CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    หลังจากอ่าน diary เก่าๆ

    สองวันก่อน อารมณ์ดี นึกครึ้มเลยจัดห้องใหม่หมด พวกกองหนังสือเก่าๆ บันทึกเก่าๆ ก็กะจะเก็บให้่ดี เอาลงกล่อง และเอาเข้าตู้ แต่เจ้ากรรมคงตามมาทันหรืออย่างไรอันนี้มิทราบได้ โชคร้ายหรือโชคดีกัน ที่ไปเจอ Diary เก่าๆที่เคยเขียนไว้เมื่อสี่ห้าปีก่อน .... และแล้วความรู้สึกต่างๆก็เริ่มขึ้น
    เมื่อช่วงสี่ห้าปีก่อนเป็นช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตแบบไม่ยั้งคิด มีเงิน มีทุกอย่าง งานไม่ต้องหา จบใหม่ๆ งานที่บ้านมี มีแฟน (ที่ดูเหมือนจะดี แต่ไม่ดีเหมือนอย่างที่ดู) เรื่องราวบันทึก ก็เขียนถึง
    1 . เพื่อนตัวดีที่เป็นทั้งเพื่อนรักและเพื่อนแค้น หลังจากจบก็เข้ามาทำงานในกท. แล้วคุณเธอก็ดันลาออกจากงานเพราะไม่เข้าใจกับเจ้านายแล้วมาอยู่บ้านเรา เรารักเธอนะ แต่อะไรหลายๆอย่างทำให้เราเริ่มขอรักเธอแบบที่เป็นเพื่อนดีกว่ามากกว่าคนอยู่ด้วยกัน เช่นเธอดูถูกเราสารพัดเรื่องทำร้าน (ตอนนั้นกำลังจะทำกิจการส่วนตัว) เธอบอกว่าเราทำไม่ได้ เธอว่าเราไม่มีสมอง ทั้งที่เรามีมือมีเท้าและเรียนจบปริญญาเหมือนกัน แต่เราคิดอะไรๆคนละอย่างกับเธอ นี่แหละเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอชอบฉีกหน้าเราต่อเพื่อนๆ เวลาถามความคิดเห็นเรา เธอก็จะตอบแทนว่า "โอ้ยแกอย่าไปถามเลย คิดไรไม่ออกหรอกยัยนี่ ถามฉันสิ ฉันช่วยได้ ฉันเจ๋ง จบใหม่ๆ ก็ได้เป็นเจ้านายของไอ้พวกที่ทำงานมาเป็นสิบๆปี กบใต้กะลาทั้งนั้น เดินเข้าบริษัท ยกมือไหว้ฉัน เจ๋งไม๊ละ" แน่นอน คำว่ากบใต้กะลาก็เป็นคำที่เธอเรียกฉันด้วย ทั้งๆที่เธออยู่บ้านฉัน กินข้าวบ้านฉันที่แม่ของฉันทำให้ โทรศัพท์บ้านฉัน และค่าน้ำค่าไฟรวมถึงค่าโทรศัพท์ไม่เคยออก ด่าแม่ฉันว่าโง่ไม่ทันคน ไม่นาน ประมาณ หนึ่งปี เธอก็ย้ายออกไป โดยไม่กล่าวอำลาฉันกับแม่สักคำ โทรมาบอกแค่ว่าได้งานใหม่ไกลจากที่บ้านของฉันขอย้ายออกไปก่อนนะ แต่ทุกวันนี้ยังคิดถึง คิดถึงความรู้สึกดีดีที่เคยมีให้กัน คิดถึงเพื่อนคนนี้ที่เคยกอดกันร้องไห้เวลาทุกข์ใจ ทุกวันนี้ไม่เคยโกรธ ยังคิดถึงเสมอ ถ้าไม่เจอ diary เล่มนี้คงลืมไปแล้วว่าเธอเคยทำกับฉันยังไง ใช่เธอเคยบอกว่าฉันจะทำร้านไม่สำเร็จ เป็นจริงดังที่พูด ถามว่าเสียใจไม๊ ฉันเสียใจ ทุกวันนี้ยังนอนฝันร้าย ทุกวันนี้ยังร้องไห้อยู่ กับสิ่งที่ตัวเองเคยทำพลาด เพราะความอวดดีของตัวเอง  ฉันคงเป็นคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในสายตาของใครๆ เป็นอย่างที่เค้าดูถูกกัน และเริ่มอยู่อย่างเจียมตัวมากขึ้น
    2. เรื่องแฟน ที่ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเค้าฉันต้องทำ ต้องจัดการ ขนาดรับปริญญาชุดครุยฉันต้องวิ่งเต้นหาเช่า อยากทำร้าน ฉันขอตังค์แม่มาเปิดร้านให้แต่เธอไม่ทำ ! ตรงกันข้ามทุกครั้งที่ฉันออกไปซื้อของมาลงของในร้าน แม่ฉันมาเยี่ยมที่ร้านเธอกลับบอกแม่ว่าฉันไปเที่ยว (แบกของแทบตายจาก ประตูน้ำ)และทุกวันนี้แม่ยังเชื่อว่าฉันทำร้านไม่รอดเพราะติดเที่ยว จนกระทั่งวันนึงที่เขาบอกว่าจะให้พี่สาวของเขามาทำร้านแทน ดูแลทั้งหมดทั้งการเงิน จะให้แม่ของเขา มาช่วย แล้วแม่ฉันอยู่ตรงไหน แม่ฉันออกทุกบาททุกสตางค์ คุณ(ทั้งครอบครัวมีหน้าที่กอบโกย) คำตอบของคนที่ฉันรักยิ่งกว่าชีวิต(ในตอนนั้น) ตอบว่า  "ก็ร้านนี้เธอทำให้เราก็ต้องเป็นของเรา แม่เธอไม่เกี่ยวไม่มีสิทธิ์ในเงินที่ได้ ไม่เข้าใจทำไมแม่เธอต้องมาเก็บตังค์รายได้ไว้ส่วนนึง" ฉันตอบว่า"เก็บไว้จ่ายค่าเช่าไง ค่าเช่าร้าน" เขาตอบว่าจัดการเองได้ไม่ต้องให้แม่ดิฉันมายุ่ง ....ค่ะ เราจบกัน เราิเลิกกัน
    หลายๆเรื่องราว เรื่องที่เคยเที่ยว เคยใช้เงินแบบไม่ยั้งคิด มันกลับมาหลอกหลอนกินใจฉัน ทุกวันนี้หลับตาทีไรอยากร้องไห้แต่ขอโทษร้องไม่ออก อยากกลับไปเอาเศษซากวันเก่าๆมาปะติดปะต่อก่อใหม่ให้มันเป็นรูปเป็นร่างที่สวยงามเป็นของขวัญให้แม่แต่ทำไม่เคยได้ แล้วชีวิตก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้น ทุกวันนี้ต้องเลี้ยงลูกคนเดียว ไม่เคยติดต่อเพื่อนเก่าๆเพราะอาย โดยเฉพาะเธอซึ่งเป็นเพื่อนรัก ไม่มีวันใดไม่คิดถึง ต่อให้เธอเคยดูถูำกฉัน ฉันก้อยังรัก ยังเป็นห่วง คิดถึงวันที่ร้องไห้ด้วยกัน คิดถึงตอนกอดกัน แล้วร้องไห้ การมีเพื่อนดีดีไม่มีอะไรอุ่นใจไปกว่านี้อีกแล้ว แต่ไม่กล้าพอจะติดต่อไป กลัวเธอดูถูกตอนนี้ฉันยังไม่มีอะไรดี เงินยังไม่มีงานยังไม่มา ชีวิตครอบครัวแตกแยก และต้องดิ้นรนอยู่
    ไม่เคยคิดว่าอดีตจะฆ่าเวลาในปัจจุบันได้อย่างเลือดเย็นอย่างนี้ เพราะเพียงแต่ดูและจำมันแต่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ด้วยเหตุผลที่ว่า มันเป็น"อดีต" อดีตที่แก้ไขอะไรไม่ได้ นึกแล้วอยากเผาไดอารี่ทิ้ง แต่ใจนึงก็คิด ในนั้นยังมีเรื่องราวดีดีของแม่ที่รักเรา แต่ตอนนั้นเราไม่เคยเห็นค่ามันเลย แม่ที่พยายามหาเงินทุกบาททุกสตางค์มาลงทุนให้เรา แต่สุดท้ายมันเจ๊ง แม่ที่ห่วงเราจะเดินทางไกลไปทำงาน แม่ที่รักคนที่เลวคนนึงคนนี้ ตอนนี้กลัีบมาอยู่กับแม่เป็นลูกสาวคนเดิม คิดถึงเพื่อนเก่าๆ ที่ไม่กล้าติดต่อไป คิดถึงความโง่เดิมๆ แล้วได้แต่หัวเราะในใจ สมน้ำหน้าตัวเอง แต่ก็ขอบคุณมันที่ทำให้เราเป็นวันนี้ที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้น ทันคนมากขึ้น และมองโลกในแง่ร้ายมากขึ้น
    ปล. ยาวหน่อยนะคะ แต่ไม่รู้จะระบายกับใครอยู่กับลูกสองคนไม่อยากให้ลูกรู้สึกกดดันเหมือนเรา ขอบคุณค่ะ

    แก้ไขเมื่อ 10 ก.ย. 47 13:44:04

    จากคุณ : moonny - [ 10 ก.ย. 47 13:00:09 ]