Harris Interactive ได้จักทำการวิจัยเกี่ยวกับมุมมองของคนในอเมริกาเกี่ยวกับสินค้า หรือ วิธีการรักษาเพื่อลดริ้วรอยอันไม่พึงประสงค์ก่อนวัยอันควร ระหว่างวันที่ 29 มีนาคม ถึง 9 เมษายน 2547 มีคนร่วมทำแบบสอบถาม 1,343 คน กลุ่มตัวอย่างอายุมากกว่า 25 ขึ้นไปนะคะ (25 นี่ฝรั่งจะเริ่มย่นมากแล้วค่ะ โดยเฉพาะฝรั่งอเมริกันที่ชอบอาบแดด)
ผลการทำแบบสอบถาม แบ่งกลุ่มของผลิตภัณฑ์และกระบวนการรักษาริ้วรอยได้คร่าวๆดังนี้
พวกครีมบำรุงต่างๆที่หาซื้อได้เอง ไม่จำเป็นต้องใช้ใบสั่งแพทย์
พวกครีมบำรุง ที่ต้องมีใบสั่งแพทย์ - - > ขยายความ รำเพยคิดว่าจะเป็นพวก chemical peel อย่างอ่อนๆ หรือว่าพวกครีมวิตามิน เรตินเอ หรือครีมที่เข้าข่ายยาน่ะค่ะ ในอเมริกาจะหาซื้อเองไม่ได้ไม่เหมือนเมืองไทยนะคะ
พวกกลุ่มฉีดเข้าผิว เช่น Botox, collgen ingections, หรือการฉีดไขมันเข้าไปที่หน้าเพื่อทำให้หน้าเต่งตึง
พวกที่กรอผิว หรือว่าลอกผิว เช่น chemical peel แบบความเข้มข้นสูง, Microdermabrasion, dermabrasion, laser skin resurfacing, IPL ฯลฯ
พวกที่ไปผ่าตัดดึงหน้าทำหน้า
รำเพยอยากจะเน้นสักนิดนะคะ ว่าการที่ FDA จะให้เครื่องสำอางครีมบำรุงต่างๆ มาขายในตลาดได้หรือไม่นั้น ถ้าของนั้นไม่มีสารที่ทำอันตรายกับผิวก็ขายได้ค่ะ ส่วนการรับประกันว่าผลิตภัณฑ์นั้นดีจริงหรือไม่นั้น FDA ไม่ได้ควบคุมนะคะ เค้าควบคุมแค่ความอันตราย แค่ไม่ให้อันตรายก็ผ่าน เพราะนี่คือเครื่องสำอาง ไม่ใช่ยา ยกเว้นในกรณีที่ครีมนั้นๆจะมีส่วนผสมที่เข้าข่ายยา ก็จะเปลี่ยนสถานะกลายเป็นยาไป
กลับมาเรื่องเดิม
ผลการทำแบบสอบถามนะคะ
เป็นตามที่คาดหมายคือคนส่วนมากก็ใช้ครีมที่หาซื้อได้ง่ายๆ
72% ผู้หญิง และ13% ผู้ชาย ใช้ครีมกันแก่กันทั้งนั้นเลย
36% ผู้หญิง และ 11% ผู้ชายใช้พวกไวตามิน (โดยเฉพาะ E และ C) หรือ พีชสกัดทาลงบนหน้า เพราะว่าเชื่อว่าทำให้หายแก่ได้
19% ผู้หญิง และ 6% ผู้ชาย บอกว่าใช้พวกยาที่หมอสั่งแบบมีใบสั่งยา -- > สำหรับเมืองไทย รำเพยคิดว่าคงจะพวกเรตินเอ หรือครีมที่มีวิตามินที่เราซื้อเองในร้านขายยาน่ะค่ะ
น้อยกว่า 10% บอกว่าตัวเองไปดึงหน้าผ่าตัด
ผลที่เห็นคือ ยิ่งยาก (เช่นผ่าตัด หรือฉีดยา) ก็ยิ่งเห็นผลดี แต่ว่าความเสี่ยงสูงและก็แพง ส่วนพวกครีมบำรุงต่างๆไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่นัก ที่แย่กว่านั้นก็คือ 15% ของผู้ที่ใช้ครีมบำรุงแบบที่ซื้อเอง และ 18% ของผู้ที่ใช้ยาบำรุงที่ต้องให้หมอสั่งให้ ก็พบว่าการซื้อยาหรือครีมพวกนี้มาทาเองนั้น ส่งผลเสีย คือแทนที่จะดีกลับกลายเป็นระคายเคืองผิว, ผิวแดง, จนถึงเกิดอาการแพ้ได้
ไปอ่านต่อเต็มๆได้ที่นี่ค่ะ
http://my.webmd.com/content/Article/87/99341.htm?pagenumber=1
จากคุณ :
รำเพย
- [
14 ส.ค. 47 18:29:43
]