ความคิดเห็นที่ 1 เราเคยเป็นนะ จะขึ้นที่ขา ขึ้นทุกวันเลยหลังจากอาบน้ำ เตรียมไปมหาวิทยาลัย แล้วทิ้งไว้ เที่ยงๆ ก็หาย... ไปหาหมอ หมอก็ให้สังเกตว่าแพ้อะไร ไม่เห็นรู้เลยว่าแพ้อะไร จนกระทั่งวันนึง หลังจากผ่านไปสองเดือน มันก็หายเองอ่ะ... คิดเอาเองนะ อาจจะแพ้ตัวเองก็ได้ เดี๋ยวมันพอใจก็หายไปเอง... จากคุณ : ตัวเล็ก - [ 19 ต.ค. 47 15:56:43 A:203.155.198.130 X: TicketID:073976 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ชอบเป็น? แล้วจะหาวิธีรักษามันให้หายไปทำไมล่ะ... อิอิ ล้อเล่นน่ะ เคยเป็นค่ะ เป็นตั้งแต่น้องสาวยังไร้ขนจนกระทั่งน้องสาวกลายเป็นป่ารกชัฏ ผื่นหนาเท่าฝ่ามือ แล้วก็สุดยอดของความคัน เป็นไม่เลือกที่ค่ะ ตั้งแต่หัวจรดเท้า แม้แต่ปากก็เป็นค่ะ บวมเจ่อ แม้แต่น้องสาวก็ไม่เว้นค่ะ เจออากาศเย็น ๆ ไม่ได้ กินอาหารบางอย่างไม่ได้ เช่น เนื้อวัว ไข่มดแดง ยอดฟักทอง ไก่ ฯลฯ เกาจนเลือดซิบ ๆ นึก ๆ แล้วสยอง เพราะยังจำความรู้สึกคันได้ดี ลองยามาแล้วทุกตำรา ไม่หายค่ะ จนอายุได้ยี่สิบกว่า ๆ เป็นลมหน้ามืด หายใจไม่ออก ไป รพ. หมอฉีดยาอะไรก็ไม่รู้ให้ หายเกือบปลิดทิ้ง ทั้งที่ก่อนหน้าที่เวลาเป็นมาก ๆ แล้วไปหาหมอเค้าฉีดยาให้ไม่ยักหาย ก็ไม่รู้ว่ายาเหมือนกันรึเปล่า ช่างมหัศจรรย์พันลึกเหลือเกิน หายมาได้จนตอนนี้สามสิบแล้ว อิอิ...ดีใจ แต่จะว่าไปนาน ๆ ครั้งถึงจะคันน่ะ แต่ก็ไม่คันแบบเป็นผื่นหนา ๆ เหมือนก่อน แค่คันไปทั่วแล้วเกาจนแดงแล้วก็คันไม่ทรมานเหมือนก่อน เคยถามหมอว่าทำไงให้หายขาด หมอก็บอกไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าเราแพ้อะไรกันแน่ ยิ่งช่วงหน้าหนาวนะเป็นบ่อยมาก ๆๆๆๆ เพราะอากาศมันเย็น ตำรายาพื้นบ้านก็แล้วอะไรก็แล้ว ไม่หายน่ะ ยาเข็มนั้นทำให้ฉันหาย ดีใจ๊ดีใจ อ้อ ตอนนี้กินได้หมดทุกอย่างแล้วด้วยค่ะ ขอให้เจอเข็มนั้นที่ฉันเจอนะคะ แฮ่+++++ จากคุณ : มหานที - [ 19 ต.ค. 47 16:01:31 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นเหมือนกันเลยแต่เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยเป็นแล้วเมื่อก่อนเป็นทุกวันช่วงตอนอาบน้ำเสร็จกับตอนนอนเวลาอากาศเย็นๆจะเป็น ไม่รู้สาเหตุเหมือนกันแรกๆก็ไปหาหมอที่โรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะแถวแจ้งวัฒนะอ่ะเพราะใกล้บ้านก็ทานทุกวันแล้วก็หาย เป็นปี แล้วก็กลับมาเป็นอีกคราวนี้เลยไปหาซื้อยาแบบที่หมอจัดให้มาทานเองเป็นอยู่ประมาณ สองสามเดือน ช่วงนี้ ลดน้ำหนัก ทานข้าวน้อยลง แล้วก็ออกกำลังกาย ลมพิษเลยไม่ขึ้นแล้วแหละ อาจเป็นเพราะออกกำลังกายด้วยแหล่ะมั้งถึงหาย จากคุณ : Nanza - [ 19 ต.ค. 47 16:03:10 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นอยู่ประจำเกือบทุกวัน ตั้งแต่ กินเจ มาตั้งแต่วันที่ 14 ตค. 47 ยังไม่เป็นอีกเลย กำลังสังเกตุว่า ก่อนกินเจ  อาหารประเภทใด ทำให้เป็นลมพิษ และ ผื่นแพ้ เคยไปหาหมอ หมอแนะนำว่า นอกจาก สังเกตุ และ หลีกเลี่ยง อาหาร และ เกสร ดอกไม้ ขนสัตว์ ที่เกิดอาการแพ้แล้ว  ต้องทานน้ำเปล่า เยอะ ๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ ทานผักสด ผลไม้ ทุกวัน จะทำให้ ร่างกายมีภูมิมากขึ้น อาการแพ้ จะลดน้อยลง แก้ไขเมื่อ 19 ต.ค. 47 16:15:42 จากคุณ : SP_A - [ 19 ต.ค. 47 16:13:50 ]

ความคิดเห็นที่ 5 http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L3064781/L3064781.html ของเราตรงความเห็นที่ 4 ค่ะ ทางที่ดีก็ลองเทสต์ดูว่าเราแพ้อะไรจะได้หลีกเลี่ยงที่แพ้ และออกกำลังกายสม่ำเสมอนะคะ ช่วยได้มากเลย ลองอ่านของเราดูแล้วกันนะคะ เพราะเราเคยเป็นแบบหนักมาก จากคุณ : แบ๊น แบน - [ 19 ต.ค. 47 16:15:17 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เคยคุยกะหมอ เค้าว่า ภูมิแพ้นี่ รักษาไม่หายอ่ะ คือ ถ้ารู้ตัวว่าแพ้อะไร ก็จงหลีกเลี่ยงมันซะ ทำได้เท่านั้น แล้วก็ ออกกำลังกายก็ช่วยได้นะ เราเองก็เป็น ก็รู้สึกว่ามันดีขึ้นนะหลังจากได้ออกกำลังกายบ่อยๆอ่ะ เอาใจช่วยจ้า จากคุณ : อันโดรมาคี - [ 19 ต.ค. 47 16:18:52 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เป็นเหมือนกันค่ะ ช่วงออกกำลังกายจะไม่ค่อยเป็นค่ะ (ที่เราเป็นนะ เกิดจากความเครียด มีไข้อ่อนๆก็เป็น สงสัยแพ้อุณหภูมิ ปจด.มาก็จะเป็น มีอาการร้อนในก็เป็น ฟ้าร้องครืนๆฝนจะตกแหล่มิตกแหล่ นี่ก็ผื่นขึ้น) เกือบทุกวันเหมือนกันค่ะ ตรงที่เกาๆ จะร้อนผ่าวๆเราแก้โดยตื่นมาเอาน้ำราด(หรืออาบน้ำอ่ะแหละ) ทาด้วยคารามายด์โลชั่น หรือไม่ก็เกาจนผื่นมันขึ้นทั่วตัวแล้วอ่ะแหละ เกือบไม่ได้นอน เคยไปหาหมอที่สถาบันโรคผิวหนัง ใกล้ๆรพ.ราชวิถีค่ะ ได้ยา แก้แพ้ กับยาคลายเครียด ไม่หาย ค่ะ แต่ออกกำลังกายแล้วหายค่ะ จากคุณ : *-* - [ 19 ต.ค. 47 16:23:21 A:unknown X:unknown, 202.28.62.68 TicketID:018143 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ลองไปดูที่นี่ ในเกร็ดวิชาการ อยู่ขวามือ เรื่องรู้เท่าทันภูมิแพ้ 1  2 http://www.balavi.com/index_th.asp 11 วิธีพิชิต "โรคภูมิแพ้" 1. รักษาอาการของท่านด้วยตนเอง โดยหลีกเลี่ยงสารที่ท่านแพ้ให้มากที่สุด และเมื่อมีอาการมาก ท่านสามารถ เลือกใช้ยาแก้แพ้ที่มีขายทั่วไปด้วยตัวท่านเอง อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้ยาดังกล่าวแล้ว อาการไม่ดีขึ้นภายใน 7 วัน ท่านควรจะปรึกษาแพทย์   2.  ติดเครื่องปรับอากาศในบ้านของท่าน เครื่องปรับอากาศ จะทำให้อากาศมีความชื้นต่ำลง ซึ่งเป็นสภาวะที่ตัวไร และเชื้อราไม่ชอบ นอกจากนี้ ยังสามารถกรองฝุ่นได้บางส่วน โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ ที่รวมเอาเครื่องฟอกอากาศ เข้าไปด้วย รวมทั้งยังสามารถป้องกันเกสรดอกไม้ และเกสรหญ้าต่างๆที่มีอยู่ภายนอกบ้านได้อีกด้วย   3.  ติดตั้งเครื่องฟอกอากาศโดยจะต้องเป็นเครื่องที่มีขนาดใหญ่เพียงพอกับขนาดของห้องและได้มาตรฐาน เครื่องฟอกอากาศที่ไม่ได้มาตรฐานในการกำจัดฝุ่น  นอกจากจะไม่ช่วยลดจำนวนฝุ่นที่มีอยู่ในอากาศแล้ว อาจจะเป็นตัวที่ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วห้องได้อีก ทำให้ผู้ป่วยมีอาการมากขึ้นไปอีก   4. เลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดบริเวณที่อับชื้น ที่มีฤทธิ์ในการทำลายเชื้อราผสมอยู่ด้วย เช่น น้ำยาที่มี Clorox เป็นส่วนผสม   5. ไม่ควรเลี้ยงสัตว์เลี้ยงในบ้าน ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรจำกัดบริเวณของสัตว์เลี้ยง ไม่ให้เข้าไปในห้องนอนของผู้ป่วย  จำไว้ว่าการให้สัตว์เลี้ยงของท่านเดินผ่านห้องนอนของท่านเพียงหนึ่งครั้ง จะมีสารก่อภูมิแพ้ในห้องของท่าน ในปริมาณเพียงพอที่จะทำให้ท่านมีอาการไปทั้งอาทิตย์   6.  ใช้ผ้าปิดปากและจมูกทุกครั้ง เมื่อจำเป็นจะต้องทำความสะอาดบ้านด้วยตนเอง 7.  ให้ผู้อื่นทำงานบ้านแทน หรือจ้างคนรับใช้ เพื่อทำความสะอาดบ้าน บางครั้งค่าจ้างทำความสะอาด อาจมีราคาต่ำกว่า ค่ารักษาที่ท่านต้องเสียไป 8.  หลีกเลี่ยงการใช้พรมในบ้าน พรมเป็นบ้านหลังใหญ่ที่ตัวไร และเชื้อรา จะมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะทำความสะอาดด้วยการนำมาซัก ก็ไม่สามารถกำจัดตัวไรให้หมดไปได้  เนื่องจากความร้อนที่ใช้ไม่สูงพอในการทำลายตัวไร ในทางตรงข้าม กลับจะทำให้พรมมีความชื้นมากขึ้น ถ้าทำให้แห้งไม่ดีพอ และทำให้มีตัวไรและเชื้อรามากขึ้นไปอีก 9.  ใช้หมอนที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์  แม้ว่าตัวไรจะสามารถอาศัยอยู่ในวัสดุสังเคราะห์ได้เช่นกัน  แต่หมอนที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์สามารถนำมาทำความสะอาดด้วยความร้อนที่มีอุณหภูมิที่สูงกว่าหมอนธรรมดา ทำให้สามารถทำลายตัวไรได้ 10. ซักปลอกหมอนและผ้าปูที่นอนของท่านบ่อยๆในน้ำร้อน นอกจากหมอนแล้ว ตัวไรยังชอบ ที่จะอาศัยอยู่ในปลอกหมอนด้วยเช่นกัน 11. ทำห้องนอนของท่านให้เป็นเขตปลอดสารก่อภูมิแพ้ในกรณีที่ไม่สามารถทำให้ทั้งบ้านเป็นเขตปลอดสารก่อภูมิแพ้ได้ ทั้งนี้เนื่องจาก โดยทั่วไป คนเราจะใช้เวลาอยู่ในห้องนอนมากกว่าห้องอื่นๆ โดย  นพ.สมศักดิ์  หวานกิจเจริญ  แพทย์ หู คอ จมูก แก้ไขเมื่อ 20 ต.ค. 47 00:15:34 จากคุณ : พันภพ - [ 19 ต.ค. 47 16:37:05 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เคยมีพี่ที่รู้จักกันแพ้ยาสีฟัน เป็นลมพิษโหดมากค่ะ ทำให้เรารู้ว่าทุกสิ่งที่สัมผัสคุณแม้เพียงน้อยนิดก็สามารถทำให้เกิดลมพิษได้ เราเองก็เคยเป็น ทายา กินยาก็ไม่หาย อาบน้ำอย่างเดียวไม่ใช้ครีม แป้ง หรือสบู่ เลยอยากหาสาเหตุว่าแพ้อะไร นอนไม่ได้คันมาก ขอยานอนหลับหมอมากิน ได้ 1 อาทิตย์หาย หมอสรุปว่าเป็นเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ แต่หลังๆ มาสังเกตด้วยตัวเองก็ใช่ พอนอนดึกติดต่อกันนาน ลมพิษมาแล้ว จากคุณ : Plakud04 - [ 19 ต.ค. 47 16:46:18 ]

ความคิดเห็นที่ 10 มายกมือเข้าชมรมคนขี้แพ้ค่ะ แพ้มันทุกอย่าง อาหารทะเล อากาศร้อนๆ ฝุ่นผง ไรฝุ่นในที่นอน ธรรมชาติอันสวยงาม พืช สัตว์ ดอกไม้ สารเคมีบางตัว ที่รู้เพราะไปทำ Allergy Test ครบวงจร สารมี 48 แพ้มัน 40 ตัวเลย 55555 อาการมีหลายอย่าง บางครั้งเกิดอย่างใดอย่างหนึ่ง บางครั้งหลายอย่างรวมกัน ตั้งแต่ น้ำมูกไหลทั้งวัน จามตลอด คันจมูก คันตา คันผิวหนัง ลมพิษ จุดๆตามตัว คุณต้องสังเกตอาการตัวเองอย่างละเอียดค่ะ จำไม่ได้ก็ต้องจด ว่าวันนี้ไปไหน ทำอะไรมาบ้าง สภาพแวดล้อมที่ที่ไปเป็นยังไง เราแนะนำให้คุณไปหาหมอ แต่ควรจะเป็นสถาบันโรคผิวหนัง หรือคลีนิคภูมิแพ้ หมออาจแนะนำให้คุณทำ Test จะได้รู้ว่าแพ้อะไรและหลีกเลี่ยงได้ คนไทยเป็นโรคนี้กันเยอะขึ้นโดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ หรือคนตจว. ที่เข้ามาในกรุงเทพฯ คนกลับมาจากที่สะอาดๆอย่างตปท. มาเจอมลพิษเข้าหน่อย จอดเลย ส่วนตัวเราคิดว่าคุณแพ้พวกอาหารทะเล หรือสิ่งที่มาสัมผัสผิวหนัง (เรารู้ว่ามันครอบจักรวาลไปหน่อย แต่ก็อย่างนี้แหละ กว่าจะรู้ว่าแพ้อะไร ก็ใช้เวลาหานานเหมือนกัน) รักษาตามอาการ และที่สาเหตุนะคะ หมออาจสั่งยาทา ยากินให้คุณ พอให้สบายขึ้น แต่ถ้าคุณหาเหตุไม่เจอ กินยาไปก็เท่านั้น ยาบางตัวอันตรายด้วย เราเป็นจนหมอสั่งเพรดนิโซโลนให้กิน เรากินไปเม็ดนึง แล้วไม่กินอีก เพราะเรากลัวเป็น moon face น่ะค่ะ เราว่าอีกอย่างคุณอาจแพ้ไรฝุ่นในเครื่องนอน เพราะเป็นกลางดึก ทางแก้ก็คือการป้องกันไม่ให้ไรฝุ่นมาโดนตัวคุณ เราใช้วิธีทำความสะอาดห้องบ่อยๆ เปลี่ยนเครื่องนอน เป็นยางพารา คลุมที่ป้องกันไรฝุ่น ทุกชิ้น หมอน ผ้าห่ม เตียง แต่ถ้าคุณคิดว่าราคามันสูงไป ก็ใช้พลาสติกคลุมก็ได้ค่ะ แต่อาจจะร้อนหน่อย เครื่องนอนก็จะเปลี่ยนทุกอาทิตย์เลย ได้ผลค่ะ อาการคันและผื่นลดลง จนหายไป นอกจากนั้นคือสร้างภูมิต้านทาน รักษาร่างกายให้แข็งแรง ตามแบบที่เคยเรียนในหนังสือสุขศึกษาตอนเด็กๆเลยค่ะ แบบนี้เราก็แก้ปัญหาได้ถาวร ไม่ต้องทานยามากด้วยล่ะค่ะ โชคดีนะคะ ขอให้หาสาเหตุเจอไวๆ มีอะไรก็เมลมาได้ค่ะ จากคุณ : amitambien - [ 19 ต.ค. 47 17:07:17 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คงต้องหาสาเหตุให้เจอก่อนอะครับ (อืมมม หายากจริงๆ) ถ้าแพ้เสื้อผ้าคงไม่ต้องใส่มันเลยมั้ง อิอิ จากคุณ : megalomaniac - [ 19 ต.ค. 47 17:10:17 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เราก็แพ้นะคะ ไปหาโรงบาลพญาไทย เสียค่าตรวจเลือดค่ายาไปไม่รู้เท่าไหร่ ไม่หายค่ะ มาโรงพบาลโรงผิวหนังตรงติดโรงพยาบาลเ็ด็กดีนะคะ ยาเค้าดี แต่...ต้องกินยาตลอดเลย หยุดแล้วมันก็คันตรวจหาพยาธิหาไรแล้วก็ไม่เ็ป็นไรคือเราไม่รู้ว่าแพ้อะไรค่ะ อยากหายเหมือนกันค่ะ เพิ่งเป็นเมื่อเดือน เมย. นี่เอง หมอบอกจะเป็นช่วงระยะเวลาหนึ่งของชีวิต จากคุณ : AF-FY - [ 19 ต.ค. 47 18:45:30 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คุณ AF-FY ที่บอกว่าเป็นช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตนี่ ก็น่าจะจริงนะ ตอนเด็ก ๆ สมัย ป.1จนถึงป.6 น่ะ เราจะเป็นลมพิษบ่อย ๆ หน้าบวม ๆ เพราะลมพิษขึ้นหน้าด้วย ต้องกินยาประจำเลย และฉีดยาอาทิตย์ละ 2 ครั้ง เข็มละ 75 บาทจำได้เลย ที่วิชัยยุทธ ไปหาหมอตั้งแต่ตัวยังไม่พ้นเคาท์เตอร์ กินชีส กินขนมปัง กินของหมักดองไม่ได้เลย พอโตขึ้นก็หายไปเองค่ะ จะให้ดี ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอช่วยได้จริง ๆ ค่ะ จากคุณ : แบ๊น แบน - [ 19 ต.ค. 47 23:19:14 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ขอขอบคุณมากสำหรับทุกคำแนะนำนะค่ะ จะนำไปปฏิบัติค่ะ ขอบคุณมากจริงจริง จากคุณ : ลมเอ๋ยลมพิษ (you go your way) - [ 20 ต.ค. 47 00:01:48 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอเพิ่มเติมเวป ความรู้ http://www.thaiclinic.com/urticaria.html ลมพิษ(URTICARIA) ลักษณะอาการ ผื่นแพ้คัน นูนบวมเป็นได้ทั้งตัวโดยเฉพาะที่ถูกเกาหรือกดรัดมักเป็นๆหายๆ ลมพิษส่วนใหญ่เป็นอาการแพ้ ที่แสดงออกมาทางผิวหนังโดยการกินหรือ สูดเข้าไปในร่างกายแล้วเกิดอาการแพ้ขึ้นมา(ไม่ใช่อาการแพ้ ที่เกิดจากการ สัมผัสผิวหนังโดยตรงเช่น ฝุ่น หรือ ผงซักฟอก เป็นต้น) สามารถแบ่งออกเป็น ๒ ชนิด 1.แบบเฉียบพลัน ลมพิษเป็น ๆ หาย ๆ น้อยกว่า 6 สัปดาห์ มากกว่า 90% มักจะทราบสาเหตุ ส่วนใหญ่เป็นจากอาหาร เช่น อาหารทะเล ของหมักดอง แอลกอฮอล์ หรือจากยา 2.แบบเรื้อรัง เป็นนานกว่า 6 สัปดาห์ 80% ไม่ทราบสาเหตุ ,20% ที่พบสาเหตุ อาจมาจาก การติดเชื้อภายใน เช่น พยาธิ วัณโรค ไวรัสตับ มีการติดเชื้อในช่องปาก หรืออาจเกิดจากภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ การรักษา ควรสังเกตว่าลมพิษเป็นแค่การแสดงอาการของโรคไม่ใช่ตัวโรคที่แท้จริง(เปรียบเสมือนไข้ซึ่งเป็นอาการแสดงของการติดเชื้อ) ดังนั้นเมื่อเป็นลมพิษถึงแม้ว่าจะรักษาจนหายแล้ว ก็ต้องหาสาเหตุต่อว่า ลมพิษที่เป็นอยู่นั้น มาจากสาเหตุใด เมื่อหาได้แล้วก็รักษาหรือ ป้องกันสาเหตุอันนั้น การปฏิบัติ เช่นนี้จึงจะถือได้ว่าเป็นการรักษาลมพิษให้หายขาด ได้อย่างสมบูรณ์ ข้อควรระวัง ลมพิษที่มีอาการ บวมทั้งตัวโดยเฉพาะที่หน้าและมีอาการหายใจลำบากหรือหายใจแล้ว มีเสียง วี๊ดๆ ต้องรีบนำส่ง รพ.ทันที แสดงว่าเกิดอาการแพ้แบบรุนแรง(ANAPHYLAXIS) และถ้ามีอาการบวมในหลอดลม อาจทำให้ผู้ป่วยหายใจไม่ออก จนถึงเสียชีวิตได้ สรุป 1.ลมพิษเป็นอาการแสดง ไม่ใช่โรค 2.ลมพิษต้องมีสาเหตุ โดย นพ.ไพรัตน์ สุรีย์พงศ์ แพทย์โรคผิวหนัง จากคุณ : SP_A - [ 20 ต.ค. 47 14:13:32 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เราได้ความรู้และคำแนะนำมากมาย ขอบคุณเพือนมากมากนะ เมื่อคืนเราก็เป็นลมพิษอีกแล้วอะ ตอนแรกตั้งใจว่าจะไม่กินยาแก้แพ้ เพราะว่าพอกินที่ไร วันรุ่งขึ้นจะตื่นนอนไม่ไหว แล้วจะเบลอเบลอ เอ๋อเอ๋อ เมื่อคืนต้องลุกมากินยาตอนหกโมงเช้า แบบว่านอนไม่หลับเลย คันมาก ตอนนี้ตาเราก็บวมเพราะลมพิษขึ้นที่เปลือกตาด้วย ไม่กล้าให้ใครเห็น อายอะ อย่างไงเราคงจะไปหาหมอวันพรุ่งนี้ แย่จังเป็นลมพิษอะ ทรมานมาก ยังไงก็ขอบคุณเพือนทุกคนมากนะ ขอให้เพือนทุกคนมีสุขภาพแข็งแรงนะ จากคุณ : you go your way (you go your way) - [ 20 ต.ค. 47 15:45:12 ]