CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    พอจะทราบกันหรือยังครับ ว่าทำไม “ฝรั่ง” ถึงพยายามหยุดยั้งความเจริญของเอเชีย

    จากที่ผมได้อ่านและสืบข้อมูลมาเยอะ ก็เลยมาเสนออะนะครับ เพราะคิดว่ายังมีอีกหลายๆคนที่ยังไม่ทราบและยังเข้าใจผิดอยู่บางอย่าง คือตอนแรกผมไม่ได้ตั้งใจจะเขียนบทความนี้ขึ้นมา แต่เห็นว่าอย่างน้อยที่เขียนก็คงไม่เป็นอะไร คือต้องการให้ทุกๆคนทราบว่า (บทความนี้ไม่ได้ต้องการให้เกิดการเปรียบเทียบ เพียงแต่ให้เกิดความตื่นตัวและเข้าใจถูกต้องเท่านั้น) จากที่ผมค้นหาข้อมูลมา จากที่ได้ยินมาเอง และจากประสบการณ์ส่วนตัว พบว่าคนเอเชียเป็นเผ่าพันธ์ที่มีความฉลาดมากที่สุดในโลก รองลงมาจะเป็นเผ่าพันธ์คอเคเซียน (ฝรั่ง) ท้ายสุดจะเป็นนิโกรลอยด์ (ผิวสี)

    ประสบการณ์ : ทุกวันนี้ถ้าจะลองสังเกตดู จะพบว่า ตามบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ จำนวนมากมายจะเป็นบุคลากรจากเอเชียทั้งนั้นในระดับสูงๆ ที่คอยกำหนดทิศทางของเทคโนโลยีในบริษัทฝรั่งม แต่โดยรวมทางด้านเทคโนโลยีโดยเฉพาะคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด มีคุณภาพมากที่สุด และมีการออกแบบที่ดีที่สุด มาจาเอเชียทั้งสิ้นอยู่ดี และกำลังครอบครองตลาดเกือบทั้งหมด โดยมีส่วนแบ่งรองลงมาก็คือจากอเมริกา ในขณะที่ทางยุโรปแทบจะไม่มีเลย  และทางฝรั่งจากยุโรปตะวันออกเองจะยังด้อยกว่าประเทศไทยด้วยในหลายๆประเทศ

    ประสบการณ์ 2 : จากที่ผมเป็นนักเรียนที่ยุโรปและทราบว่า ปัจจุบันนี้ ตามมหาวิทยาลัยต่างๆในอเมริกา คณะทางด้านวิทยาศาสตร์ในแต่ละแขนง นักเรียนที่เรียนและทำคะแนนได้ดีที่สุด เป็นคนเอเชีย ส่วนฝรั่งจะทำคะแนนได้น้อยกว่า ผมเองก็เช่นกัน ทั้งๆที่เราเรียนโดยใช้ภาษาอื่น ไม่ใช่ภาษาตนเองด้วยซ้ำ


    แหล่งข้อมูลทั้งหมดมาจากต่างประเทศเองด้วย ทั้งจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา, การทดลอง, การทดสอบ, ประสบการณ์ของนักเรียนในต่างประเทศ พบว่าชาวเอเชียโดยเฉพาะจากเอเชียตะวันออก-เฉียงใต้ จะมีความสามารถทางสมองสูงที่สุด โดยเฉพาะในส่วนของ verbal .. ส่วนฝรั่งจะรองลงมา และท้ายสุดที่คนผิวสี

    ข้อสังเกต : ทุกวันนี้จากข่าวสารและคนในวงการคอมพิวเตอร์ ก็ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เทคโนโลยส่วนใหญ่ล่าสุดจะเป็นจากบริษัทพัฒนามาจากเอเชีย (คนในวงการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีคงทราบดี) ข่าวล่าสุดก็คือทางประธานไมโครซอฟ์ก็ยังออกมารับเองว่า ศูนย์วิจัยและพัฒนา R&D ในจีน เป็นส่วนวิจัยที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ทางบริษัทมีนัวตรกรรมใหม่ๆเกิดขึ้นออกมาอยู่เสมอ และนักวิจัยจากจีนก็สามารถที่จะตอบแก้ปัญหาโจทย์ได้อยู่เสมอ ในขณะที่นักวิจัยตามศูนย์ R&D ที่เป็นฝรั่งไม่สามารถคิดได้ดีเท่า และทุกวันน็มีพวกศูนย์วิจัยทำนองเดียวกันอีกมากมายเข้าไปตั้งฐาน R&D ขึ้นที่จีน / ญี่ปุ่น / ไต้หวัน / เกาหลี / อินเดีย และอื่นๆ โดยทั้งหมดมีจุดประสงค์เดียวกันก็คือ ต้องการซึมซับความรู้จากคนเอเชียเพื่อไปพัฒนาผลิตภัณ์ของตนให้ออกมาแข่งขันได้

    แก้ไขเมื่อ 12 ก.ย. 47 17:08:24

    จากคุณ : Start now - [ 12 ก.ย. 47 17:05:59 ]