CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    สื่อสารอย่างไรให้สร้างสรรค์-ลองอ่านดูนะคะ ดีมาก

    แน่นอนที่สุดว่าสิ่งสำคัญที่สุดของชีวิตคู่คือ ความเข้าใจ
    และสิ่งที่ทำให้คนเราเข้าใจกันได้ดีที่สุดก็คือ การสื่อสาร




    น่าแปลกที่หลายคนเก็บคำพูดไพเราะอ่อนหวานไว้ใช้กับคนแปลหน้า บ่อยครั้งที่พบว่าตัวเองพูดจากับคนที่พลัดหลงมาถามถนนหนทางได้ไพเราะกว่าคนในครอบครัวเดียวกันร้อยเท่าสิบเท่า ทั้งๆ ที่คนเหล่านั้นแค่คือคนที่เรารักและผูกพันอีกทั้งยังต้องพบเจอเห็นหน้ากันทุกวัน ลองมาตอบคำถามที่เกี่ยวกับการสื่อสารกับคนในครอบครัวเหล่านี้ดูไหมคะ


    คุณรักสามีของคุณเป็นที่สุด... ค่ะ! ดังนั้นจึงแน่นอนว่าคุณจะเป็นห่วงสุขภาพที่ไม่ค่อยจะดีนักของเขาเหลือเกิน คุณต้องการให้เขาเลิกสูบบุหรี่ คุณจะใช้วิธีของใครดังต่อไปนี้พูดกับสามีสุดที่รักดีคะ

    ก. ทันทีที่เหลือบไปเห็นสามีนั่งสูบบุหรี่ที่ระเบียงหน้าบ้าน คุณสุชาดาก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ข่มความโกรธไว้ในใจเพราะเขาผิดสัญญา เธอเดินตรงเข้าไปนั่งใกล้ๆ สามี แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “พ่อจ๊ะ พ่อทำร้ายตัวเองอีกแล้วนะจ๊ะ รู้ไหมว่าแม่และลูกเป็นห่วงสุขภาพของพ่อแค่ไหน ถ้าพ่อเป็นอะไรไปแล้วพวกเราจะอยู่กันอย่างไรล่ะจ๊ะ”



    วิธีนี้ นอกจากจะบอกให้เลิกบุหรี่แล้วยังบอกความในใจให้รู้อีกว่า ...คุณรักและห่วงใยสามีเพียงใด

    ข. ในสถานการณ์และความรู้สึกอย่างเดียวกันกับคุณสุชาดา ทันทีที่เห็นสามีนั่งสูบบุหรี่ คุณวิมาลาก็ปรี่เข้าไปจิกว่า “เออ!! ดูดๆ ๆ ๆ สูบๆ ๆ ๆ มันเข้าไปให้มันรีบตายๆ ๆ ๆ ไปซะก่อนที่ฉันจะแก่หาผัวใหม่ไม่ได้ สูบมันเข้าไป เจ็บป่วยขึ้นมาก็ฉันนี่แหละที่ต้องพาไปหาหมอ สูบเข้าไปผลาญเงินผลาญทองมันเข้าไป” ฯลฯ



    วิธีนี้ ไม่ได้บอกถึงความห่วงใยในใจที่คุณวิมาลามีต่อสามีเลยแม้แต่น้อย นอกจากจะบอกสามีให้รีบตายแล้วยังสื่อให้เห็นส่วนลึกของจิตใจว่าอยากมีสามีใหม่ ขี้เกียจพาไปหาหมอ และ ห่วงใยเรื่องเงินทอง


    ลองนึกว่าถ้าหากคุณเป็นสามีวิธีไหนที่จะทำให้คุณนึกอยากเลิกบุหรี่และวิธีไหนที่ทำให้คุณนึกอยากเลิกกับภรรยา ???


    ไม่เพียงแต่ “ภาษาพูด” เท่านั้นนะคะ ที่สำคัญที่สุดในการสื่อสารกับคนในครอบครัว “ภาษากาย” ก็สำคัญมากเช่นเดียวกันค่ะ เคยได้ยินประโยคนี้ไหมคะ “การกระทำดังยิ่งกว่าคำพูด” ในบางครั้ง บอกว่า “รัก” สักร้อยครั้งก็ไม่อาจลึกซึ้งเข้าถึงจิตใจของผู้รับได้ดีเท่ากับการ “กอด” แค่เพียงครั้งเดียว นอกจากกอดแล้วการสื่อภาษากายทางสายตา ก็ให้ความรู้สึกอบอุ่น เป็นกำลังใจได้มากยิ่งกว่าคำพูดใดๆ (ไม่เชื่อลองเปิด nothing at all ฟังสิคะ ว้าว !!) มีคำถามเกี่ยวกับภาษาทางกายมาทดสอบใจกัน ง่ายๆ ค่ะ คำถามมีอยู่ว่า...


    วันหนึ่งคุณเปิดประตูห้องนอนเข้าไปแล้วพบว่า สามีกำลังนั่งซึมเศร้าน้ำตาคลออยู่ริมหน้าต่างเพราะพลาดหวังจากตำแหน่งหน้าที่การงานที่หวังเอาไว้ คุณจะเลือก...

    ก. ตรงเข้าไปกอดเขาไว้เบาๆ ถ่ายทอดความรู้สึกรักและห่วงใยของคุณไปกับสัมผัสที่ความอ่อนโยนนั้น โดยไม่ต้องพูดอะไร


    ข. หยุดนิ่งแล้วสรรหาคำคม ปรัชญาต่างๆ ที่คิดว่าเยี่ยมมาก แล้วหยิบยกมาพูดๆ ๆ ๆ ๆ ปลอบใจสามีที่กำลังรู้สึกเป็นทุกข์อย่างหนัก


    ค. ปิดประตูห้องแล้วถอยหลังเดินกลับไปโดยไม่ทำอะไรเลย แอบไปนั่งร้องไห้คนเดียวเพราะสงสารสุดที่รักของคุณ



    แน่นอนเหลือเกินว่าทุกข้อที่คุณเลือกเพื่อจะสื่อสารกับสามีในครั้งนี้ย่อมมีผลโดยตรงต่อจิตใจของเขาทั้งสิ้น ในทางกลับกันหากคุณเป็นเขา คุณต้องการจะให้ภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากปฏิบัติกับคุณอย่างไรในช่วงเวลานั้น


    บางเวลา...สถานการณ์ก็ไม่ได้เอื้ออำนวยช่วยให้เราได้สื่อสารกับคนที่เรารักได้ตามที่ใจปรารถนาไม่ว่าจะด้วยภาษาพูดหรือภาษากาย ภาษาเขียนก็เป็นอีกวิธีหนึ่งซึ่งจะช่วยได้ค่ะในกรณีที่การสื่อสารทั้งภาษาพูด และภาษากายไม่สะดวกที่จะใช้ หรือใช้ไม่ได้ผล อย่างเช่น กรณีของคุณวัลวลีที่สามีและลูกชายชอบลืมเปิดไฟห้องน้ำทิ้งไว้ คำพูดของคุณวัลวลีเป็นเหมือนเพียงสายลมผ่านที่ทั้งคุณพ่อและคุณลูกไม่เคยใส่ใจจดจำเลยสักครั้ง เพื่อไม่ให้ถูกมองว่าเป็นยายแก่ขี้บ่น บ่นแล้วต้องหงุดหงิดต้องทะเลาะกัน คุณวัลวลีเลยใช้ภาษาเขียน ในการสื่อสารแทน เขียนด้วยอักษรตัวโตๆ ใหญ่ๆ พร้อมติดสติ๊กเกอร์ตัวการ์ตูนน่ารักๆ ตลกๆ สะดุดตา ข้อความบนแผ่นป้ายกระดาษที่แขวนไว้ตรงประตูห้องน้ำด้านในเขียนคำว่า “ผมกลัวความสว่างอย่าลืมปิดไฟก่อนออกจากห้องน้ำนะครับ” วิธีนี้นอกจากจะใช้ได้ผลแล้ว ยังทำให้ทั้งคุณสามีและคุณลูกชายอมยิ้มไปตามๆ กันในอารมณ์ขันของคนเป็นแม่


    สำหรับคำถามข้อสุดท้ายนี้มีสองตัวเลือกค่ะ สมมุติว่าคุณเป็นมิงค์คุณจะ...

    เมื่อคืนมิงค์ทะเลาะกับแมนอย่างรุนแรงเพราะบังเอิญไปเจอคราบลิปสติกในกระเป๋าเสื้อของเขา แมนหอบผ้าห่มและหมอนลงไปนอนที่ห้องทำงานเพราะรำคาญที่คุยกันไม่รู้เรื่อง หลังจากระงับสติอารมณ์แล้วมิงค์ก็นึกขึ้นได้ว่า เสื้อกันหนาวของเขาตัวนั้น เธอเองเคยยืมไปใส่ และ คราบสิปสติกนั้นจะเป็นของใครไม่ได้นอกจาก...ของเธอเอง

    ก. แมนตื่นนอนขึ้นมาแล้วพบว่า ที่หน้าจอมอนิเตอร์คอมพิวเตอร์นั้น มีกระดาษน่ารักๆ เขียนคำว่า ...”แมนจ๋ามิงค์ขอโทษ ...ดีกันนะจ๊ะ” ติดอยู่


    ข. แมนตื่นมาแล้วพบว่า... มีอาหารเช้าที่เขาชอบวางรออยู่บนโต๊ะพร้อมกับมิงค์ที่แต่งตัวสวยนั่งคอยพร้อมกับรอยยิ้มหวานสดใส

    ถ้าคุณตกอยู่ในสถานการณ์อย่างมิงค์ล่ะก็ เลือกทำสักข้อนะคะ...ตราบใดที่ยังรักกันอยู่

    [ ที่มา...นิตยสารบันทึกคุณแม่ ปีที่ 10 มิถุนายน 2547 ]

    จากคุณ : ไข่ - [ 12 ต.ค. 47 19:21:20 A:203.113.56.73 X:203.150.217.116 TicketID:030809 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป