเริ่มลดจริงจังเพราะเป็นเด็กที่อ้วนท้วนมาแต่เกิดเลย คิดดูซิค่ะ หนักตั้ง 74 โล ตั้งใจมากค่ะ เพราะเราชอบกีฬาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว * ตั้งใจด้วยการว่ายน้ำวันละ 1 ชม. ติดต่อกัน............ * ช่วงเย็นเต้นแอโรบิค ต่อ 45 นาที * อหารทานแต่พอเหมาะ เน้นผัก ผลไม้ สนใจเรื่องแคลอรี่ให้มาก ๆ อะไรที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายไม่กินเลย (ใจแข็งสุด ๆ) ดื่มน้ำมาก ๆ * ซิดอัพ วันละ 100 ครั้ง ยกขาสลับกันให้สูง ๆ ลดสะโพกวันละ 50 ครั้ง * ขับถ่ายทุกวันจนเป็นนิสัย ค่อนข้างหนักเหมือนกันนะคะ แต่พอไปชั่งน้ำหนักแล้วเห็นว่ามันเริ่มลดก็มีกำลังใจอยากให้มันลดลงมาเรื่อย ๆ เลย ลดลงไปจนเหลือ 45 โล เอวจาก 30 นิ้ว เหลือ 23 นิ้ว ใช้เวลา 1 ปี เพื่อน ๆ ตะลึงกัน ผ่านมา เกือบ 15 ปีแล้ว น้ำหนักเพิ่มขึ้นมาแค่ 1 โล เองค่ะ อาหารไม่ควบคุมหรอกค่ะ กิน 3 มื้อ มื้อเช้าหนักหน่อย กลางวันก็อาหารทั่วไปที่ขายอยู่ มื้อเย็นก็ข้าวปลาอาหารที่แม่ทำเตรียมไว้ แต่ที่สำคัญ ดิฉันยังออกกำลังกายอยู่สม่ำเสมอเลยน่ะค่ะ ออกกำลังกายต่อเนื่อง วิ่ง หรือเต้น แอโรบิคหลังเลิกงาน 45 นาที อาทิตย์ละ 4 วันค่ะ ลองดูบ้างซิค่ะ คิดว่าการออกกำลังกายน่าเป็นทางออกที่ดีเพื่อสุขภาพนะคะ ดีต่อผิวพรรณด้วย จากคุณ : flower - [28 ก.ย. 14:40:43] จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 21:47:34 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ความคิดเห็นที่ 2 เคยต้องลดแบบกระทันหัน ... ก็ใช้ชุดอาหารชุดนี้แหละคะช่วย เป็นรายการอาหารที่ ดร. จรวยพร ธรณินทร์ เคยเขียนเอาไว้ในหนังสือ "สุขภาพและบุคลิกภาคเพื่อความสุขและความสวย" คะ ดร. จรวยพร บอกเอาไว้ว่า ถ้าต้องการลดน้ำหนักอย่างรวดเร็วประมาณสักสัปดาห์ละ 1 กก. เนี่ย ควรจะตัดแป้งและน้ำตาล ไขมัน ออกให้มากที่สุด แลวกินอาหารประเภทเนื้อสัตว์ในจำนวนพออิ่ม และผักผลไม้ไม้จำกัดจำนวนคะ ** วันจันทร์ ** เช้า - - ไข่ดาว 1 ฟอง + ไก่ทอด 1 ชิ้น (ไม่เอาหนัง) กลางวัน - - สะโพกไก่ย่าง 1 ชิ้น + เกาเหลา 1 ชาม เย็น - - สลัดผัก + กาแฟใส่คอฟฟี่เมตไม่เกิน 1 ช้อนและน้ำตาลไม่เกิน 1/2 ช้อนชา ** วันอังคาร ** เช้า - - ไส้กรอก 2 ชิ้น + สลัดผัก 1 จาน กลางวัน - - แกงจืดไก่ 1 ถ้วย + เนื้อสัตว์ผัดผัก 1 จาน เย็น - - น้ำพริกกะปิ + หน่อไม้ + ผักจิ้ม + ไก่ตุ๋นมะดาวดอง 1 ถ้วย ** วันพุธ ** เช้า - - ต้มจืดเลือดหมู ใส่ผักกาดหอม ตำลึง 1 ถ้วย กลางวัน - - เกาเหลาเนื้อเปื่อย 1 ชาม เย็น - - ปลากระป๋องยำ กินกับกะหล่ำปลีสด (แทนข้าว) และแกงจืดตำลึง 1 ถ้วย ** วันพฤหัส ** เช้า - - ไข่ดาว 1 ฟอง + แฮม 1 ชิ้น กลางวัน - - เนื้อสัตว์ตุ๋น 1 ถ้วย กินกับถั่วฝักยาว หรือถั่วแขกลวก 1 ถ้วย เย็น - - น้ำพริกหอยแมลงภู่ กินกับแตงกวาหรือกะหล่ำปลี ** วันศุกร์ ** เช้า - - ไข่เจียวหมูสับ 1 ฟอง + ถั่วฝักยาว หรือถั่วแขกลวก 1 ถ้วย กลางวัน - - ไก่ตุ๋น 2 ขา + ผักสด 1 จาน เย็น - - เนื้อสัตว์ผัดกะเพรา 1 จาน ** วันเสาร์ ** เช้า - - แฮม 2 ชิ้น กลางวัน - - เกาเหลา 1 ชาม + ส้มตำ 1 จาน เย็น - - ชะอมชุบไข่ทอด 1 ฟอง + ปลาทูทอด 1 ตัว + ผักสด ** วันอาทิตย์ ** เช้า - -เนื้อไก่ย่าง 1 ชิ้น + ผักสด กลางวัน - - สลัดเนื้อสัน 1 จาน + ไก่ตุ๋น 1 ถ้วย เย็น - - ปลาแป๊ะซะ 1 ตัว + ต้มจืด 1 ถ้วย จากคุณ : ดวงตะวัน - [8 มิ.ย. 02:09:20] ความคิดเห็นที่ 3 (ต่อ...) ดิฉันเองก็เคยอ้วนมากค่ะ แต่มีอยู่ช่วงนึง แบบว่าไม่ไหวแล้วกับรูปร่างตัวเอง เลยตัดสินใจลดน้ำหนักและปฏิบัติอย่างจริงจัง ช่วงระยะเวลาเกือบ ๆ 3 เดือน ดิฉันใช้หลักตามหนังสือข้างต้นน่ะคะ ก็คือ ทานอะไรที่เป็นคาร์โบฯ ให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ มื้อ ๆ หนึ่งของดิฉันเลยจะมีแต่พวกต้มจืด ยำปลาทูใส่ผักสมุนไพรเยอะ ๆ อะไรทำนองนี้น่ะคะ แต่ที่ไม่เคยทานเลยก็คงจะเป็นสลัด เพราะเป็นคนไม่ชอบทานสลัด ผลจากความอดทนครั้งนั้น 3 เดือน ลดไปได้ตั้ง 14 กิโลแน่ะคะ ไม่เชื่อตัวเองเหมือนกันว่าทำได้ไงเนี่ย จากคุณ : ดวงตะวัน - [8 มิ.ย. 02:13:03] จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 21:48:25 ]

ความคิดเห็นที่ 8 L1533267 ความคิดเห็นที่ 14 เคยหนัก 98 ปัจจุบันหนัก 49-50 กิโล วิธีก็ต้องลดอย่างใจเย็น จำกัดอาหารเหมือนกัน คือถ้าจะกินข้าวต้องไม่กินกับเนื้อสัตว์แต่จะกินเนื้อสัตว์หรือ พวกแป้งกับผัก แล้วก็เลือกกินที่ต้นหรือนึ่ง ย่างก็อย่ากินมากเพราะเดี๋ยวเป็นมะเร็ง แต่จะไม่กินของทอดเลย คือเป็ฯคนกินของทอดไม่ได้อยู่แล้ว เพราะมีปัญหาเรื่องต่องทอมซิน แล้วก็ต้องไม่กินมันๆ จะกินกาแฟหรือน้ำเต้าหู้ต้องไม่ใส่น้ำตาล เลือกกินผลไม้ที่ออกรสเปรี้ยว เช่นแอ๊ปเปิ้ลเขียว มะขามที่เปรี้ยว หรือผลไม้ที่ไม่หวานมาก เช่นแตงโม สับปะรดศรีราชา ชมภู่ ฝรั่ง หมั่นออกกำลังกาย ตอนลดแรกๆเราก็ไม่ได้ออกกำลังกายหรอก แค่ตีแบตอยู่หน้าบ้าน แต่ตอนหลังก็ซื้อเครื่องประเภทม้าโยกมาออกกำลังเหมือนกัน ก็ได้ผลดีนะ แต่ตอนหลังไปแอโรบิควันละ 1 ชั่วโมง แต่วันเสาร์จะ 3 ชั่วโมง ตอนเย็นหลังจากออกกำลังกายแล้วก็กินผลไม้หรือของที่ไม่หนัก อาจจะเป็นไก่ย่าง(ไม่เอาหนัง) 1 ไม้หรือ น้ำเต้าหู้ไม่ไส่น้ำตาล หรือไข่ต้ม 1 ฟอง เพราะร่างกายหลังจากออกกำลังกายแล้วต้องการโปรตีนมาก โดยเฉพาะคนที่ต้องการให้กล้ามเนื้อกระชับ แล้วตามด้วยผักหรือผลไม้ก็ได้ แถมอีกนิด ถ้าใครอยากกินผลไม้ก็ได้แต่ต้องห่างจากอาหารหลัก คือต้องกินเพียวๆห้ามกินกับอย่างอื่น แล้วถ้าจะกินเนื้อสัตว์ควรเป็ฯสัตว์ชนิดเดียวกันในแต่ละมื้อ ขอให้โชคดีค่ะ จากคุณ : เด็กอ้วน - [วันงดสูบบุหรี่โลก 15:40:51 A:203.107.147.123 X:] จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 21:51:31 ]

ความคิดเห็นที่ 9 วันที่ 1 เช้า เครื่องดื่มไม่ใส่น้ำตาล (มากเท่าไรก็ได้) เที่ยง ไข่ต้ม 2 ฟอง และผักขมจีน, ตำลึง (ทำอะไรก็ได้ใส่เกลือน้อยๆ) เย็น เนื้อสันทอดน้ำมันน้อยๆ, สลัดผักเขียวและผลไม้อะไรก็ได้ตามต้องการ วันที่ 2 เช้า กาแฟดำกับขนมปัง 1 ก้อน (ประมาณ 2-3 แผ่น) เที่ยง สเต็กก้อนใหญ่, สลัดผักเขียวและผลไม้ตามต้องการ เย็น หมูทอดหรือแฮม (ตามต้องการ) วันที่ 3 เช้า กาแฟดำกับขนมปัง 2 ก้อน เที่ยง ไข่ต้ม 2 ฟอง, สลัดผักและมะเขือเทศ ตามต้องการ เย็น เนื้อสัตว์หรือแฮม ตามต้องการ วันที่ 4 เช้า กาแฟดำกับขนมปัง 1 ก้อน เที่ยง ไข่ต้ม 1 ฟอง, หัวแครอทต้มหรือดิบกับเนยแข็ง (เนยสวี๊ส) ตามต้องการ เย็น ผลไม้และโยเกิร์ต (นมเปรี้ยว) วันที่ 5 เช้า กาแฟดำกับขนมปัง 1 ก้อน เที่ยง ปลานึ่งและมะเขือเทศ เย็น เนื้อสันทอดและสลัดผักเขียว วันที่ 6 เช้า กาแฟดำกับขนมปัง 1 ก้อน เที่ยง ไก่ย่างหรือต้ม ตามต้องการ เย็น ไข่ต้ม 1 ฟอง, หัวแครอทหรือหัวไชเท้าต้ม วันที่ 7 เช้า ชา (ชงใส่มะนาว) เที่ยง ผลไม้ตามต้องการ เย็น อยากจะทานอะไรก็ได้ตามต้องการ ทำ 2 อาทิตย์ จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 21:53:22 ]

ความคิดเห็นที่ 10 L1860022 ความคิดเห็นที่ 2 เร็วสุด ก็ สองสามเดือนที่แล้ว ไปเที่ยวออสเตรเลีย เจ็ดวัน ไม่ได้ทำงานไม่ได้ออกกำลังกายกินเยอะ น้ำหนัก จาก 70 โล ขึ้นไป 74 โล (สูง 170) ใช้เวลาประมาณ 20 วัน หลังจากกลับมา เลยถือโอกาส รีดน้ำหนักเตรียมวิ่งมาราธอน จนเหลือ 64 โล วิธีหลักที่จะได้ผล ก็คือควบคุมอาหาร ทานผักและผลไม้ที่รสไม่หวาน มีน้ำมาก ที่ชอบมากสุดก็คงเป็นแตงโม ทานข้าวบ้างเล็กน้อย หลีกเลี่ยงอาหารหวานและมัน ส่วนการออกกำลังกาย ก็ตามปกติ วิ่งวันละ ประมาณ 7 โล อาทิตย์ละ ห้าวัน แต่ถ้าออกกำลังกายโดยไม่คุมอาหาร นี่คุมน้ำหนักยากครับ จากคุณ : -=Jfk=- - [ 2 พ.ย. 45 12:26:27 ] จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 21:54:58 ]

ความคิดเห็นที่ 11 วิธีลดน้ำหนักของน้องมดที่อยากให้คนอื่นเอาไปลองทำดูค่ะ อยากรู้ว่าถ้าคนอื่นทำจะลดได้เหมือนกันไหม มดลดได้ 6 กิโลกรัมค่ะ (ใช้เวลาประมาณ 2 เดือน) วิธีลดของมดคือ เคร่ดครัดการควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย(อันนี้ไม่เคร่งครัดมาก) กฏเหล็กในสัปดาห์หักดิบ 5 ข้อของมด (ศีล 5) เคยบอกไปหลายคนแล้วพิมพ์ให้อีกที ข้อ 1 ไม่กิน ของผัด ของทอด ข้อ 2 ไม่กินแป้ง (ข้าว เส้นก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง) ข้อ 3 ดื่มน้ำได้อย่างเดียวคือน้ำเปล่า (งดน้ำหวาน ชา กาแฟ น้ำอัดลม) ข้อ 4 ไม่ทานอาหารแป้งดัดแปลง (ไส้กรอก ลูกชิ้น มักกะโรนี สปาเก๊ตตี้) ข้อ 5 ไม่ทานนอกมื้อ (เด็ดขาด) การออกกำลังกาย - วิ่ง อาทิตย์ละอย่างน้อย 2 ครั้งๆละ 20 นาทีอย่างต่ำ (ในช่วงเริ่มแรกอาจวิ่งได้แค่ 5 นาที ค่อยๆเพิ่ม) วิ่งช้าๆ ไม่ต้องเร่ง วันไหนไม่ได้วิ่งก็เต้นแอโรบิคตาม cd ที่หอน่ะค่ะ วันละ 30 นาทีอย่างต่ำ แค่นี้ค่ะ บอกหมดไส้หมดพุง ใครทำได้ตามนี้จริง มดรับรองผล ลดแน่ๆ แต่ต้องทำเคร่ดครัด *** ใครที่รู้สึกว่าหนักไป ลองทำดูสัก 1 อาทิตย์ แล้วเว้น 1 วัน แล้วค่อยทำต่อก็ได้*** จากคุณ : น้องมดเล็ก - [ 5 เม.ย. 46 14:35:31 ] จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 21:58:55 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สูตรนี้ใช้เวลา 24 วัน ลดได้ 6-8 กก. โดยจะแบ่งช่วงเป็น4 ช่วงคือ 9 วัน 3 วัน 9 วัน 3 วันค่ะ ช่วงที่1 (9 วันแรก) มื้อเช้า ให้ทานส้มโอค่ะ ทานได้มากตามที่ต้องการ + ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลหรือครีม มื้อกลางวัน ให้ทานเนื้อสัตว์ล้วนๆ โดยไม่มีข้าวหรือผักผลไม้ มาแซมด้วย ใครอยากจะทานสเต็กก็ได้ไม่ขัดข้อง แล้วก็จะทานมากเท่าไหร่ก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องเป็นเนื้อสัตว์ชนิดเดียวเท่านั้น ไม่ควรปนเนื้อสัตว์หลายๆชนิดในมื้อเดียวกัน เพราะจะทำให้ย่อยยาก และควรจะเข้าใจไว้ด้วยว่า พวกเนื้อหมู เนื้อวัว จะมีไขมันมากกว่าพวกเนื้อปลา และอาหารพวก ต้ม นึ่ง ย่าง จะดีกว่าพวก ทอด หรือผัด มื้อเย็นเป็นมื้อที่บางคนอาจจะบ่นว่ายาก เพราะว่าเขาให้กินแต่ข้าวกล้องล้วนๆ ไม่มีเนื้อหรือผักปนเลย แต่เขาให้ใส่ซ๊อสได้ เพราะฉะนั้น ก็นี่เลย ข้าวกล้องผัดกระเทียม ข้าวกล้องผัดมันปู ข้าวกล้องผัดน้ำพริก ตอนแรกที่ใช้สูตรนี้ ดิฉันก็ทำตามอย่างเคร่งครัดค่ะ พอตอนหลัง (คราวหลัง) ก็เริ่มแหวกกฎนิดหน่อย คือ กินข้าวกล้อง(ต้ม) กับ ผักได้ 1 อย่างค่ะ ไม่เป็นไร เพราะลองมาแล้ว ทานได้เท่าที่ต้องการค่ะ ช่วงที่ 2 (3 วัน) มื้อเช้า ส้มโอ + ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลหรือครีม มื้อกลางวัน ผลไม้อะไรก็ได้ มากเท่าที่ต้องการ มื้อเย็น ผลไม้อะไรก็ได้ มากเท่าที่ต้องการ ในช่วง 3 วันนี้ หลังจากมื้อเช้าแล้ว คุณจะทานผลไม้อะไรก็ได้ จะทานทุเรียนก็ได้ ไม่มีใครว่า ไม่ต้องกลัวว่าทานทุเรียนแล้วจะทำให้น้ำหนักขึ้น ช่วงที่ 3 (9วัน) มื้อเช้า ส้มโอ + ชา/กาแฟไม่ใส่น้ำตาลหรือครีม มื้อกลางวัน ผักทุกอย่าง มากเท่าที่ต้องการ ไม่ปนเนื้อสัตว์หรือข้าว มื้อเย็น ผักทุกอย่าง มากเท่าที่ต้องการ ไม่ปนเนื้อสัตว์หรือข้าว จะกินเป็นผักต้ม/ผักสดจิ้มน้ำพริก หรือต้มจืดผักก็ได้ แกงเลียงก็ดี แต่ดิฉันก็ไม่วายโกงสูตรนิดๆ บางทีก็กินส้มตำไทยใส่ปู (ปนปูกับกุ้งมานิดหน่อย) หรือไม่ก็ ผักสดราดน้ำยาขนมจีน (ใช้น้ำยาป่า) ฮิ ฮิ ช่วงที่ 4 (3 วัน) มื้อเช้า ส้มโอ+ชา/กาแฟไม่ใส่น้ำตาลหรือครีม มื้อกลางวัน ผลไม้อะไรก็ได้ มากเท่าที่ต้องการ มื้อเย็น ผลไม้อะไรก็ได้ มากเท่าที่ต้องการ จากคุณ : noogob - [ 12 ต.ค. 46 19:40:23 A:203.146.199.183 X: ] จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 22:00:45 ]

ความคิดเห็นที่ 13 \L2507880 หึหึหึ....ลดความอ้วน จะง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ไม่ผิด จริงไหมคะ เผอิญวันนี้ นึกถึงการ์ตูนเรื่องนึงขึ้นมาอ่ะค่ะ มีคำพูดในนั้นที่เราช๊อบ ชอบ "เจ้าหนูน้อย....ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจ จำไว้นะ" เราเลยมาลองนึกๆดู...อืมมม จริงแฮะ อย่างลดความอ้วนนี่ก็เหมือนกันนะคะ อยู่ที่ใจเราจริงๆ เราตั้งใจเราก็ทำได้ค่ะ ตอนเข้ามาห้องนี้ใหม่ๆ(เมื่อ2เดือนก่อน ตอนนั้นไม่ได้โพสเพราะพิมพ์ไทยไม่ได้) ช๊อบ ชอบ กระทุ้ออกกำลังกายของคุณคินฯ และพรรคพวก อินมาก..เพราะทำอยู่อ่ะค่ะ (แต่อ่านแค่ 2-3 ครั้งเอง ช่วงนั้นโทรสับเจ๊งอยู่ ต่อเนตแล้วรมณ์เสีย) อืม....บอกก่อนนะคะ ที่เขียนมาเนี่ย มาชวนคุยนะคะเพราะเห็นหลายๆคนมาโพส ถามเรื่องลดความอ้วนแบบอภินิหาร(เห็นผลทันตา) หรือไม่ ก็ถามหาสูตรโน้น สูตรนี้ ไม่ใช่ว่าเราจะแอนตี้สูตรพวกนั้นนะคะ เราเชื่อว่ามันลดได้จริงตามสูตร (แม้จะไม่เคยลองทำตาม) แต่เราว่ามันไม่ได้เรียกว่าลดแบบได้ผลหรอกค่ะ เพราะมันไม่ได้ลดถาวร จะว่าไปเราก็เคยอยากลดแบบอภินิหารนะคะ เผอิญว่าเมื่อตอน 8-9เดือนก่อนโน้น (ช่วงต้นปี) อ้วนมากกกกกกค่ะ โดนคนรอบตัวทักว่าพองลม...... โหหหห เครียดสิคะ ก็เลยกะว่า เอาล่ะ คราวนี้จะลดล่ะน้าาาาาาา เราก็เอาเลยค่ะ อดข้าว 2วัน (ดื่มน้ำอย่างเดียว) อืมมมม ผอมไป 3โลได้มั้ง คนรู้จักทักว่า ผอมลงๆ แต่ตอนนั้นเราทรมานมาก เราอยากกกกก กินง่ะ วันนั้นจำได้ว่าพี่เค้าลองใจ เค้าทำไก่น้ำแดงแล้วแกล้งชวนเรากิน เราคิดอยู่ 3 วิ ว่าแหม....มื้อเดียวน่า ไม่อ้วนหรอก จากนั้นก็ฟาดไป 3จาน หย่อยๆๆ ต่อมาอีกวันก็กิน... กินแบบเข้าข้างตัวเองว่ากินน้อย ไม่อ้วนๆ ที่ไหนได้ พอพี่ที่สนิทกันอีกคนกลับมา คำแรกที่ทักเราคือ “หนูไปทำไรมาคะ อ้วนเชียว อ้วนขึ้นนะเราน่ะ” (ประมาณนี้อ่ะค่ะ จำไม่ค่อยได้ จำได้แต่รู้สึกว่า....นี่ตูอดข้าวไปตั้ง2วันทำไมฟะ) เราจำได้ว่าเราเถียงว่าไม่จริง เราอดมาตั้ง 2 วัน แค่กินนิดๆหน่อยๆ แค่เนี้ย อ้วนได้ไง---(อ้วนได้ชัวร์ค่ะ เหอๆๆๆ) ***เดี๋ยวมาต่อค่ะ*** จากคุณ : ***fat fat*** - [ 22 ต.ค. 46 12:35:50 A:203.122.69.37 X: ] จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 22:02:15 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ความคิดเห็นที่ 1 จากนั้นมาก็เข้าเนต แล้วก็หาข้อมูลอย่างเอาเป็นเอาตาย หาไปหามา ไปเจอเวปเพาะกายไทย ทูวะยานน อะไรนี่แหละ ไอ้เราก็เลยเซฟๆเก็บไว้เผื่อเพื่อนคนนึง เผื่อมันอยากมีกล้าม ตอนนั้นไม่มีไรทำเลยลองๆ อ่านดู เราว่าเออเข้าท่าดีนะก็เลยไปบอกพี่กริช(คนที่ว่าเราอ้วนขึ้น) ว่าเราอ่านเวปเพาะกาย ดีเชียวล่ะ อยากอ่านไหม เค้าก็ว่า เราอ่านอะไรไม่เข้าเรื่อง พวกนั้นกล้ามใหญ่น่าเกลียดจะตาย เค้าไม่เอาหรอกแค่นี้น่ะดีแล้ว(เค้ามีกล้ามนิดๆอ่ะค่ะ มีซิกแพ็กด้วย เลยเหริงไปหน่อย) เค้ายังว่าเราจะเพาะกายหรอ น่าเกลียด เราเป็นผู้หญิงนะ นี่ล่ะน้าที่เราไม่ชอบ คนทรนงตัว เราว่านะคะ คนเรา ถ้าเรื่องไหนรู้ไม่ลึกพอ ควรเปิดใจกว้างๆ เรียนรู้มันซะ แล้วเผื่อจะได้อะไรดีๆ อย่างเรื่องเวปเพาะกายไง ขึ้นชื่อว่าเพาะกายเนี่ย มันไม่ได้มีแค่ทำไงให้ ตัวหย่ายๆ แบบคิงคองซักหน่อย ในเมื่อดื้อ เราก็ไม่ง้อล่ะ เราก็อ่านเก็บข้อมูลต่อ อ่านไปอ่านมา....... เอ... เอาไปลองทำมั่งดีกว่า ตอนนั้นไม่ได้อยากเพาะกายนะคะ(ตอนนี้ก็ด้วย) แต่อยากให้ร่างกายเฟริมๆค่ะ สรุปแล้วเวปนั้นช่วยเรามากเรื่องกายออกกำลังกายแบบ ยกน้ำหนัก (weightlifting) เดี๋ยวมาค่า*** จากคุณ : *** fat fat *** - [ 22 ต.ค. 46 13:26:16 A:203.122.69.86 X: ] จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 22:03:29 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ความคิดเห็นที่ 3 พอได้เรื่องการออกกำลังกายแบบยกน้ำหนักนะคะ ก็ไปเอาพวกหนังสือคู่มือลดความอ้วนมาปัดฝุ่น (เล่มที่ อดีตน.ส. ไทย เขียนอ่ะค่ะ ที่อ่านๆมา ชอบอันนี้สุดเลยซื้อเอาไว้ ตั้งหลายปีแล้ว......เล่มอื่นที่ว่านับแคลฯ อย่างนู้น อย่างนี้ หรืออาหารสูตรนั้นสูตรนี้ไม่ชอบค่ะ...มันงง...มันวุ่นวาย เกินไปขี้เกียจจำ) อ้อเผื่อใครสงสัยทำไมต้อง อ่านเกี่ยวกับการยกน้ำหนัก (หมายถึงทำไมต้องศึกษา นะคะ......ทำไมไม่ยกๆไปเลย) บอกนิดนึงนะคะว่า...มันยากตรงหายใจยังไงให้สัมพันธ์กับท่าที่ยก อ้อแล้วก็ออกแรงกล้ามเนื้อส่วนที่จะฝึกยังไงอ่ะค่ะ (ตอนนี้ยังทำแบบงงๆ อยู่เลยค่ะ จำไม่ค่อยได้....อิอิ) เดี๋ยวมาจ้า*** จากคุณ : ***fat fat*** - [ 22 ต.ค. 46 13:57:25 A:203.122.69.86 X: ] จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 22:04:19 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ความคิดเห็นที่ 11 หุๆๆ มาทักทายคุณคินฯค่า และเห็นด้วยมากกกก ค่ะที่คุณพูดมา (กระทู้นั้น ยังอยู่ป่ะคะ อยากอ่านๆๆ) คุณ I'm fine มีค่ะมี แต่เราทราบอยู่เวบเดียวอ่ะค่ะ www.tuvayanon.com เหอๆๆ เราเจอโดยบังเอิญอ่ะค่ะ เลยเซฟเก็บไว้ ถ้าคุณเปิดเข้าไปคุณอาจจะแบบว่า ต๊กกะใจที่เห็นนักกล้ามตัวโตๆ แต่อย่าเพิ่งปิดนะคะ ลองอ่านๆดู คุณจะรู้ว่าเราสามารถเอา มาใช้ประโยชน์กับเราได้ เช่น ควรหายใจยังไงตอนยกท่านั้น ท่านี้ เชตนึงควรทำกี่ครั้ง ควรพักกี่นาที ทำไมการออกกำลังกายแบบยกน้ำหนักถึงดี (เพราะถ้าเรามีกล้ามเนื้อ มันจะช่วยเราเผาผลาญ เราก็จะได้กินๆๆๆๆๆๆๆโดยไม่อ้วน อิอิอิ อันนี้เราชอบ) อ้อ..และก็จะทราบคำตอบของคำถามยอดฮิต ทำมั๊ย ทำไม เราออกกำลังกายแล้วน้ำหนักไม่ลด หรือไม่เราก็หนักขึ้น (ก็กล้ามเนื้อหนักกว่าไขมันไงคะ) ฯลฯ อะไรทำนองนี้อ่ะค่ะ คุณอาจจะบอกว่า แล้วทำไมเราต้องรู้ล่ะคะ เช่น ทำไมเราต้องรู้ว่า กล้ามเนื้อหนักกว่าไขมัน........ อิอิอิ ก็แหม ถ้าคุณรู้ซะอย่างเนี้ย จะได้ไม่ถอดใจจากการออกกำลังกายเพียงเพราะคุณเห็นว่า ตัวเลขบนเครื่องชั่งนั้น มันไม่ได้ให้กำลังใจคุณเลยไงคะ ^_______^ จากคุณ : **fat fat** - [ วันปิยมหาราช 00:38:47 A:203.122.69.150 X: ] จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 22:05:39 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ความคิดเห็นที่ 12 ต่อกันเลยนะคะ ไอ้เจ้าคู่มือที่เอามาปัดฝุ่นน่ะ นะคะ ก็เอามาอ่านๆให้มันได้ไอเดียหน่อยนึง ไม่ได้ถือเป็นคัมภีร์ไบเบิลสำหรับการลดน้ำหนักหรอกนะคะ อ่านพอผ่านๆ เลือกข้อที่คิดว่า—โอ้โห....โดนแฮะ ประมาณว่าเตือนสติได้ชะงัด--- มาซัก ข้อสองข้อ เช่น มีอันนึงเขียนว่า ** การลดน้ำหนักที่ได้ผลดี 90 เปอร์เซ็น มาจากการควบคุม อาหาร อีก 10 เปอร์เซ็น มาจาก การออกกำลังกาย ** ข้อนี้นะคะ จำได้ตั้งแต่อ่านครั้งแรก มันเตือนใจสุดๆ เพราะเมื่อก่อนเรามีนิสัยอย่างนึงค่ะ ยกตัวอย่างนะคะ ว่า เวลาไปกินก๋วยเตี๋ยวหย่อยๆยังงี้ เราก็อยากเบิ้ลน่ะค่ะ มันก็จะมีอยู่ ชั่วขณะนึงที่คิดว่า กินต่อดี หรือไม่ดี ถ้าเมื่อก่อนจะคิดว่า –แหม.. กินๆไปเหอะเดี๋ยวเย็นนี้ จะไปยิมอยู่ดี (หรือไปพรุ่งนี้ก็ได้) แล้วก็จะลงเอยด้วยการกินต่อ คือ เราเอาการออกกำลังกายมาเป็นข้ออ้างในการกินเยอะอ่ะค่ะ (คือเราจะทำแบบนี้บ่อยมากกกกกค่ะ) แต่เดี๋ยวนี้ไม่นะคะ เราจะนึกถึงกฏเหล็กของเราข้อนี้ตลอด เราจะคิดว่ากินวันหลังละกัน เพราะ 90 เปอร์เซ็น คือ อาหารนะ เราต้องควบคุมมันดีๆ (แต่ถ้าความอยากกินชนะทุกอย่าง เราก็จะกิน เหอๆๆๆ) ทั้งนี้ทั้งนั้น โปรดอย่าเข้าใจผิดนะคะ ว่า...เราบอกว่าอดเยอะๆ แล้วจะดี ไม่ค่ะ สำหรับเราไม่มีการอดอาหาร แต่เราต้องควบคุมมันค่า (ส่วนตัวแล้ว คิดว่าจะไม่อดอาหารเด็ดขาด.......ก็คนมันชอบกินนี่คะ อยากกินง่ะเพราะงั้น ไม่อดค่ะไม่อด) มีต่อจ้า*** จากคุณ : **fat fat** - [ วันปิยมหาราช 00:42:01 A:203.122.69.150 X: ] จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 22:07:13 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ความคิดเห็นที่ 13 (ต่อ) จากการที่ เราค้นๆๆๆ เพื่อหาข้อมูลให้กับตัวเองในตอนนั้น เราก็ค่อยๆ เข้าใจหลักการลดความอ้วนแบบสร้างสรรและได้ผลดี เรียกได้ว่ามันทำให้เราหลุดออกจากความคิดเดิมๆเกี่ยวกับการลดน้ำหนักได้อย่างเด็ดขาด ความคิดเดิมๆอ่ะหรอคะ ก็เช่น อดข้าวแล้วจะผอมสวย (ไม่จริงล้านเปอร์เซ็น) อยากผอมต้องกินข้าวแค่ 1-2 มื้อ ต่อวัน เท่านั้น (เชยมากความคิดนี้ ขอบอก) ฯ คือเราไม่ได้จะว่า หรือดูถูก ดูหมิ่นใครหรอกนะคะ ความคิดพวกนั้นไม่ใช่เราไม่เคยคิด เราเคยค่ะ เราเคยลองลดน้ำหนักแบบต่างๆมาแล้ว (เราไม่เคยลองอยู่อย่างเดียวคือ ยาลดความอ้วนค่ะ.....เรายังรักร่างกายเราอยู่ ไม่อยากเสี่ยง) พวกสูตรสำเร็จแบบ 3วัน 7วัน พวกนั้นมันไม่ได้ผลกับตัวเราค่ะ เราเคยทำ....ถึงเราจะไม่ปฏิเสธว่ามันลดได้จริงตอนนั้น แต่เราขอยืนยันค่ะว่ามันไม่ได้ผล ลดไปลดมามันก็กลับมาอีกแบบพรวดพราดกว่าเดิม ขอให้เชื่อเถอะค่ะว่าทุกอย่างมันมีเหตุมีผลกันอยู่ ถึงการลดน้ำหนักจะไม่มีหลักเกณฑ์ที่ตายตัว คุณก็สามารถทำได้ ถ้าคุณลองมองดีๆ คุณจะทราบค่ะว่า วิธีที่ง่ายที่สุด อยู่ตรงหน้าคุณนั่นเอง อย่ายึดติดกับสูตรใด สูตรหนึ่ง หรือ คัมภีร์เล่มใดเล่มหนึ่ง ทุกอย่างเอามาประยุกต์กันได้ ก็อย่างที่บอกนะคะ **จะว่าง่ายก็แสนง่าย จะว่ายากก็ไม่ผิด อยู่ที่ตัวเราจริงไหมคะ** ถ้าคุณจะคิดว่า อ้าวววววว แล้วจะรู้ได้ไงคะว่าเราจะทำวิธีไหนดี ไม่ยากเลยค่ะ ฟังเสียงร่างกายคุณสิคะ มันฉลาดมากๆค่ะ มันมีคำตอบให้อยู่แล้ว -----ขอให้สุขภาพดีกันทุกคนนะคะ----- ^________^ จากคุณ : **fat fat** - [ วันปิยมหาราช 01:41:25 A:203.122.69.28 X: ] จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 22:08:47 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เบื่อยัง \L2540002 ฉันก็เป็น ผู้หญิงที่(เคย)อ้วน คนหนึ่ง ที่เขียนกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อต้องการให้กำลังใจกับทุกคนที่ต้องการลดความอ้วน เรื่องของดิฉันอาจเป็นประโยชน์ได้บ้างน่ะค่ะ เริ่มกันเลยนะคะ ดิฉันเกิดมาก็เป็นเด็กขี้โรคค่ะ โดยมีโรคประจำตัวคือ โรคหอบ เข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ซึ่งแต่ละครั้งต้องให้น้ำเกลือเป็นลิตรๆ ซึ่งคุณแม่บอกว่าให้มากจนบวมไปหมด ต้องให้น้ำเกลือโดยเจาะศีรษะเลย (สยองดี) กินยาเป็นกำๆ จนตอนนี้มันยังมีผลกับดิฉัน คือฟันเหลืองค่ะ นอกจากนั้นแล้วคุณหมอยังฉีดยาโฮโมนทำให้ดิฉันโตเร็วกว่าเด็กที่อยู่ในระดับเดียวกัน ตอนอยู่ ป.2 อายุ 8 ขวบได้มั้ง จำได้ว่าอายมาก มีหน้าอกแล้ว พอเก้าขวบก็มีประจำเดือน แต่ยังดีที่พออายุได้ซัก 8-9 ขวบดิฉันก็หายจากโรคหอบ โดยคุณหมอบอกว่าพอโตขึ้นมาก็จะมีภูมิต้านทานเองค่ะ หลังจากหายแล้ว ดิฉันก็อ้วนขึ้นเรื่อยๆ ตัวบวมๆ เพราะให้น้ำเกลือเยอะ แต่ดิฉันอ้วน เพราะพฤติกรรมการกินด้วย แต่ชอบโทษว่าเป็นเพราะกรรมพันธุ์ บ้าง กระดูกใหญ่บ้าง (อันนี้ใหญ่จริงๆ) โดยไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ทำให้ตัวเองอ้วนนั้นหลักๆ เลย คือการกิน ดิฉันกินเก่งมาก กินขนมปังที่เป็นปอนด์ พอมาอยู่มหาวิทยาลัยยิ่งกินหนัก กินพิซซ่าได้ทีละ 11 ชิ้น (กินแป้ง พร้อมหน้าหมดนะ) กินอยู่ได้ประมาณ 1 เดือน ขึ้นมา 15 กิโลค่ะ จาก 85 เป็น 100 ตอนนั้นยังไม่คิดจะลดนะ ยังมีความสุขกับการกิน จนต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะความดันสูง ไขมันสูง โดยเฉพาะเจ้าตัวไตรกลีเซอร์ไรต์ นอนโรงพยาบาลอยู่ 3 วันได้มั้ง หมอให้ยาลดไตรกลีเซอร์ไรต์ มาให้กินประมาณ 50 เม็ด จำได้ว่าเม็ดสีส้มๆ เม็ดเป้งเลย ตกเม็ดละ 50 บาท กินโดยกินวันละ 2 เม็ด ดิฉันกินอยู่ได้ 5 วัน เลิกค่ะ เพราะปวดตามตัวมาก ไม่รู้เป็นเพราะยาหรือเปล่า แต่หลังจากเลิกกินแล้ว ก็ยังไม่คิดจะลดอยู่ดี จนเรียนจบออกมาหางานทำ ใครๆ ก็บอกว่าอ้วนอย่างดิฉันนี่หางานไม่ได้หรอก ก็จริงนะกว่าจะหาได้เป็นคนสุดท้ายของเพื่อนในกลุ่มเลยที่จบพร้อมกัน ตอนนั้นจำได้ว่า เสื้อผ้าที่จะใส่ทำงานหาซื้อยากมาก ต้องไปซื้อที่บางลำภู คุณคิดดูสิ อก 50 เอวปาเข้าไป 40 ได้ สะโพก 50 กว่า ซื้อได้ก็บุญแล้ว ก็ได้แต่กระโปรงเอวอีลาสติกแหละ ก็เข้าไปทำงาน เพื่อนที่ทำงานเล่าให้ฟังทีหลังว่า ตอนแรกนึกว่าดิฉันมาสมัครงานเป็นแม่บ้าน เพราะดูมีอายุ แถม อ้วนมากอีกตังค์หาก มาอยู่ที่นี่น้ำหนักดิฉันก็อยู่ที่ราวๆ 98-102 กิโล จนตอนหลังเพื่อนชวนไปฝังเข็ม ก็ลดลงมา เหลือ 95 ตอนนั้นดีใจมากเลย แต่ที่ลดได้ไม่ไช่อะไรหรอก ต้องตื่นไปเฝ้าหมอ โดยต้องถึงโรงพยาบาล ตั้งแต่ตี 3 เป็นอย่างน้อย ไม่งั้นไม่ได้ทำ โดยตอนนั้นฮิตมากๆๆเลยการฝังเข็ม บางคนมาจากต่างจังหวัด มาตั้งแต่ตีหนึ่งก็มี ตอนนี้ดิฉันเริ่มป่วยบ่อย โดยเป็นโรคต่อมทอลซินอักเสบ เป็นหวัดติดๆๆกันเดือนละ 2-3 ครั้ง จนเป็นไซนัส ต้องขอบอกว่าทรมานมาก ต้องไปดูดหนองออก คุณเชื่อหรือเปล่าว่าไม่มีอะไรปวดได้มากกว่าตอนปวดไซนัสอีกแล้ว เหมือนคนมากระชากหน้า กินยาก็ไม่หายเพราะปวดตามเส้น แม่ต้องประคบด้วยน้ำแข็งตลอด 3 วัน ตอนนั้นเริ่มคิดได้ แล้วก็ตั้งปณิธานไว้ว่าฉันต้องผอมให้ได้ ไม่งั้นตายแน่ๆ ดีที่มีเพื่อนร่วมลดด้วยเพราะเพื่อนที่ทำงานมีอ้วนอยู่ด้วยกันอีก 2 คน (ซึ่งตอนนี้เค้าก็ยังลดไม่ได้) ดิฉันเริ่มจากการลดมื้อเย็น โดยกินปกติอีก 2 มื้อ จำได้ว่าลดมื้อเย็ฯของดิฉัน ก็กินมะม่วงน้ำดอกไม้เป็นโล เลย แต่มันก็ยังลดคงเป็นเพราะน้ำหนักตัวที่เกินเยอะ จนลดมาอยู่ช่วงนึง ก็ไปออกกำลังกาย ทั้งๆที่เกลียดการออกกำลังกาย แต่ด้วยความที่อยากผอมก็ไปค่ะ ไปมันก็ติด จากออกแค่ชั่วโมงเดียว กลายเป็น 2-3 ชั่วโมง จนตอนนี้มาบ้าออกกำลังกายมากออก บางทีออกติดกัน 6-7 ชั่วโมงไปเลย อ้อ เป็นโรคจิตอยู่พักนึง กินแล้วก็คาย จนเพื่อนที่ฟิตเนสว่านี่แหละ แล้วเราก็กินตามเพื่อนก็หาย เคยน้ำหนักต่ำสุด 41 กิโล ผอมจนน่าเกลียด แต่ตอนนั้นตัวเองเห็นว่าสวย จนตอนหลังเพื่อนๆทนไม่ได้ก็ว่าแรงๆ หมอก็ว่า จนต้องมาเพิ่ม จนตอนนี้อยู่ที่ 44 กิโล สัดส่วนก็เหมือนเดิมนะ ไม่ได้ขึ้นแต่ดูดีขึ้น อกยัง 31 เอวยัง 23 สะโพกยัง 33 แต่ตอนนี้เริ่มมาลำบากอีกเพราะไตรกลีเซอร์ไรต์ต่ำ ต้องกินถั่วงา เยอะๆอีก น้อยเกินไปก็ไม่ดี มากไปก็ไม่ได้อีก เขียนมาซะยาว แค่อยากจะบอกว่าทุกคนทำได้ค่ะ กับการลดความอ้วน แต่ต้องทำอยู่บนพื้นฐานที่ไม่ได้ทำร้ายตัวเองด้วย อย่ากินเลยค่ะ เจ้ายาลดความอ้วน เพื่อนดิฉันกิน เค้าก็ผอมๆ อ้วนๆ อยู่อย่างนั้น หยุดกินแล้วก็อ้วนกว่าเดิมอีก มาออกกำลังกายก็ไม่ลดเลย เค้าก็บ่นอยู่อย่างนี้ ทั้งๆที่เค้ากินไม่เยอะ ตัวดิฉันเองตั้งแต่ลดมาไม่เคยกินยาเลย เพราะกินยาแต่เด็กจนเข็ด อย่างไรก็แล้วแต่อย่าลืมเรื่องการออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ถูกสัดส่วน แค่นี้แหละคุณก็จะผอมมีรูปร่างที่คุณพอใจได้แล้ว จากคุณ : ชอบออกกำลัง - [ 14 พ.ย. 46 15:39:53 A:203.107.158.13 X: ] แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 47 22:15:54 จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 22:10:44 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ความคิดเห็นที่ 17 อืมนับถือเลยค่ะคุณเจ้าของกระทู้ เราว่าเราเก่งแล้วนะเจอเซียนเก่งกว่าเราอีก ของเรานี่ จาก 80 เหลือ 45 แล้วก็ขอไปหยุดอยู่ตอนนี้ที่ 48 เพราะเราเล่นกล้ามเนื้อค่ะ เราเกิดมาก็สมบูรณ์พูนสุขแล้วค่ะ ลูกสาว และ หลานสาวคนแรกของบ้านเลี้ยงกันแบบสุด ๆ ดูทีวี กินกล้วยน้ำหว้าทีละหวี กินข้าว 3 มื้อ มื้อละ 2 จาน ขนมไม่ขาดปาก หุ หุ ก่อนนอนตบข้าวมันไก่ หรือไม่ก็ ขาหมู บางทีก็ข้าวหมูแดงทุกคืนเลย พฤติกรรมนี้สะสมมาตั้งแต่อยู่ ป.1 นะคะ คือดูสิว่าตัวเราจะแน่นขนาดไหน แต่โชคดีอยู่อย่างที่ที่บ้านเราอบรมให้รู้จักรักการออกกำลังกาย เราเลยได้เรียนว่ายน้ำตั้งแต่อนุบาล ทำให้เราอ้วนแบบเนื้อแน่น และ บึกบึน ไม่อ้วนแบบเหลวเปลวนะคะ เป็นนักกีฬา ถึงแม้นจะอ้วนแบบนั้นแหละค่ะ แถมดูแมนมากด้วย คือไม่เคยอยากสวยเลยทีแต่อยากกินแม้นจะเป็นสาวสะพรั่งแล้ว จนเกิดการท้าทาย แล้วมีการเดิมพันด้วยเงินค่ะ เรายอมลดเพื่อเงินของคุณอา 555 โลละ 500 เรารับปากทันที ตอนนั้นอยู่ ม.5 ค่ะ เราคิดว่าเอาวะลดแค่ 5 โลก็พอแล้ว ได้เงินโขอยู่ แต่ทีไหนได้พอเริ่มลดจริง ๆ ด้วย การว่ายน้ำจริงจัง (ไม่ใช่เล่นน้ำนะคะ) 1 ชม.อาทิตย์ละประมาณ 2 วัน เต้นแอโรบิคทุกวัน วันละ 1 ชม. ไม่เคยหยุดสักวันนะคะ (ตอนนั้นมันอยากได้เงินจัด) ซิตอัพวันละ 100 หน ทุกวัน อาหารเลี่ยงพวกแป้ง เน้นผักเยอะ ๆ ดื่มน้ำเยอะ ๆ แต่เราชอบขนมจีนน้ำยาป่ามาก เรากินแบบตื่นมาก็ซัดมันไปเลยขนทจีน 1 กก. กับน้ำยาป่า แล้วพอเบื่อ ๆ ก็จะเริ่มกินน้อยลงไปเอง ตอนเย็นก็กินเร็วขึ้นให้ห่างจากเวลานอน กินน้อย (แต่ต้องกินค่ะ) อะไรที่อยากกินมาก ๆ แต่แครอรี่สูงเราจะเก็บไว้กินในมื้อเช้าแทน เช่น ทุเรียน ใช้เวลาประมาณ 8-10 เดือน เพื่อนเราจำเราไม่ได้เลย มันเปลี่ยนไปหมดค่ะ เอวเราเหลือ 23 จาก 31 ไม่รู้มันหายไปไหนเลยนะ คนที่ไม่เคยรู้ว่าเราอ้วน ก็ไม่เคยเชื่อเลยว่ารูปร่างอย่างเราเคยอ้วน เพราะมีกล้ามท้อง และ เนื้อไม่หย่อนเลยนะคะตอนนี้อายุ 30 แล้วค่ะ แต่น้ำหนักยังเท่าเดิม เอวก็ยังเท่าเดิม ไม่เคยอ้วนขึ้นเลย แต่นั่นเพราะเราติดค่ะ ติดการออกกำลังกายมาก ๆ ออกกำลังกายซะจนหลายคนเรียกสาวน้อนร้อยแรงม้า อิอิ ตลกดี มีแต่คนชอบถามว่าเอาแรงมาจากไหนมากมายนัก ตัวนิดเดียว(ตัวบางค่ะ) แต่กินอาหารทีผู้ชายงงนะคะ สวาปามแบบว่าโหกินหรือเนี่ย กินเก่งค่ะ แต่ก็ไม่เคยอ้วนเลย ตอนนี้รู้สึกดีใจที่ แม่ และ ที่บ้านเลี้ยงเราแบบให้รักการออกกำลังกาย เลยไม่เคยทุกข์ที่ต้องไปออก แต่กลับรู้สึกว่ากระหายการออกกำลังกายมากกว่า เหมือนกินข้าวเลยค่ะ ไม่ได้กินมันก็โหยหาอยู่ตลอด แล้วก็โชคดีอีกทีแฟนเราเขาก็รักการออกกำลังกาย เลยกลายเป็นงานอดิเรกที่เรา 2 คนทำร่วมกันได้ทุกวันหยุดค่ะ จากคุณ : จันทราเทวี - [ 15 พ.ย. 46 09:34:00 A:203.148.252.233 X:210.203.176.177 ] จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 22:12:22 ]

ความคิดเห็นที่ 21 L2554922 กำลังใจในการลดความอ้วน จากประสบการณ์ของผม ผมเคยมีน้ำหนักมากถึง 98 กิโลกรัม เมื่อราว พ.ศ. 2545 อยากลดความอ้วน แต่อยากกินด้วย ไม่ชอบออกกำลังกาย ไปปรึกษาหมอลดความอ้วน หมอไม่ให้ผมกินยาลดความอ้วน แต่ให้ออกกำลังกาย+ลดอาหารมัน+เพิ่มผัก โดยหมอไม่ให้กินอาหารต่อไปนี้ 1. ปาท่องโก๋ 2. อาหารมันทุกชนิด เปลี่ยนจากทอด เป็น ต้ม นึ่ง ถ้าผัดผักให้ใส่น้ำมันนิดเดียว (น้ำมันเมล็ดดอกทานตะวันดีที่สุด จากประสบการณ์ของผม) 3. งดผลไม้ต่อไปนี้ มะม่วงสุก (ถ้ามะม่วงดิบ มะม่วงมัน กินได้) เงาะ ลำไย ขนุน ลิ้นจี่ ทุเรียน กล้วยหอม แตงโม ส้มหวาน สับปะรดหวาน (ถ้าเปรี้ยวกินได้ แต่อย่ากินเป็นกิโล) 4. กินปลามาก ๆ จะถูกจะแพงขอให้แดงไว้ก่อน เอ๊ย ... จะถูกจะแพงให้เป็นปลาไว้ก่อน โชคดีที่บ้านผมอยู่ทางใต้ ปลาทะเลจึงเป็นของราคาถูก (ปลาทูตัวเท่าแขนเท่าขา กิโลกรัมละไม่เกิน 35 บาทเท่านั้นเอง ถ้าซื้อในกรุงเทพ ราคานี้คงได้ 2 ตัว) 5. ห้ามดื่มนมก่อนนอน 6. เลิกบริโภคขนมหวาน ขนมปัญญาอ่อนต่าง ๆ (ที่โฆษณาหลอกเด็กน่ะ) 7. ออกกำลังกายวันละอย่างน้อย 30 นาที แต่... เนื่องจากข้อเข่าของผมไม่ดี (ผลพวงจากน้ำหนักมาก) ให้เว้นการออกกำลังกายต่อไปนี้ ที่ต้อง วิ่ง หรือ กระโดด แต่ให้เดินเร็ว หรือ ว่ายน้ำ ฯลฯ แทน 8. ตั้งเป้าไว้ไม่เกินเดือนละ 1-2 กิโลเท่านั้น ห้ามลดมากหรือเร็วกว่านี้เด็ดขาด... เบื้องต้นผมแทบทำใจไม่ได้ เราจะทำได้อย่างไร รู้สึกเหมือนไม่ได้กินอาหารยังไงไม่รู้ แต่ฮึดสู้ครับ ฮึดสู้ ผมเลยดำเนินชีวิตประจำวันดังนี้ 1. อาหารเช้า อยากกินอะไร กินไปเลย จะกินช้ากินเร็ว ไม่ว่า แต่เมื่อกินเสร็จจานที่หนึ่งแล้ว ให้โอ้เอ้นั่งอ่านหนังสือพิมพ์หรือทำอะไรต่อไปสักพัก (เพราะเรามักคิดว่าเรายังไม่อิ่ม ยังกินได้อีก ด้วยความตะกละมาแต่เดิม) ผ่านไปสัก 10-15 นาที ค่อยลุกไปซื้อจานต่อไป แต่นั่นแหละครับ พอเราลุกไปซื้อข้าวจานต่อไป เราก็รู้สึกแล้วว่าเราอิ่ม โดยไม่ต้องเบิ้ล หรือไม่ก็ กินข้าวกล้อง (ผมหุงเอง) กินกับไข่เจียว (อาหารยามยาก) แต่ผมกินเฉพาะมื้อเช้านี้ 2 ฟองเชียวนะครับ ย้ำว่า 2 ฟองเลย แต่น้ำหนักลดครับ .... 2. อาหารเที่ยง กินก๋วยเตี๋ยว ใส่ถั่วงอกเยอะ ๆ แม่ค้ามีแรงใส่เท่าไหร่ ใส่มาเลย ใส่หมดเข่งหมดสวนก็ใส่มาเหอะ เรามีแรงกินถั่วงอกเท่าไหร่ กินไปเลย ... ทั้งนี้ ผมชินกับการกินโดยไม่ปรุงรส เลยไม่เดือดร้อนที่ไม่ต้องใส่น้ำตาล ใครชินกับการกินหวาน เพลา ๆ หรืองดไปเลยแล้วกัน ห้ามเบิ้ล ถ้าคิดจะเบิ้ล ให้สัญญากับตัวเองว่าอีก 15 นาทีค่อยเบิ้ล ถึงเวลาก็ขี้เกียจแล้วครับ 3. อาหารเย็น ข้าวเปล่า 1 จาน ปลาทูทอด (ของผมทอดนะเอ้อ..) 1 ตัว อาจตบท้ายด้วยไวตามิลค์สัก 1 ขวด 4. ออกกำลังกายโดยการ เดิน ครับ เดิน เดิน เดิน ถ้าคำนวณจากระยะทางในกรุงเทพ ผมเดินไปกลับวันละประมาณ 16-20 ป้ายรถเมล์ เดินเร็ว ๆ หรือค่อนข้างเร็ว เอาแบบนางงามเดินบนแคทวอล์คน่ะ อย่าเดินช้าเป็นนางสาวไทยขอคะแนนกรรมการ เพราะจะใช้พลังงานน้อยกว่ามาก 5. ถ้าวันไหนไม่อยากเดิน ผมเปิดเพลงแล้วเต้นแรงเต้นกาในห้อง ซิตอัพ ฯลฯ ราว ๆ 30-60 นาที แล้วแต่อารมณ์ 6. วันไหนอยากกินอะไรพิเศษบ้าง กินไปเหอะ เดือนหรือ2เดือน / ครั้ง ก็พอ (อย่า "บ้าง" ให้ถี่นัก จะอ้วนขึ้นเสียเปล่า ๆ ) เช่น กิน KFC อะไรทำนองนี้ 7. อย่าใช้วิธีอ้วกเด็ดขาด เพราะจะมีผลเสียต่อระบบย่อยอาหาร หรือ หากมีน้ำย่อยออกมาแล้ว มันจะกัดระบบลำเลียงอาหารของคุณ ดีไม่ดี ถึงตายเชียวนา... ถ้าคิดจะอ้วก ให้กินน้อย ๆ แทน เสียดาย กินแล้วอ้วก ให้หมูให้หมากินยังดีกว่า... 8. ถ้าวันไหนไม่อยากกินข้าวเย็น (เบื่อปลาทู) ให้ทำแกงจืดครับ แกงจืดเต้าหู้อ่อนหมูสับผักกาดขาวนี่แหละ จะกินกี่ถ้วยกี่หม้อ กินไปเลยครับ ผักกาดขาว หัวใหญ่เท่าช้างแมมมอธ หัวละแค่ 20 บาท กินไปเหอะ ไม่ถึงกับทำให้สถานะทางเศรษฐกิจของชาติล่มจมแน่นอน หรือไม่ก็กินผลไม้ครับ ฝรั่ง 1 ผล และ มะม่วงมัน/เปรี้ยว 1 ผล ผลหรือครับ ผมลดน้ำหนักได้เดือนละประมาณ 1-2 กิโลจริงอย่างคุณหมอว่า ผมเลยต้องไปโทษคุณหมอที่ทำให้ผมเดือดร้อน ผมต้องซื้อกางเกงใหม่หมดเลย เพราะกางเกงของเดิม ทำให้ขายหน้าเมื่อครั้งเที่ยวเมืองบางกอก ตอนลงรถเมล์ มันเลื่อนหลุดลงไปครับ หลุดลงไปเลย เอวเล็กลงมาก อย่างเห็นได้ชัด รวมถึงคนอื่นก็เห็น G-String ของผมอย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน ฮ่า ๆ ๆ ๆ ช่วงปีแรกนี้ผมลดน้ำหนักได้ 18 กิโลกรัม (ทั้งปีนะครับ ย้ำว่าทั้งปี) ปีนี้ผมได้วิธีใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก ผมกินเฉพาะมื้อเช้าและเที่ยง มื้อเย็นกินเฉพาะผลไม้ และไปออกกำลังกายโดยเต้นแอโรบิก วันละ 1 ชั่วโมง ทำให้น้ำหนักลดไปเดือนละ 3 กิโลกรัม เคยทดลอง กินข้าวเช้ามื้อเดียว มื้อเที่ยงและเย็นกินเฉพาะผลไม้ + เต้นแอโรบิกวันละ 1 ชั่วโมง ภายในสัปดาห์เดียวน้ำหนักลดได้ราว 2.5 กิโลกรัม (แต่อย่างหลังอย่าทำบ่อย) ตอนนี้น้ำหนักผมจวนถึงเป้าหมายที่วางไว้แล้วครับ (62 กิโลกรัม) เลยทำบันทึกนี้ เพื่อให้กำลังใจคนอ้วนทุกคนครับ ย้ำว่า.... อย่าอ้วก ถ้าคิดว่ากินเพื่ออ้วก เอาให้หมูให้หมากินดีกว่า เสียดายครับ อย่าอ้วก แก้ไขเมื่อ 25 พ.ย. 46 11:14:42 จากคุณ : คืนเหงา เฝ้ารอจันทร์ - [ 25 พ.ย. 46 11:11:55 ] จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 22:13:21 ]

ความคิดเห็นที่ 22 === เอากระทู้เก่าของคุณ HOBBIT มาให้อ่าน === จากคุณ : la-la-bell - [ 23 ก.ค. 47 22:19:50 ]

ความคิดเห็นที่ 23 โห ขอบคุณ คุณ la - la - bell มากเลยค่ะ ได้ความรู้เยอะเลย มีให้เลือกหลายวิธี จากคุณ : กิ๊บ ... กิ้วววว - [ 23 ก.ค. 47 22:59:45 ]

ความคิดเห็นที่ 24 โห........สุดยอดอะค่ะคุณ la - la - bell ขอบคุณนะค้า... ^^ จากคุณ : ต้วนมันอ้า - [ 24 ก.ค. 47 00:24:41 ]

ความคิดเห็นที่ 25 มาโอ้โฮคุณ la-la-bell ด้วยอีกคนค่ะ สุดยอดแห่งการเก็บกระทู้ลดน้ำหนักจริงๆ หลายกระทู้ที่ยังไม่ได้เคยอ่าน อ่านสนุกดีค่ะ ขอบคุณนะคะ จากคุณ : Cup Cake - [ 24 ก.ค. 47 13:06:34 ]

ความคิดเห็นที่ 26 โห คุณ la-la-bell อ่านแล้วเพลินจังเลย กำลังใจสานต่อการลดความอ้วนมีมากขึ้นอีกตรึม จากคุณ : จดหมายถึงพระจันทร์ - [ 25 ก.ค. 47 14:25:30 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ขอขอบคุณ ทุกๆความคิดเห็นครับ มีประโยชน์มากๆ และยังสามารถนำหลายๆวิธีมาประยุกต์รวมกันได้ จากคุณ : ... (สุจิปุลิ) - [ 25 ก.ค. 47 14:40:14 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โหๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ่านเพลิน ลืมทานข้าวเย็นเลยอ่ะ ขอบคุณมากเลย ได้ประโยชน์จริงๆค่า จากคุณ : supercat007 - [ 19 ส.ค. 47 20:51:51 ]