PANTIP.COM : L2995443 • • ช่วยอ่านหน่อยค่ะ • • [โภชนาการและความงาม]

ความคิดเห็นที่ 1

ไหนๆก็ไหนๆ เดี๋ยวคนเข้ามาจะบ่นว่า เรียกเข้ามาทำไมเนี่ยยยยยยยย

เอ้า เอาบทความเก่าเขียนไว้เรื่องล้างหน้ามาให้อ่านกันอีกรอบ เผื่อคนยังไม่เคยอ่านก็จะได้อ่านนะคะ

ว่าด้วยที่ล้างหน้า

ผู้หญิงเราแต่งหน้า ทากันแดด ทาครีมทุกวัน การที่จะล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าเหมือนนั้นคงไม่เพียงพอ เพราะว่าหน้าเราไม่ได้มีแค่การเปื้อนฝุ่น ถ้าเปื้อนแค่ฝุ่นล้างน้ำเปล่าก็ออกหมด หรือถ้าคนที่แต่งหน้าแค่แป้งฝุ่น ไม่มีการทารองพื้น แค่น้ำเปล่าก็ล้างออกหมดค่ะ

ส่วนผสมของที่ล้างหน้าจะมีสามส่วนใหญ่ๆ คือ 1) ส่วนที่ทำหน้าที่ล้างสารที่ละลายน้ำได้ กับ 2) ส่วนที่ทำหน้าที่ล้างสารที่ละลายในน้ำมัน 3) อีกส่วนที่เพิ่มเข้ามาคือการเพิ่มเสริมของผู้ผลิต ไม่ว่าจะเป็นน้ำหอม, มอสเจอรไรเซอร์, กลิ่น, สี, หรือตัวทำละลาย (ทำให้ส่วนผสมทั้งหลายรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวแทนที่จะอยู่กันแยกๆ) บางทีก็ใส่ scrub มาด้วย เพื่อช่วยในการขจัดคราบ หรือที่ล้างหน้าบางยี่ห้อก็ใส่ยารักษาสิวมาด้วยเช่นใส่ salicylic acid หรือ benzoyl peroxide

ส่วนที่อยากให้คนใส่ใจกันหน่อยก็คือที่ล้างหน้าที่ใส่สารที่ล้างหน้าที่ละลายไขมันไว้เยอะๆน่ะค่ะ พวกนี้สังเกตได้ง่ายหน่อยก็คือว่า ฟองจะเยอะ ล้างแล้วหน้าเรียบตึง ไม่มีความมันความชุ่มชื้นตามผิวปกติเหลืออยู่........ถ้าที่ล้างหน้าของคุณเป็นแบบนี้น่ะ อันตรายนะคะ ไม่ใช่ว่าดีหรอก
ทีนี้ทำไมถึงไม่ดีล่ะ ก็ล้างแล้วหน้าแห้ง “สะอาด” ดีนี่นา ทำไมไม่ดี

การล้างหน้าด้วยการใช้สารล้างหน้าที่ก่อโฟม หรือว่าสบู่ล้างหน้า หรือเจลล้างหน้าที่พอล้างแล้วหน้าแห้งตึง หรือแม้กระทั่งล้างหน้าด้วยที่ล้างหน้าแบบอ่อนโยนแต่ว่าล้างมากๆหลายๆรอบนั้นไม่ดีแน่นอนค่ะ เพราะว่าการล้างหน้ามากไปจะทำให้เกิดผลตังต่อไปนี้

• ค่า pH ของผิวจะเปลี่ยน ผิวคนเวลาปกติจะมีค่า pH อยู่ที่ประมาณ 4.5 ถึง 5.75 หรือมีความเป็นกรดอ่อนๆ น้ำเปล่ามีค่า pH เป็น 7 ส่วนสบู่หรือที่ทำความสะอาดหน้า จะมีค่า pH ประมาณ 7 ถึง 12 หรือเป็นด่าง ซึ่งจะทำให้ค่า pH ผิวเปลี่ยนไปและความสามารถในการป้องกันแบคทีเรียของผิวก็จะลดลง

• แบคทีเรียที่ก่อสิว เจริญได้ดีในความเป็นด่าง.....ล้างหน้าพยายามให้สะอาดน่ะ หารู้ไม่ว่าตัวเองกำลังบำรุงสิว สร้างสภาวะเหมาะสมให้เชื้อสิวเจริญเติบโตอยู่บนผิวหน้าที่ “สะอาด” (ที่นึกว่าสะอาด)

• ผิวที่หลังล้างแล้วแห้งเพราะว่าน้ำมันตามธรรมชาติหลุดไปก็ทำให้น้ำในผิวระเหยไปได้ง่าย ผิวก็จะแห้งลงๆๆ ทำให้เกิดอาการแพ้ได้

• ผิวแห้งจะติดเชื้อได้ง่าย และเกิดอาการแพ้ได้ง่าย

• ที่ล้างหน้าบางอย่างที่ใส่ “สารอื่นๆ” เข้าไปมากๆ เช่นน้ำหอม หรือว่าสารพวก “botanic” หรือสารสกัดจากต้นไม้ดอกไม้ ใส่ไปให้ดูเป็น “ธรรมชาติ” อาจจะก่อให้เกิดความระคายเคืองกับผิว และก็แพ้ได้ค่ะ สำหรับคนที่ผิวแพ้ง่ายระคายเคืองง่าย ถ้าเจอที่ล้างหน้าประเภทที่บอกว่า “สารสกัดจากธรรมชาติ” ส่วนมากใช้แล้วก็แพ้ทุกที หน้าเห่อกันได้แล้วก็ไม่รู้ตัวว่าแพ้อะไร

ถ้าคุณรู้ตัวว่าตัวเองชอบที่ล้างหน้าแบบมีโฟมเยอะๆหน่อย ล้างแล้วหน้าแห้ง “ให้ความรู้สึก” สะอาด หรือว่าปกติเป็นคนหน้ามันมากๆ ก็ชอบให้หน้าแห้งบ้าง ก็ขอให้อย่าล้างหน้าหลายรอบนะคะ หนเดียวก็พอตอนก่อนนอนน่ะค่ะ แต่ว่าตอนเช้าตื่นมาน่ะ ไม่ต้องทรมานหน้าแต่เช้าหรอก ก็ล้างน้ำเปล่าตอนเช้าไปแล้วกัน ส่วนตอนเย็นก็แทนที่จะล้างแล้วล้างอีก ก็ล้างหนเดียวก็พอ

รำเพยเห็นผู้หญิงบางคน ล้างอยู่นั่นแล้ว ล้างแล้วล้างอีก ล้างเครื่องสำอาง แล้วตามด้วยที่ล้างหน้า “แบบอ่อนโยน” ......แหม ล้างแบบอ่อนโยนแล้วหน้ามันลื่นๆ....อ๊ะ อย่ากระนั้นเลย ตามด้วยโฟมอีกรอบ.....อะห้าหน้าแห้งดีแล้ว ....ไหนเอาโทนเนอร์เช็ดอีกรอบให้แน่ใจดีกว่าว่าหน้า “สะอาด” ปราศน้ำมันแล้วจริงๆ .......อ่านขั้นตอนแบบนี้ทีไรหัวใจจะวาย....อะไรมันจะล้างกันหลายรอบปานนั้นหน้าเหี่ยวเร็วแย่เลยความชุ่มชื้นที่มีตามธรรมชาติน้ำมันตามธรรมชาติหายหมด ผิวมันขึ้นทันตาเห็น (ก็น้ำมันที่ควรมีมันถูกเช็ดถูกล้างออกไปหมด....ต่อมไขมันก็ต้องผลิตน้ำมันออกมาใหม่อยู่ดี ผิวก็มันเร็วน่ะสิคะ)..... ยิ่งล้างให้แห้ง ยิ่งล้างให้ “สะอาด” ผิวก็ยิ่งมันเร็วขึ้น

จะล้างหน้าก็ล้างแต่พอเหมาะเถอะค่ะ ไม่ต้องกังวลว่ามันจะล้างออกได้ไม่หมดหรอก ถ้าเช็ดหน้าด้วยที่เช็ดเครื่องสำอางน่ะ ส่วนมากพวกเครื่องสำอางที่เป็นไขมันก็ออกหมดแล้ว ล้างตามด้วยที่ล้างหน้าอ่อนๆก็สะอาดหมดแล้วค่ะ ไม่ต้องล้างแล้วล้างอีกหรอก หน้าพังพอดี

แก้ไขเมื่อ 04 ก.ย. 47 15:57:20

จากคุณ : รำเพย - [ 4 ก.ย. 47 15:55:37 ]