CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    [สะเก็ดเงิน – เรื้อนกวาง – Psoriasis] Diary 1st issue

    [สะเก็ดเงิน – เรื้อนกวาง – Psoriasis] Diary 1st issue

    22 ต.ค. 47 (09:00)

    ผมก็เป็นคนหนึ่งนะครับที่เป็นโรคนี้ ซึ่งเป็นโรคที่ไม่มีใครอยากเป็น เพราะว่า มันรักษาไม่หายขาด แต่ไม่ได้เป็นโรคติดต่อนะครับ เพียงแต่ว่ามันค่อนข้างเป็นที่น่ารังเกียจของคนรอบข้าง ถ้าหากว่าเป็นในส่วนที่เห็นชัด เช่น ใบหน้า แขน และขา
    บางคนถึงกับทนไม่ไหว และมีความกดดันในที่ทำงานสูงถึงขั้นต้องลาออกจากงานเลยก็มี ซึ่งก็เคยเป็นข่าวมาแล้วครับ เฮ้ออ

    ครับ ผมเป็นโรคนี้มาประมาณ 8 ปีแล้วครับ เป็นตั้งแต่สมัยเรียน ตอนนั้นผมเป็นครั้งแรกที่ศีรษะครับ มันเป็นนานมากจนเพื่อน ๆ ผมเค้าแซวว่าผมเป็น “ชันนะตุ” ตอนนั้นผมไม่รู้จักว่ามันเป็นอย่างไรเพราะว่าไม่เคยเป็น ก็เลยลองหายามาทาดู ปรากฏว่ายิ่งทาเท่าไรก็ไม่หาย จนมันเริ่มโผล่มาที่ต้นขา อีกที่นึง ซึ่งผมก็สงสัยว่า ทำไมมันทายาแล้วไม่หายเลยซะทีนะ (ผมทาพวกยาแดง และยาแก้การอักเสบนะครับ) สุดท้ายผมก็เข้าไปหาหมอที่โรงพยาบาลของรัฐในกรุงเทพ ผมดีใจมาก ๆ ที่ผมได้รับยาจากหมอและผื่นบนศีรษะและต้นขามันหายไปเลย ภายในไม่กี่วัน ซึ่งตอนนั้นผมดีใจมาก ๆ ที่มันหายไปซะทีหลังจากที่มันสร้างความรำคาญมาหลายอาทิตย์แล้ว จากนั้นหลังจากที่ไปพบหมออีกครั้งตามที่นัด เพื่อดูอาการ ผมก็เลยบอกกับหมอด้วยความดีใจมากว่า “หมอครับ ผมหายแล้วครับ” หมอก็ตอบมาอย่างหน้าตาเฉย ๆว่า “หายเลยหรือค่ะ” และก็ไม่ค่อยสนใจอะไรเท่าไรนัก ผมก็เลยรีบถามเลยว่า “หมอครับ ผมเป็นโรคอะไรเหรอครับ” หมอตอบอย่างหน้าตาเฉย ๆ อีกเช่นกันว่า “สะเก็ดเงิน” ตอนนั้นผมเห็นว่ามันหายแล้ว ก็เลยไม่ได้สนใจว่ามันเป็นโรคอะไร และมันจะหายขาดมั้ย หมอไม่ได้บอกหรือไม่ได้แนะนำผมเลยว่าโรคนี้มันไม่ธรรมดานะค่ะน้อง ผมกลับบ้านอย่างมีความสุขพร้อมกับยา Topical ที่หมอจ่ายมาให้

    ผ่านไปไม่กี่คืน ผื่นเจ้ากรรมสองจุดนี้ก็ได้โผล่มาจ๊ะเอ๋กันอีกแล้ว เราก็ไม่กลัวเพราะว่าเรามั่นใจว่า เรามียาที่หมอจ่ายมาให้ และก็คิดไปเองอีกว่า สงสัยคราวก่อนคงเป็นเพราะว่า ทายาไม่เต็มที่แน่แน่เลยมันถึงเป็นขึ้นมาอีก ดังนั้นก็ทายาไปตามปกติครับ ปรากฏว่าไม่แค่นั้นครับ มันมาอีกเรื่อย ๆ ตามหลัง ตามขา ตามแขน โอ๊ว แม่เจ้า… เกิดอะไรขึ้นกับเราเนี่ย ไม่เคยคิดมาก่อนนะครับว่าตัวเองจะมีโรคภัยเข้ามา เพราะว่าปกติเป็นคนที่แข็งแรง ร่าเริง แจ่มใส ตลอด

    ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตผมก็เริ่มเปลี่ยนไป เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปมากครับ จากคนที่เคยมีสุขภาพที่แข็งแรง เคยเล่นกีฬากับเพื่อน ๆ เคยใส่เสื้อผ้าแขนสั้น เคยถอดเสื้อกลางแจ้งได้ เคยทำในสิ่งที่คนปกติ ๆ เค้าทำกัน แต่มาวันนี้ไม่ใช่อีกแล้วครับ ผื่นเริ่มขึ้นมาขึ้นทุกวัน คัน และทรมาณมาก ผมต้องคอยเอาแขนผมหลบ ๆ เวลาใส่เสื้อแขนสั้นไปเรียนที่มหาลัย (เพราะว่ามันจะเป็นตุ่มเล็ก ๆ คล้ายยุ่งกัดแต่ว่าแดงชัดกว่า และขึ้นเยอะทั้งสองข้าง) เวลาเพื่อน ๆ ถามก็ต้องบอกว่ายุ่งกัดตลอด เฮ้ออ ความมั่นใจเป็นศูนย์ครับ

    และเมื่อทำใจได้แล้วว่า เราเป็นโรคนี้แน่แล้ว ดังนั้นก็พยายามหาทางศึกษาทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นไปหาข้อมูลหอสมุดแห่งชาติ (สมัยก่อนอินเตอร์เนตมีไม่แพร่หลายเหมือนทุกวันนี้นะครับ) ไปหาหนังสือจากร้านหนังสือ ไปหาหมอหลายๆ ที่ แต่ละที่จะเหมือนกันอย่างนึงคือ หมอไม่ค่อยพูดอะไรและก็จ่ายยาอย่างเดียว ไม่ค่อยได้แนะนำอะไรมากนักครับ ผมค่อยข้างน้อยใจนะครับ

    อาการจากที่น้อย ๆ ก็เริ่มลามไปเรื่อย ๆ ครับ จากผิวหนังเริ่มเป็นที่เล็บ เริ่มมีเล็บเป็นหลุม ถึงตอนนั้นผมเริ่มท้อครับ เหนื่อยกับโรคนี้เหลือเกิน งานก็ยังไม่มีทำ เงินก็ต้องขอแม่อยู่ แม่ผมก็เป็นแค่แม้ค้าขายของธรรมดา ๆ หาเช้ากินค่ำ แม่ต้องพยายามหาเงิน และเอาเงินมาให้ผมไปหาหมอ สิ่งนี้จึงทำให้ผมพยายามตั้งใจเรียนและขยันเรียนหนังสือ เพื่อที่จะได้จบมาหาเงินมาให้พ่อแม่และซื้อยามารักษาตัวเอง

    หลังจากเรียนจบแล้ว ความพยายามของผมก็เริ่มขึ้นอีกครับ ผมพยายามลองไปหาหมอมาหลายที่ครับ พ่อแม่และครอบครัวผมก็ช่วยเหลือกันสุดชีวิต แม่เคยแอบไปนั่งร้องไห้กับน้า บอกว่า สงสารลูกชายว่าทำไมถึงได้มีกรรมขนาดนี้ ผมได้ลองการรักษาหลายรูปแบบครับ ทั้งยาแผนโบราณและยาแผนปัจจุบัน แต่มีอยู่อย่างนึงครับว่า ไม่เคยมีใครบอกว่า โรคนี้จะหายขาดหรือว่าอาการสงบลงนาน ๆ เพียงแต่บอกว่าจะทุเลาลงเท่านั้น สรุปว่า ถึงแม้ว่าเราจะเสียเงิน เสียทอง เสียเวลา ในการรักษามานานเท่าไรก็ตามครับ ผลสุดท้ายก็จะกลับมาเช่นเดิม นั่นคือ ผื่นก็ยังคงขึ้นอยู่ ดังนั้นถ้าเพื่อน ๆ คนไหนเป็นนะครับ ขอแนะนำไว้ว่า ต้องปลงและต้องปรับตัวให้อยู่กับมันให้ได้นะครับ ไม่ฉะนั้นคุณก้อจะเครียด พอเครียดมากเข้า โรคก็จะกำเริบนะครับ

    อาการแทรกซ้อน

    แน่นอนครับ เมื่อเป็นโรคอาการแทรกซ้อนก็ต้องมีแน่นอน อาการแทรกซ้อนนี้ก็จะขึ้นอยู่กับว่าคุณเป็นโรคอะไร แต่ถ้าคุณเป็นโรคสะเก็ดเงินนี้นะครับ โรคแทรกซ้อนหลักๆ ที่ผมเจอมาแล้วก็คือ “ข้ออักเสบ” ครับ คนที่เป็นโรคนี้ (ที่เป็นมาก) จะมีอาการของข้ออักเสบร่วมด้วย อาจจะเป็นที่ข้อนิ้วมือหรือนิ้วเท้า หรือที่ตัวก้อได้ เห็นมั้ยครับว่าโรคนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ ไหนผมจะต้องรักษาผื่นที่เกิดขึ้น และไหนจะต้องรักษาโรคข้ออักเสบ

    หนทางดูแลตัวเอง
    ครับ ทุกคนที่เป็นโรคนี้ก็จะต้องมีหนทางการดูแลตามแบบฉบับของตัวเอง ซึ่งอาจจะคล้ายกันหรือต่างกัน ก็แล้วแต่ตามอาการนะครับ ส่วนประสบการณ์ของชีวิตผมกับโรคสะเก็ดเงินที่น่ารักนี้ มีดังนี้ครับ
    - คุณต้องหมั่นทายาครับ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันดิน ซึ่งค่อนข้างมีกลิ่นรุนแรงและเลอะเสื้อผ้าง่ายมาก แต่ก็ต้องทนครับ
    - ควรหลีกเลี่ยงยา สตีรอยส์ นะครับ แต่ถ้าจะใช้ก็ขอแนะนำให้ทาเฉพาะจุดที่สำคัญ ๆ ก็คือ ใบหน้าและแขนครับ เพราะว่า สองส่วนนี้เป็นส่วนที่คนอื่นพบเห็นได้ง่ายครับ แต่ว่ายาสตีรอยส์นี้ มันจะให้ผลค่อนข้างเป็นที่หน้าพอใจครับ แต่ถ้าหากว่าคุณหยุดยาโดยทันทีทันใด คุณก็จะพบว่า ผื่นของคุณจะตื่นมาจ๊ะเอ๋คุณเยอะขึ้นกว่าเดิมและเร็วกว่าเดิมครับ ดังนั้นกรุณาเลือกโอกาสที่จำเป็นที่สุดที่จะใช้มันนะครับ ถ้าเลี่ยงได้ก็ให้เลี่ยงครับ (แต่ในความเป็นจริง เลี่ยงยากมากครับ ขอบอก)
    - ควรรักษากับแพทย์เฉพาะทางเท่านั้นนะครับ และไม่ควรเปลี่ยนแพทย์บ่อย ๆ ด้วย อันนี้เป็นเรื่องที่จำเป็นเลยนะครับ เพราะว่าแพทย์จะสามารถติดตามอาการของเราไปตลอดได้ และสามารถที่จะแนะนำเราและจ่ายยาตามอาการได้ถูกต้องด้วยครับ
    - ถ้าเป็นไปได้ ควรหมั่นออกกำลังกายครับ เพราะว่าถ้าเรามีร่างกายที่แข็งแรง รอยโรคอาจจะสงบได้ในระยะเวลานานขึ้นโดยที่ไม่ต้องทายาเลยก็เป็นได้นะครับ (ผมเคยอ่านหนังสือเจอครับ) แต่ทว่า… การออกกำลังกายก็ยังมีอุปสรรคอีกครับสำหรับคนที่เป็นโรคนี้ นั่นคือ เวลาที่คุณเหงื่อออกนั้น ผิวคุณจะแดง และ คุณจะมีอาการคันที่ผื่นอย่างมากครับ และคุณก็จะไม่สามารถไปเกาหรือว่าทำอะไรได้ในที่สาธารณะ เห็นมั้ยครับว่าโรคนี้ไม่ค่อยธรรมดาจริงๆ ผมเคยวิ่งรอบสนามนะครับ ปรากฏว่าวิ่งได้แค่สองรอบเอง พอเหงื่อออกเท่านั้นหล่ะ รู้สึกว่าคันมากจนวิ่งต่อไม่ไหว ต้องหยุดให้เหงื่อแห้งก่อนแล้วค่อยวิ่งต่อ

    - ลดน้ำหนักครับ ถ้าคุณสามารถทำได้ขอแนะนำให้ลองลดน้ำหนักและลองลดอาหารที่แสลงต่าง ๆ ครับ ซึ่งก็มีส่วนช่วยได้ในระดับหนึ่งเลยนะครับ (อย่าว่าแต่คุณเลยครับ ผมเองยังหลงกินเลย เพราะว่าอยากกิน บางทีก็ลืม) ผมเคยได้อ่านหนังสือมานะครับ เค้าบอกว่า ควรงดอาหารบางประเภทอาจจะทำให้โรคสงบขึ้น

    - อาหารเสริม หลังจากที่ได้พยายามสืบเสาะหาวิธีการรักษาแบบธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นจากในหนังสือหรือว่าในอินเตอร์เนต ก็จะมีการบ่งบอกสรรพคุณต่าง ๆ ว่าอาหารเสริมใด ๆ บ้าง ที่มีผลทำให้โรคสะเก็ดเงินที่แสนจะน่ารักนี้สงบนิ่งนานที่สุด ผมเคยได้ลองมาหลายอย่างนะครับ ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันอีพนิ่งพริมโรส น้ำมันปลา ยีสต์ วิตามินรวม สาหร่ายทะเล และอื่น ๆ อีกมาก ผมขอบอกต่างตรงนะครับ ผมรู้สึกว่ามันอาจจะรู้สึกว่ามีผลในช่วงแรก ๆ ที่กินไปนะครับ แต่พอกินไปนาน ๆ แล้วปรากกฏว่า ไม่เห็นมีอะไรแตกต่างเลย ผื่นก็ยังขึ้น ยังแดงอยุ่เหมือนเดิม (หรือว่าผมใช้วิธีการที่ผิดไปครับ?)

    เพื่อน ๆ ครับ จริง ๆ แล้วผมมีเรื่องจะเขียนเล่า เขียนระบายให้ฟังอีกเยอะนะครับ แต่ว่าอยากขอแบ่งไปเขียนเล่าให้ฟังใน issue ต่อไปบ้างนะครับ แต่ผมอยากให้เพื่อนๆ ทุกคนที่อยู่ในห้องสวนลุมพินีที่น่ารักแห่งนี้ ที่มีเพื่อนหรือมีญาติหรือคนที่เป็นโรคนี้ ออกมาแสดงความคิดเห็นหรือว่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันนะครับ ใครเคยใช้ยาอะไร ดีอย่างไร ไปรักษาที่ไหน หรือเคยโดนหลอก ขอให้พวกเรามาเล่าให้กันฟังดีกว่านะครับ พวกเราจำต้องอดทนกับโรคนี้ไปอีกนาน จนกว่าทางการแพทย์จะหาทางรักษาให้หายขาดได้ ซึ่งไม่รู้ว่านานแค่ไหน

    (ขอขอบคุณอย่างมากสำหรับเวปไซค์ พันธ์ทิพย์ ที่ให้โอกาสในการเปิดกระทู้ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโรคสะเก็ดเงินครับ)

    จากคุณ : Endurance - [ 22 ต.ค. 47 11:45:25 A:203.155.228.18 X: TicketID:076740 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป