พอดีอ่านเจอเรื่องนี้จากเว็บ Budpage ค่ะ เห็นว่าให้ข้อคิดได้ดี
แต่เนื่องจากเนื้อหาค่อนข้างยาว เลยคัดบางส่วนมาฝากกันค่ะ
ใครสนใจอ่านบทเต็ม ก็ตามไปที่ Link ด้านล่างนะคะ
- - -
ไม่มีอะไรที่ได้มาเปล่า ๆ
โดย พระไพศาล วิสาโล
มีนิทานเรื่องหนึ่งเล่าสืบต่อกันมาว่า
ชายผู้หนึ่งได้มอบตัวเป็นศิษย์กับอาจารย์ผู้เคร่งครัดในการบำเพ็ญพรต
หลังจากฝึกปฏิบัติมาได้หลายปี อาจารย์ก็อนุญาตให้ชายผู้นี้
ไปบำเพ็ญตบะแต่ผู้เดียวบนภูเขาอีกลูกหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไป
ชายผู้นี้ปลีกตัวหลีกเร้นบำเพ็ญพรตอย่างจริงจัง
ทุกคืนเขาจะถอดเสื้อซึ่งมีอยู่ตัวเดียวพาดไว้ที่ขอบหน้าต่างกระท่อม
เช้าวันหนึ่งเขาตื่นมาพบว่าเสื้อของเขาถูกหนูกัดขาดเป็นริ้ว
เขาปะซ่อมเสื้อนานเป็นวัน วันรุ่งขึ้นก็พบว่าเสื้อตัวนั้นถูกหนูกัดอีก
คราวนี้ขาดวิ่นจนเกินกว่าจะซ่อมได้ เขาจึงไปขอเสื้อจากชาวบ้านมาใส่
แต่แล้วก็ถูกหนูกัดจนยับเยินอีก
ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจไปขอแมวจากชาวบ้านมาไว้ที่กระท่อม
เขาไม่ต้องกังวลเรื่องหนูอีกแล้ว
แต่คราวนี้เขาต้องไปขอนมวัวจากชาวบ้านเพื่อมาเลี้ยงแมว
ผ่านมาได้หนึ่งสัปดาห์เขาก็มีความคิดขึ้นมาว่า
การไปขอนมวัวจากชาวบ้านเป็นเรื่องยุ่งยาก หาวัวมาเลี้ยงจะดีกว่า
แต่เมื่อมีวัวแล้วก็ต้องหาหญ้าให้มันด้วย
เขาเกี่ยวหญ้าให้วัวอยู่พักใหญ่ก็รู้สึกว่าเสียเวลาปฏิบัติ
จึงไปจ้างลูกสาวชาวบ้านมาเกี่ยวหญ้าแทน ไม่นานเงินที่เก็บไว้ก็ร่อยหรอ
เขาจึงแก้ปัญหาด้วยการแต่งงานกับสาวชาวบ้านเสียเลย
จะได้ไม่ต้องเสียเงินจ้าง แถมยังได้คนมาช่วยงานบ้านด้วย
ทีนี้เมื่อแต่งงานแล้วก็ต้องช่วยกันทำมาหากิน เขาจึงเลิกบำเพ็ญพรต
และกลายเป็นพ่อค้าในที่สุดก็กลายเป็นเศรษฐี
แล้ววันหนึ่งอาจารย์ก็มาเยี่ยมลูกศิษย์
เขาแปลกใจที่เห็นคฤหาสน์ขึ้นมาแทนที่กระท่อม
และแปลกใจยิ่งขึ้นที่เห็นลูกศิษย์ในคราบเศรษฐี
อาจารย์ถามลูกศิษย์ว่าเกิดอะไรขึ้น คำตอบของลูกศิษย์ก็คือ
"พูดไปอาจารย์อาจไม่เชื่อ แต่ไม่มีทางอื่นอีกแล้วที่ผมจะรักษาเสื้อของผมได้"
นิทานเรื่องนี้ให้คติสอนใจทั้งพระและชาวบ้าน
ชายผู้นี้เริ่มต้นด้วยการเป็นนักพรตที่ยากจน
แต่ลงท้ายกลับกลายเป็นผู้ครองเรือนที่มั่งคั่ง
วิถีชีวิตที่หันเหเบี่ยงเบนจนกลายเป็นตรงกันข้ามนั้น
เริ่มต้นด้วยเหตุเพียงเล็กน้อย นั่นคือการหาแมวมาจับหนู
ปัญหาของเขาในตอนนั้นคือเสื้อขาดเพราะถูกหนูกัด
แต่แทนที่เขาจะต่อกรงหรือทำกับดักจับหนู เขาเลือกที่จะใช้แมวมาจัดการหนู
วิธีนี้ทุ่นแรงทุ่นเวลา แต่ปัญหาที่ตามมาคือต้องหานมมาเลี้ยงแมว
การหาวัวมาเลี้ยงแก้ปัญหาที่ว่าได้ แต่ภาระที่ตามมาคือต้องเกี่ยวหญ้าให้วัว
การจ้างคนมาเกี่ยวหญ้าทำให้เขาไม่เหนื่อยและมีเวลาบำเพ็ญพรตได้มากขึ้น
แต่ปัญหาที่ตามมาคือต้องหาเงินมาจ่ายคนงาน
ชายผู้นี้แก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการแต่งงานกับคนงานเสียเลย
แต่เขาก็ต้องแลกด้วยการละทิ้งชีวิตนักบวช
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงเพราะเขาเลือกใช้วิธีที่คิดว่าสะดวกสบายที่สุดในการรักษาเสื้อ!
ความสะดวกสบายนั้นไม่เคยได้มาเปล่า ๆ ฟรี ๆ
มันมักจะพ่วงเอาปัญหาหรือภาระอย่างใดอย่างหนึ่งตามมาด้วยเสมอ
รถยนต์อาจทำให้ไปไหนมาไหนได้สะดวก แต่ก็ทำให้ต้องทำงานหนักขึ้น
เพื่อหาเงินมาผ่อนรถ (รวมทั้งซื้อน้ำมันที่แพงขึ้นเรื่อย ๆ)
และทำให้มีเรื่องหนักอกหนักใจมากขึ้น จะไปไหนก็คอยเป็นห่วงรถ
จะเข้าเมืองก็หาที่จอดรถได้ยาก ชาวบ้านหลายคนพอออกรถแล้วนอนหลับได้ยากขึ้น
เพราะกังวลว่างวดหน้าจะหาเงินจากที่ไหนมาจ่าย
เงินเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น
แต่บ่อยครั้งความสะดวกสบายดังกล่าว
ก็ทำให้ชีวิตหันเหเบี่ยงเบนทีละเล็กละน้อย
กว่าจะรู้ตัวก็ไปคนละทิศละทางแล้ว
มีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดว่าเมื่อรวยแล้วชีวิตจะมีความสุข
เพราะมีความสะดวกสบายทุกอย่าง
แต่พอรวยเข้าจริง ๆ ชีวิตกลับทุกข์ยิ่งกว่าตอนที่ยังไม่รวยด้วยซ้ำ
เหมือนกับคนที่ตั้งเป้าหมายไปเชียงใหม่ แต่กลับพบว่าตัวเองอยู่ที่ปัตตานี
ความร่ำรวยทำให้เขาสะดวกสบายมากขึ้นก็จริง
แต่จิตใจกลับมีเรื่องกังวลหม่นหมองมากขึ้น ไหนจะเป็นห่วงทรัพย์สมบัติ
ไหนจะกลุ้มใจที่เจอแต่คนที่หมายจะเอาประโยชน์จากตน
มีร้อยก็ทุกข์ร้อย มีล้านก็ทุกข์ล้าน
ตรงนี้พระพุทธองค์ได้เคยตรัสสอนนางวิสาขาว่า
"ผู้มีสิ่งเป็นที่รัก ๑๐๐ ก็มีทุกข์ ๑๐๐....ผู้ไม่มีสิ่งเป็นที่รัก ก็ไม่มีทุกข์"
. . .
"ไม่มีใครในโลกนี้ที่ได้ ๒๐ ล้านบาทมาเปล่า ๆ ฟรี ๆ
ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่าง(หรือหลายอย่าง)
ดังนั้น ก่อนที่อยากจะได้อะไร ถามตัวเองดูบ้างว่า
มีอะไรบ้างที่อาจจะต้องเสียไปเพื่อแลกกับสิ่งนั้น
และเราพร้อมหรือยังที่จะเสียสิ่งเหล่านั้นไป"
- - -
คัดมาบางส่วนจาก:
http://www.budpage.com/ba143.shtml
จากคุณ :
ณัชร์
- [
19 ก.ย. 47 17:26:31
]