ความคิดเห็นที่ 1 เดี๋ยวนี้ หน่วยงานราชการมักรับเป็นลูกจ้าง หรือพนักงานของรัฐนะ ไม่ค่อยมีสวัสดิการหรอกค่ะ อีกอย่างก็คือ มีการประเมินผลงาน หนักๆพอกับงานเอกชนเหมือนกันค่ะ จากคุณ : golf pk - [ 2 พ.ย. 47 09:16:21 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่มีบริษัทไหนที่ไล่คุณออกถ้าคุณขยันและทำงานให้เค้า ได้ถ้าเค้าลดพนักงาน ก็คงไม่เลือกคนขยันในอันดับต้นๆ คุณอยู่เอกชนคุณต้องขยันโดยระบบ เค้าจ้างคุณเพื่อ มาทำงานเพื่อสร้างเงินให้บริษัท เมื่ออายุมากขึ้นคุณต้อง พัฒนาตัวเองให้เป็นตัวเฟืองตัวหนึ่งของบริษัทให้ได้ อย่าเป็นแค่ตัวน๊อตที่ไม่ค่อยสำคัญกับบริษัทเท่าไหร่ หรือจะหาเปลี่ยนใหม่ก็ราคาถูกๆ แต่ถ้าเป็นตัวเฟืองจะ เปลี่ยนสักทีก็คิดหนัก ถ้าคุณเป็นคนขยันและแอกทีฟ ตัวเองตลอดเวลาก็อยู่ระบบเอกชนเถอะครับปล่อย ให้พวกฉลาดแต่ไม่ขยันอยู่ระบบราชการ เพราะคน ที่ทำงานราชการส่วนมากต้องสอบเข้าและค่อนข้าง เก่ง แต่พออยู่ในระบบ ระบบทำให้คนฉลาดแกมโกง แต่ขี้เกียจ แถมเงินเดือนตอนเข้าก็น้อย ป.ตรี ถ้าจำไม่ผิดตอนนี้ แค่ 6 พันกว่าบาท อยู่เอกชนลักษณะการทำงานเปรียบเสมือนสุนัขล่าเนื้อ อยู่ราชการ เปรียบเสมือนสุนัขมีเจ้าของ คุณจะนั่งจะนอนยังไงก็มี ให้กินแน่นอนมองอนาคตเห็น แต่คุณจะสร้างเนื้อสร้าง ตัวในตอนเริ่มรับราชการยากเพราะเงินน้อย แต่ถ้าทำ ไปสักประมาณ 10 ปี ถึงจะอยู่ตัว แต่ถ้าคุณมีฐานะทาง บ้านไม่เดือนร้อนมีสิ่งรองรับทางด้านการเงินก็เหมาะครับ แล้วแต่จะเลือกครับ ว่าจะเป็นสุนัขล่าเนื้อที่มีอาหารแปลกๆเข้ามา ตลอดเวลาหรือจะเป็นสุนัขเลี้ยงที่มองเห็นว่าวันนี้พรุ่งนี้อาหาร เดิมๆตลอดรสชาติเดิมๆตลอดและมีกินตลอด ก็เลือกเอาเอง แต่ให้มองอนาคตนิดหนึ่งว่า ราชการในอนาคตจะดีขึ้นเพราะ ตอนนี้มีการลดคนเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มเงินเดือน ซึ่ง สวัสดิการอื่นๆ ที่ดีอยู่แล้วมีครบ ที่เพิ่งเพิ่มมาก็ ค่าเล่าเรียนบุตรไม่เกิน 3 คน จนถึงปริญญาตรี ก็แล้วแต่จะคิดครับ...หรือถ้าคุณเข้าสาขาขาดแคลนได้ ก็ดีเช่น อัยการ ผู้พิพากษา เป็นต้น มองอนาคตราชการ น่าจะดีขึ้นครับ...ถ้าลดพวกขี้เกียจที่เกาะระบบอยู่แล้ว เอาเงินเหล่านั้นมาเลี้ยงคนขยัน อย่างที่ว่า งานอย่างเดียว กัน เอกชนทำคนเดียว แต่ราชการใช้คนทำถึง 5 คน มิน่าครับระบบมันถึงใหญ่โตแต่ไม่พัฒนาสักที ไม่โทษคน ในระบบครับ แต่โทษเจ้าของประเทศและผู้บริหารประเทศ ถ้าเจ้าของประเทศ(ประชาชน)เข้มแข็งระบบก็ดีและเข้มแข็งครับ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 47 09:36:41 จากคุณ : มุมมอง - [ 2 พ.ย. 47 09:27:47 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คิดเหมือนกันครับว่างานเอกชนไม่มั่นคง แม้ว่าเงินเดือนที่ได้จะมาก(ภาษีเดือนละเกือบสามพัน)ผมอายุเท่าคุณนะ แต่ผมไม่คิดที่จะทำงานราชการครับ ผมกำลังคิดจะหาธุรกิจส่วนตัวทำอยู่ คุยกับเพื่อนมันก็บอกเสียดายเงินเดือน แต่มันจะจีรังยั่งยืนได้นานแค่ไหนครับ ยิ่งผมทำบริษัทต่างชาติ จะไล่ออกเมื่อไหร่ก็ได้ถ้า performance ตก ตอนนี้ก็เรียกว่าหารายได้พิเศษมากกว่าคือเล่นหุ้น ก็ได้นิดๆหน่อย เดือนละเกือบหมื่นถึงหมื่นต้นๆ ถึงจะทำงานราชการ การที่เราเป็น salary man มันไม่ได้ทำให้วางใจได้หรอกครับ ผมกำลังหาอยู่ว่าควรจะทำอะไรดี ไม่อยากต้องทำงานเป็นลูกจ้างคนอื่นไปชั่วชีวิต แต่ถ้ารวยมากๆ ผมก็คิดแค่อยากอยู่แบบ พอมีพอกินครับ ไปทำไร่ทำสวนก็ดี กำลังหาทางอยู่ ว่าถ้าอยากใช้ชีวิตแบบนั้น จะต้องทำอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ผมไม่อยากเป็นลูกจ้างไปชั่วชีวิตครับผม และอย่างที่ข้างบนบอก ข้าราชการก็ไม่ใช่จะมั่นคงอย่างที่คิด เงินก็น้อย จะอยู่ได้ ก็คงต้องหารายได้อื่น ไม่งั้นก็คอรัปชั่นไปเลย จากคุณ : เฮ้อ - [ 2 พ.ย. 47 09:50:30 A:194.205.123.7 X: TicketID:015337 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อดีตลูกจ้างเอกชนค่ะ เราเรียนจบรัฐศาสตร์ แต่ไม่เลือกรับราชการ เพราะเหตุผลเดียว คือ คิดว่างานราชการ เงินเดือนน้อย คิดว่าทำเอกชนสัก 15 ปี น่าจะเก็บเงินได้เยอะกว่า จึงเลือกที่จะอยู่กับเอกชน เราไม่เคยไปสอบเข้าราชการเลยหลังจากเรียนจบ แต่เมื่อใช้ชีวิตอยู่กับงานเอกชนแล้วหลายสิ่งหลายอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ทั้งหมด เงินเดือนที่ได้มาเยอะกว่าราชการก็จริงแต่รายจ่ายก็เยอะตามเงินด้วย ทำงานไป 10 ปี เงินเก็บมีบ้างนิดหน่อย เจ้าของกระทู้พูดถูกต้อง ว่างานเอกชนไม่ค่อยมั่นคง คุณ คห.2 พูดก็ถูก แต่เป็นเพียงส่วนย่อย ของลูกจ้างเอกชนส่วนใหญ่ พนักงานทั่วๆ ไป วันดีคืนดีนั่งทำงานอยู่ ก็ถูกโยกย้ายแบบสายฟ้าแลบ วันนี้คุณนั่งทำงานอยู่บริษัทแม่ พรุ่งนี้คุณอาจต้องย้ายไปทำบริษัทลูก เราก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ เฮ้ออ ..... แค่นี้ดีกว่า ทุกวันนี้มีแต่เพื่อนๆ สมัยทำงานด้วยกัน โทรมาบ่นเรื่องงานให้ฟังจนหูชา จนต้องตั้งกฎว่าถ้าโทรมาบ่นเรื่องงาน ไม่ต้องโทรมา ขี้เกียจฟัง จากคุณ : ป้าสำออย - [ 2 พ.ย. 47 09:55:52 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นลูกจ้างบ.เอกชนเหมือนกัน .. เคยคิดอย่างคุณ จขกท ว่าอยากไปทำราชการ เพราะตอนนั้นบ.ที่ทำอยู่ไม่มั่นคงอย่างแรง ดูท่าทางแล้วไม่น่ามีอนาคต ....(ตอนนั้นประมาณ 23 แต่จบโทเรียบร้อยแล้ว ) แต่ติดไปคิดมา เราว่าอายุยังไม่เยอะ ลองมองหาบ. เอกชนใหม่ก่อนดีกว่า ยังมีโอกาสเปลี่ยนอยู่ ก็เลยมาเจอบ.ที่ทำอยู่ปัจจุบัน ... คิดว่าตัดสินใจถูกมากที่ไม่ไปสอบราชการ บ. เอกชนดีๆก็มีเยอะนะ ...ผู้ชายอายุ 26 แถมจะจบโทอีก ยังมีโอกาสหางานใหม่ได้แยะ เปลี่ยนงานได้น่า ลองคุยกันในวงเพื่อนๆสิว่าบ.ไหนน่าสนใจ แล้วก็ลองเลือกที่ดีๆหน่อย ... เลือกงานนิดนึงไม่เป็นไรหรอก จากคุณ : โต๊ะโตะจัง (เด็กข้างหน้าต่าง) - [ 2 พ.ย. 47 10:11:27 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ตอนนี้ก็เป็นพนักงานเอกชนอยู่ค่ะ เงินเดือนก็พอประมาณ แต่คิดว่าตัวเองไม่เหมาะกับราชการ เพราะเป็นคนเบื่อง่าย ก็ไม่ได้ตั้งความหวังอะไรมากนะ กับการเป็นพนักงานของบริษัทเอกชน มีเพื่อนคนนึงเคยบอกว่า"ทำงานเอกชนไม่มีวันรวย" เราก็เห็นด้วยนะ ตอนนี้เราก็พยายามทำสิ่งที่เราชอบไปด้วย และก็ได้เงินไปด้วยค่ะ เรายากเป็นนักเขียนนะ ก็พยายามเขียน ส่งเรื่องเข้าประกวดมั่ง ได้รางวัลมามั่ง พลาดไปมั่ง ก็ดีค่ะ ประสบการณ์ชีวิต ถ้าข้อจำกัดไม่มากนัก ก็เลือกงานในสิ่งที่คุณรักนั่นล่ะค่ะ เหมาะที่สุด จากคุณ : กะปอมน้อย...( เจ้าของกระทู้ ). - [ 2 พ.ย. 47 10:15:56 A:203.121.162.114 X: TicketID:012513 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ความเห็นที่สอง คุณมุมมอง ถูก1000% ครับ เห็นด้วยทุกอย่าง อยากเสริมนิดเดียว เพราะที่บ้านรับราชการหมดยกเว้นผม ทำงานเอกชนมาสิบกว่าปี ได้บ้านสองร้อยตารางวาหลังหนึ่งในเมือง รถสองคัน เงินเก็บไม่มากเพราะลงกับบ้านเยอะ แต่ถ้าออกก็ได้เงินจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมากพอควรเพราะหักสิบเปอร์เซ็นต์ ราชการหักสาม ตอนนี้ไม่มีหนี้แล้ว พี่รับราชการหมด จบเอกคน โทคน ยังโหนรถเมล์ไปทำงาน เงินเดือนยังไม่ถึงสองหมื่นเลย ผมเงินเดือนหกหลักมาตั้งแต่อายุยังไม่สามสิบเลยครับ ความมั่นคงในงานเอกชนอยู่ที่คุณมีค่าแค่ไหนในองค์กรครับ และปล่อยวางบ้าง หลายคนลาออกไม่ใช่โดนบีบแต่น้อยใจที่เพื่อนได้ดีกว่า หรือ ไม่ถูกกับเจ้านายบ้าง อีกอย่าง คุณบริหารการเงินดีขนาดไหน ผมเก็บเงิน 50-80% ทุกเดือนครับ และนำเงินไปลงทุน ให้เงินทำงานแทนเรา ราชการดีครับ มีเกียรติ แต่เรื่องค่าตอบแทนและอิสระในการทำงานเอกชนมีดีกว่ามาก และวางตัวลำบาก เห็นพี่ชายวางตัวแล้วอึดอัดแทน (เค้าข้าราชการผู้ใหญ่ ผมมันลูกจ้างเค้า) จากคุณ : Sirawit - [ 2 พ.ย. 47 10:38:18 ]

ความคิดเห็นที่ 8 รีบทำงานเอกชน รีบเก็บเงิน แล้วไปทำธุรกิจ ส่วนตัวซะ ธุรกิจ นี่ไม่ต้องใหญ่มากหรอก แค่พอเลี้ยงครอบครัวได้ (ขายลูกชิ้นปิ้ง ได้เงินเยอะกว่า ข้าราชการตั้งเยอะ) รีบทำ รีบเลิก แล้วคุณจะเป็นตัวของตัวเอง จากคุณ : jaminonez - [ 2 พ.ย. 47 10:52:14 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อดีตเคยทำอยู่รัฐวิสาหกิจ มีเงินเก็บไม่ถึงสามหมื่น ใช้เดือนชนเดือนครับ ปัจจุบันทำอยู่เอกชนครับ ตอนนี้มีเงินเก็บเกิน 2 ล้าน มีบ้าน 1 หลัง รถยนต์ 2 คันครับ จากคุณ : 003670 - [ 2 พ.ย. 47 11:00:06 A:172.28.1.254 X:203.155.8.227 TicketID:003670 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ลืมบอกไปครับ ในชีวิตนี้ทำงานแค่ 2 ที่เองครับ จากคุณ : 003670 - [ 2 พ.ย. 47 11:02:15 A:172.28.1.254 X:203.155.8.227 TicketID:003670 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คนโชคดีก็โชคดีเหลือเกินที่ได้งานดีมีเงินเก็บ หลายคนก็โชคไม่ดีมีปัญหา หรืองานที่ได้ก็ไม่ดี ชีวิตก็ต้องดำเนินไปตามครรลองของมันค่ะ อยู่ที่ว่าเราไม่หมดความพยายามซักอย่าง ซักวันสิ่งดีๆก็ต้องเกิดกับเราบ้างแน่นอน จากคุณ : ปวดหัวจัง.. (mungkood) - [ 2 พ.ย. 47 11:35:07 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ลูกจ้างราชการ เช้าทำงานแปดโมง ห้าโมงเย็นกลับบ้าน ไปวิ่งเล่นกับลูก ทานข้าวกับครอบครัว สอนการบ้านลูก เสาร์อาทิตย์หยุด ได้ดูแลครอบครัว ได้ไปเดินเล่นเที่ยวเล่น ลูกจ้างเอกชน ทำงานสายหน่อย แต่ก็กลับสองสามทุ่ม กลับไป เขาก็กินข้าวเตรียมตัวนอนกันแล้ว ลูกอยู่กับคนรับใช้ โตกับทีวี พอตกเสาร์อาทิตย์ บางที่กต้องไปทำงาน บางทีก็งานด่วน งานเร่ง ไม่มีโอที นายโทรเรียกตลอด ไม่ได้หยุดอยู่กับบ้านเลย จากคุณ : ช่างไฟ - [ 2 พ.ย. 47 13:05:47 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมเห็นราชการรวยกว่าเอกชนนะ บริษัทผม เงินเดือนแต่ละคนก็เยอะ ปริมาณรถไม่เท่ากับราชการเลย หลายครั้งที่ต้องไปสถานที่ราชการ รถมีรถหรู ๆ ราคาแพง ๆ คนขับแต่งตัวราชการเต็มยศครับ จากคุณ : บุหงาตันหยง - [ 2 พ.ย. 47 13:21:40 A:192.168.1.32 X:61.91.158.77 TicketID:052742 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เป็นคนนึงที่มาทำงานราชการด้วยความไม่ตั้งใจ แต่เพราะครอบครัวต้องการให้ทำ แรกๆ ก็ไม่ชอบระบบการทำงานแบบราชการ เพราะไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้มาก่อน เคยทำงานเอกชนมา 2 ที่ ก็แค่นั้น แต่มาถึงตอนนี้อยากจะขอบอกคุณ "มุมมอง" นิดหน่อยเถอะค่ะ แบบว่าอ่านแล้วไม่ค่อยชื่นใจเลย คุณเอาแต่ความคิดคุณเป็นที่ตั้ง บางมุมมองคุณใช้ได้ แต่บางมุมมอง ขอบอก ว่า "แย่มาก" มองแบบคนใจแคบเกินไป อย่างเช่น "ถ้าคุณเป็นคนขยันและแอกทีฟ ตัวเองตลอดเวลาก็อยู่ระบบเอกชนเถอะครับ **ปล่อยให้พวกฉลาดแต่ไม่ขยันอยู่ระบบราชการ** เพราะคนที่ทำงานราชการส่วนมากต้องสอบเข้า และค่อนข้างเก่ง แต่พออยู่ในระบบ ระบบทำให้คนฉลาด **แกมโกง แต่ขี้เกียจ** แถมเงินเดือนตอนเข้าก็น้อย" **ปล่อยให้พวกฉลาดแต่ไม่ขยันอยู่ระบบราชการ** --- คุณรู้ได้ยังไงว่ามีแต่พวกฉลาดไม่ขยันอยู่กันในระบบแบบนี้ เคยมองคนทำงานดึกๆ กลับบ้านค่ำมืด ทำงานเพื่อให้ประชาชนในประเทศมีที่ทำกิน มีแหล่งน้ำสำหรับอุปโภคบริโภค ทำการเกษตร เลี้ยงสัตว์ ฯลฯ เคยเห็นมั้ยคะ เคยเห็นมั้ย ข้าราชการที่ต้องวิ่งลงพื้นที่เพื่อไปพบชาวบ้าน ไปสอบถามเก็บข้อมูลมาประมวลเพื่อก่อสร้างแหล่งทำมาหากินให้ประชาชน มีแต่คนขี้เกียจแบบนี้ละคะ ที่อยู่ในระบบราชการ คนขยันอย่างคุณก็เลยไม่เคยมองเห็น หรือเช่นแบบนี้ "แล้วแต่จะเลือกครับ ว่าจะเป็นสุนัขล่าเนื้อที่มีอาหารแปลกๆเข้ามาตลอดเวลาหรือจะเป็นสุนัขเลี้ยงที่มองเห็นว่าวันนี้พรุ่งนี้อาหารเดิมๆตลอดรสชาติเดิมๆตลอดและมีกินตลอด" นั่นสินะ ทำไมเรายังต้องมาทนกับไอ้อาหารรสชาติเดิมๆ ตลอดเวลา โดยไม่เคยออกไปหาอาหารรสชชาติใหม่ๆ แบบที่คุณคิด บางที รสชาติมันอาจจะดี แต่สุนัขถูกเลี้ยงแบบนี้ มันก็คงลดน้อยลงไปทุกวันๆ แบบนี้ถึงจะดีใช่มั้ยคะ อย่าว่า ว่าชั้นเอาแต่อารมณ์มาคุยเลย แต่อ่านแล้วมันก็น้อยใจ เสียใจจริงๆ คนทำงานด้วยใจ ไม่ใช่เพราะเงิน ยังมีในโลกนี้ ลองเปิดโลกทัศน์กว้างๆ บ้าง เผื่อทางสว่างจะส่องเข้านัยน์ตาของคุณมุมมองบ้างนะคะ จากคุณ : คนทำงานราชการ (รัตมา) - [ 2 พ.ย. 47 13:37:48 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมไม่ได้ว่าคนขยันอย่างคุณ แต่ผมว่าคนที่เค้าไม่ขยัน คนดีจะไปว่าเค้าทำไม แล้วตกลงว่าคุณไม่ตั้ง ใจมาทำแล้วเต็มใจทำงานไหม๊ครับเนี๊ย ผมก็มองตาม ความเป็นจริงที่เคยเจอและพบเจอด้วยตัวเอง ที่ว่าเพื่อต้องการให้ปรับตัวซะ การด่าว่าไม่ทำให้ คนเสียชีวิตแต่ทำให้คนปรับตัว คนที่ดีแล้วก็ไม่มี ปัญหาแต่คนที่ยังคงต้องปรับตัว เชื่อว่าคุณคงไม่ ใช่กลุ่มที่ว่ามา จากคุณ : มุมมอง - [ 2 พ.ย. 47 14:12:14 ]

ความคิดเห็นที่ 16 "แล้วตกลงว่าคุณไม่ตั้งใจมาทำแล้วเต็มใจทำงานไหม๊ครับเนี๊ย" คำว่า "ตั้งใจ" กับ "เต็มใจ" เนี่ย คนละความหมายกัน อ่านให้ดี แล้วคุณจะรู้ว่า ดิฉันเต็มใจ หรือ ไม่ตั้งใจ จากคุณ : รัตมา - [ 2 พ.ย. 47 14:50:21 ]

ความคิดเห็นที่ 17 จบโทมาเหมือนกัน รับราชการมาหลายปี มีความสุขดี ทำงานเต็มที เลิก1-2ทุ่ม เสาร์-อาทิตย์ไปทำงาน เพราะอยากไป ได้ไปอบรมปีละหลายหน จัดประชุมต่างจังหวัดอีกปีละหลายหน แต่ไม่มีเงินเก็บ เลยอยากออกมาทำเอกชน ทำหลายทีก็รู้สึกว่าทำให้เค้ารวย ส่วนมากในประเทศไทย บริษัทเล็ก บริษัทใหญ่ ก็จะเป็นระบบครอบครัว control ไม่ได้ นโยบายขึ้นอยู่กับเจ้าของ ตอนนี้แก่แล้ว มีเงินเก็บมากขึ้น แต่ไม่ได้รวย กำลังจะกลับมาทำราชการ รอบรรจุอยู่ ไม่รวยไม่เป็นไร ขอให้สบายใจเป็นพอ จากคุณ : บิ๊กเปา - [ 2 พ.ย. 47 15:32:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 จบเกียรตินิยม จุฬา ฯ ค่ะ ปัจจุบันรับราชการเงินเดือนไม่ถึงหมื่น แต่ ... "มีความสุข" ดี "ไม่เดือดร้อน" เพื่อน ๆ ทำเอกชนเงินเดือนเรือนหมื่นกันหมด แต่ไม่ทำ ไม่ใช่ไม่มีปัญญา ถ้าราชการไม่ดีจริง "คนมีปัญญา" หลาย ๆ คงไม่ทนทำมาได้จนป่านนี้หรอกค่ะ ฉันคิดว่าตัวเองเหมือนกับ "คนเก่ง" และ "คนมีปัญญา" อีกจำนวนมากในบรรดาข้าราชการหลายแสนคนในประเทศไทย ที่ตะเกียกตะกายแข่งขันสอบเข้าทำงานราชการ แย่งกันกินเงินเดือนอันน้อยนิดที่พวกเอกชนเห็นว่าไม่พอยาไส้ เพราะเห็นว่า "สมอง" และ "ปัญญา" ของตัวเองมีค่ามากกว่าที่จะมานั่งทำงานหลังขดหลังแข็งเพื่อความร่ำรวยของ "เจ้านาย" เพียงไม่กี่คน ซึ่งเป็นใครที่ไหนก็ไม่รู้ แล้วก็ไม่รู้ว่าเค้าจะใช้ความร่ำรวยของเค้าให้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติแค่ไหน ไม่งั้นไอ้สติปัญญาของเราก็คงสูญเปล่า เพราะมัวมานั่งทุ่มเทชีวิตให้กับผลประโยชน์ของคนกลุ่มนึง แลกกับเงินเดือนเพียงไม่ถึงเศษเสี้ยวของคนพวกนั้น เพียงเพื่อให้ตัวเองมีบ้านอยู่ มีรถขับ มีเงินเก็บในธนาคาร เพื่อตัวเอง แค่นั้น เรียนมาเกือบตาย บอกตรง ๆ เสียดายปัญญาค่ะ คำว่า "ราชการ" หมายถึง "งานของพระราชา" หรือ "งานของพระเจ้าแผ่นดิน" พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยมีรับสั่งกับ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ว่า อาชีพของพระองค์คือ "ทำราชการ" !!!!! นี่เป็นเรื่องจริง สำหรับพวกเราที่เป็น "ข้าราชการ" ก็คือ "ข้าผู้ทำงานรับใช้พระเจ้าแผ่นดิน ส่วนเอกชน "เอก+ชน" .... คุณทำงานให้ใครอยู่ ใครจะตระหนักหรือไม่ก็ไม่รู้ได้ แต่เพื่อแลกกับความรู้สึกนี้ (ที่คนอย่างพวกคุณหลายคนคงไม่เคยได้สัมผัส) ฉันยินดีกินเงินเดือนไม่กี่พัน โหนรถเมล์มาทำงาน ไม่ต้องมีบ้านใหญ่โต ขณะเดียวกันก็ได้เป็นเฟืองเล็ก ๆ ในกลไกที่ช่วยให้ชาวบ้านมากมายมีน้ำไว้ปลูกข้าว ช่วยให้คนใกล้ตายจำนวนไม่น้อยมีเงินรักษาตัว ช่วยให้ชาวบ้านอีกมากมายได้อยู่ดีมีสุข ซึ่งบริษัทยักษ์ใหญ่ไหน ๆ ไม่เห็นจะเคยยื่นมือมาช่วยเหลือ เพราะไม่ใช่ธุระ คนบางคนเค้า "เลือกแล้ว" ที่จะเป็นแบบนี้ โดยไม่ได้คิดว่าตัวเองจะได้อะไร แต่คิดว่าจะได้ทำอะไร มากกว่า ไม่มีใครดีกว่าใครหรอกค่ะ ทุกคนในโลกใบนี้ก็ต้องมีประโยชน์กับโลกบ้างไม่บ้างก็น้อย ทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุดเถอะ !! จากคุณ : สาวสวนสราญ (sooyu) - [ 2 พ.ย. 47 15:48:58 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เอกชนเงินเยอะ ราชการเงินน้อย... ก็เลือกเอานะคะ ... เพิ่งเรียนจบ ก้อรับราชการเลย ทำงานมา 7-8 เดือนแล้ว เลยไม่รู้ว่างานเอกชน เป็นยังไงบ้าง แต่ งานราชการ ทำงาน 8.30-16.30 ก็กลับบ้าน นั่งเล่นเนต ไปออกกำลังกาย ไปเดินห้าง ... เสาร์-อาทิตย์ ว่างมากๆๆ กินๆๆ นอนๆๆ แต่เพื่อนๆที่ทำเอกชน 4 ทุ่ม โทรไปคุย ยังนั่งทำงานอยู่เลย จะชวนไปเที่ยวไหนก็ไม่ว่าง ขนาดเรารับปริญญา เพื่อนยังลามางานก็ไม่ได้ กลัวเขาไล่ออก...เซ็งจัด แต่เงินน้อยซิ นี่แหละปัญหา ยังไม่ถึงหมื่นเลย... จากคุณ : nanuty - [ 2 พ.ย. 47 16:21:16 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ยกย่องความเห็นที่ 14 และ 18 นะครับ คุณแน่มาก แต่ ผมก็ยังว่า คุณมุมมอง มีความเห็นที่ตรงประเด็นครับ ขออนุญาตเสริม ตัวอย่าง ของ ราชการ ที่หนีมา-> เอกชน ๑ พตท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ๒ รตอ. ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ (อยู่ SHIN แป๊ปหนึ่ง) ๓ คุณบุญคลี ปลั่งศิริ (มาจากรัฐวิสาหกิจสู่เอกชน) ทั้งสองท่านแรกบรรยายความขมขื่นกับระบบราชการในหนังสือ ตาดูดาว เท้าติดดิน และ คนดีไม่มีเสื่อม ตามลำดับ เอกชน ที่มาราชการ นึกไม่ออกจริงๆนึกออกคนหนึ่งคือ เจ้าของcatcha.com ที่จบstandford หนุ่มๆหน่อย จำชื่อไม่ได้ แต่ เอกชนที่มาวงการอื่นมี ๑ พล.ต.ต. สุรสิทธิ์ สังขพงษ์ (มารัฐวิสาหกิจ) ๒ คุณกนก อภิรดี (มารัฐวิสาหกิจ) ๓ คุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน (มาการเมือง) สรุป ไหลจากราชการออกไปเอกชนมีเยอะมาก ไม่ใช่เพราะเงินตัวเดียวแต่เป็นเรื่องระบบมากกว่า ผมส่วนตัวยกย่องคนทำงานราชการมากครับ ก็ทั้งตระกูลทำราชการหมด ที่โตมาได้ก็จากเงินที่ข้าราชการเลี้ยงมาละครับ ทุกด้านมีข้อดีและข้อเสียครับ เหมือนน้ำพึ่งเรือ เสือเพิ่งป่า ถ้าจะเถียงช่วยคุณมุมมองก็อยากบอกว่า เงินเดือนข้าราชการทุกคนก็มาจากเงินภาษีพวกผมในเอกชนทั้งน้าน (ตกลงใครเป็นนายใครเนี่ย) แต่เข้าใจและเห็นใจข้าราชการที่ดีซึ่งมีอีกเยอะมาก เหมือนมีคนบอก ตำรวจไทยชอบไถละครับ ตำรวจดีฟังแล้วย่อมโกรธแค้นเป็นธรรมดา แต่ เราต้องแยกระหว่าง perception ภาพพจน์ที่สังคมส่วนใหญ่มอง กับ FACT ความเป็นจริงที่เกิดขึ้น โดยถอด emotion อารมณ์ออก แล้ว เราจะเข้าใจแก่นแท้ของเรื่องครับ อ้อ บริษัทผม หยุดเสาร์-อาทิตย์นะ หกโมงผมถึงบ้านแล้ว (Work smart, not work hard), เจ้านายไม่เคยโทรตามและ แต่ละปีเสียภาษีและบริจาคเป็นเงินหลายเชียวครับ พี่ชายทั้งสองที่รับราชการจบนอกทั้งคู่ ได้ทุนไป oxford นะครับ ที่บ้านบอกสมควรแล้วที่รับราชการเพราะอืดทั้งคู่เลย เรื่อง อุปนิสัยการทำงานนะครับ แต่เรียนเก่งสุดๆ ผมเป็นกำลังใจให้คุณมุมมองอีกคนครับ เราทำงานเอกชนเราไม่ได้เห็นแก่เงิน แต่ ถ้าไม่เห็นเงิน เราก็ไม่เห็นแก่ใคร (อันนี้ ฮา ครับ) จากคุณ : Sirawit - [ 2 พ.ย. 47 16:47:09 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ไม่ได้กล่าวว่า คุณมุมมอง มีความเห็นที่ไม่ดี เห็นด้วย แม้แต่คนที่ทำงานราชการด้วยกันเอง ก็มองเห็นว่าอันไหนน้ำดีอันไหนน้ำเน่า แต่วิธีการที่เราจะกล่าวอ้างถึงอะไรก็ตาม ถ้าจะกล่าวถึงควรจะแยกว่ากำลังกล่าวถึงอะไร ไม่ใช่กล่าวแบบลอยๆ ล่องๆ ฟุ้งกระจาย ร้อนท้องก็ปวดกันไปแบบนั้น แยกก็แยกไปเลย ไม่ใช่อยู่ดีดี อยากกล่าวว่า พวกไม่ขยันก็อยู่ราชการกันไป ถ้าบอกว่า พวกเห็นแก่ตัว ก็จงอยู่เอกชนกันต่อไป คุณจะโกรธมั้ย ไม่ได้ถือสาหาความหรอกค่ะ แต่แค่อยากให้แยก อย่างพระราชดำรัสที่เคยพระราชทานไว้ ที่ว่า โลกนี้มีทั้งคนดีและคนไม่ดี มันเป็นหลักสากลในการกล่าวถึงบุคคลที่สาม ว่าควรทำให้กระจ่าง ไม่ใช่เอาตามความสะใจ แค่นั้นเป็นพอ **ขอจบวิวาทะ ณ บัดนี้** จากคุณ : รัตมา - [ 2 พ.ย. 47 17:16:10 ]

ความคิดเห็นที่ 22 โอ๊ะ...โอ๋.... อย่าเพิ่งทะเลาะกันน้า..... จากคุณ : กะปอมน้อย... - [ 2 พ.ย. 47 17:41:50 A:203.121.162.114 X: TicketID:012513 ]

ความคิดเห็นที่ 23 รู้สึกกระทู้เริ่มจะเดือด แล้ว   แต่ พวกคุณกำลังจะเอาเงินวัดงาน ซะแล้ว คุณตีค่า ว่างานไหน ดี หรือไม่ดี อยู่ที่เงิน เช่นนั้นหรือ เราว่ามันไม่ถูก  เราเห็นด้วยกับ  คุณรัตมา  นะ ราชการหลายๆๆ ท่าน ทุ่มแรงกายแรงใจทำงานเพื่อประชาชน ก็มีเยอะมาก  พวกคุณออกมาบอกว่า ทำงานไม่กี่ปี มีเงินซื้อบ้าน ซื้อรถ  แต่หลายๆๆ คน ไม่มีเงิน ซื้อบ้าน ซื้อรถ ยังขึ้นรถเมล์   คุณจะคิดว่าเค้าเป็นคนทำงานไม่มีคุณภาพอย่างนั้นหรือ   เอาเงินวัดคุณภาพงานเหรอ เราเห็นคนทำงานเอกชนบางคน เงินเดือนเยอะ แต่ทำงานห่วย ก็มีเยอะแยะไป เราไม่ได้ทำงานเอกชนหรือราชการ  เพราะเราทำงานส่วนตัว  แต่เราว่า สังคม มันไม่น่าวัดคุณค่าคนด้วย  เงิน      อ้ออออ ขอเติมอีกนิด  ท่านที่เอาตัวเองไปเปรียบกับพี่น้องน่ะ  ว่าตัวเองมีรถ มีบ้าน พี่น้องยังขึ้นรถเมล์อยู่ เนี่ย   คุณภูมิใจเหรอ ที่พูดแบบนี้  คุณคิดว่าตัวคุณเหนือพวกเค้าแล้วเหรอ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 47 19:38:41 จากคุณ : ป้าสำออย - [ 2 พ.ย. 47 19:32:50 ]

ความคิดเห็นที่ 24 เฮ้อ คนในอยากออก คนนอกอยากเข้าจริงๆ เราทำราชการอยู่ ยังอยากไปทำเอกชนเลยค่ะ แต่ติดทุนอยู่ หมดเมื่อไหร่ก็คงออก จบโทมา เงินเดือนยังไม่ถึงหมื่นเลย เงินแค่นี้ อย่าว่าแต่จะไปซัพพอร์ตพ่อแม่เลย จะเลี้ยงตัวให้อยู่รอดสมัยนี้ ยากมากๆ ไม่ต้องคิดการใหญ่จะซื้อบ้านซื้อรถอะไรเลย แทบจะไม่มีทาง สำหรับคนที่เค้าอดทนอยู่ได้ ทำงานหนักเพื่อบ้านเมือง เราก็นับถือค่ะ แต่ของเรา ตัวเองยังเอาไม่รอด เลยไม่คิดไปไกลขนาดนั้น เราว่าถ้ายังมีแรง ยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว ยังโหมทำงานได้ ทำเอกชนไปก่อนเถอะค่ะ เก็บเงินได้เยอะกว่ากันเยอะเลย แถมยังได้ฝึกตัวเองให้แอกทีพ คิดอะไรใหม่ๆ ทำอะไรเร็ว ทำราชการ พูดจริงๆ คุณจบมาไฟแรงขนาดไหน มันต้องมอดไปส่วนนึงจริงๆอย่างเค้าว่าแหละ ระบบมันจะกลืนคุณไป ให้เป็นคนเฉื่อยๆชาๆ อีกอย่าง ระบบราชการต่อไป ไม่มีบำนาญแล้วนะคะ ไม่มี เราก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมเหมือนกัน แก่ตัวไปจะทำไงเนี่ย เงินเดือนก็น้อยไม่พอจะเก็บ ทำเอกชนยังอาจจะมีเงินเก็บมั่ง จากคุณ : ผ่านมา - [ 2 พ.ย. 47 19:37:09 A:203.172.54.179 X: TicketID:030771 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ดุเดือดดีจัง ไม่กล้าออกความเห็นแระ จากคุณ : jaminonez - [ 2 พ.ย. 47 19:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 26 อ้อ เอาอีกหน่อย ผมนับถือคนทำงานราชการนะ อย่างน้อย เค้าก้อคือคนที่ทำงานเพื่อประชาชน ถึงจะตั้งใจหรือเปล่า ผมไม่รู้ แต่ผมก้อใช้บริการจากเค้า อันนี้ เป็นสิ่งน่านับถือ ถ้าไม่มีคนอย่างนี้จะอยู่อย่างไร ******* แต่ส่วนตัวผม ก้อ ยังไม่ชอบงานราชการอยู่ดี อาจเป็นเพราะภาพลักษณ์ ข่าวที่ได้ยินมา อันนี้ เป็นประสบการณ์ และการตัดสินใจส่วนตัว แต่ชาวทำงานเอกชนทั้งหลาย ที่คุยกันว่า ทำงานเอกชน เงินเก็บเป็นล้าน ๆ ผมถามหน่อยเถอะ คิดจะช่วยสังคม เหมือนอย่างข้าราชการเค้าบ้างไหม มีแต่โอ้อวด ว่ารวยยังงั้น รวยยังงี้ ค่านิยมอย่างนี้แหละ ที่ทำให้คนเห็นแก่เงิน ปล.... ไม่ต้องมาว่าผมไม่ดูตัวเองนะ ผมกำลังดูอยู่ จากคุณ : jaminonez - [ 2 พ.ย. 47 19:41:30 ]

ความคิดเห็นที่ 27 โทษทีป้าสำออยครับ ลืมบอกว่า บ้านพี่ชายอยู่ห่างจากที่ทำงานสองป้ายครับ เป็นผมก็คงนั่งรถเมล์ไปเหมือนกัน ของผมขนาดขับรถไปยังเกือบชั่วโมงเลยจ้ะ ผมไม่ได้ภูมิใจที่คิดว่า ผมเหนือกว่าเค้านะครับ ผมว่า เค้าเหนือกว่าผมน้า ก็รถเมล์มันสูงกว่ารถยนต์ไม่ใช่หรือจ้ะ... ผมกำลังเปรียบเทียบรายได้เอกชนกับราชการครับ เลยเอาตัวอย่างใกล้ตัวมา กลับเจอคนมองโลกในแง่ไม่ค่อยดีนำความคิดส่วนตัวมาหาว่า คนอื่นเป็นเหมือนตัวเองอีก มีใครบ้างจ้ะ ไม่รักพี่น้องตัวเองจ้า วันพี่ชายแต่งงาน ผมซื้อรถให้เค้าหนึ่งคันครับ แต่เค้าไม่ถนัดใช้เพราะใกล้ที่ทำงาน (ผมไม่แน็บนะว่า เป็นคุณจะลงทุนซื้อรถให้พี่ป่าว เพราะผมไม่รู้จักคุณครับ และไม่ชอบประชดประชันจ้า) ที่ว่า พวกเห็นแก่ตัวก็อยู่เอกชนไป ผมฟังแล้วเฉยๆนะ เหมือนบอกว่า คนรวยคนหล่อต้องหยิ่ง ถ้าเราไม่ใช่คนแบบนั้น แล้วจะไปเครียด เดือดเนื้อร้อนใจทำไมละจ้ะ ผมชื่นชอบคนที่ทำงานเก็บเงินเป็นล้านนะ ใครจะว่า วัตถุนิยมก็ว่าไป แต่ผมชื่นชมคนทีมี discipline วินัยในการเก็บเงินครับ หรือ คุณจะให้เค้ามาโพสว่า พี่ครับ ผมเป็นหนี้เสียบอลเป็นแสนหรือ? หรือพี่ครับมีเงินให้ผมยืมไหมครับผมว่า เค้าไม่ได้โอ้อวด แต่ กำลังจะแนะนำคนอื่นว่า คุณก็เป็นอย่างเค้าได้ ถ้าคุณทำงานเต็มที่และเลือกงานที่ถนัดกับตนเอง ที่ทำงานมีเยอะ บ่นสุขภาพไม่ดี เงินไม่พอใจ ก็ทุกวันเล่นออกไปสูบบุหรี่และโซ้ยเบียร์การ์เด้นท์ทุกวันเองนี่จ้ะ ทุกวันนี้ผมก็อุปถัมป์เด็กนักเรียนยากจนของ World Vision มูลนิธิศุภมิตรอยู่หกคน ด้วยเงินเดือนเอกชนที่ได้รับนี่ละครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : Sirawit - [ 2 พ.ย. 47 21:17:40 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ชอบอ่ะ น่ารักจัง มีน้อยใช้น้อย จากคุณ : น้องเป็ด - [ 2 พ.ย. 47 22:23:23 ]

ความคิดเห็นที่ 29 จริงนะค่ะ ทำราชการมั่นคงดี เคยทำเอกชนมาตลอด เพื่อเก็บเงินอย่างเดียว จนกระทั่งมาอยู่ต่างประเทศ เจองานเอกชนหดตัว ลดคนเร็วมาก จนไปเข้าราชการ ก็เจอราชการปรับระบบตลอด ถ้าให้เปรียบเทียบ ราชการ...เรามีสิทธิ์มีเสียงหน่อยนึง นายจะมาเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของเราโดยไม่ได้ผ่านกระบวนขั้นตอนต่าง ๆ ไม่ได้ ส่วนเอกชน...เราจะตั้งตัวเร็ว คือรายได้เยอะกว่าราชการอยู่แล้ว โอกาสมีเงินเหลือเก็บก็มีแน่นอน...แต่เราต้องไปตามระบบของธุรกิจ (เงิน เงิน เงิน นั่นเอง) ทีนี้ก็อยู่ว่า เราอยู่ในวัยไหน อยากทำอาชีพอะไร บางอาชีพ...มันหาไม่ได้ในระบบเอกชนนะ...เช่นอาชีพพัฒนาหรือวางระบบผังเมือง (เอกชนก็คงจะได้เป็นพวกรับงานเป็น sub-contractor ของราชการอีกทีมั้ง แต่การผังเมืองจริง ๆ ก็งานราชการอ่ะนะ) หรือ อาชีพนักการเมือง หรือ พวกงานวางแผนเมืองเวลามีเพทภัย (ไม่รู้ว่าเมืองไทยมีตำแหน่งนี้เปล่า เช่นถ้าเกิดเหตุการณ์วิกฤตใหญ่ ๆ ต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง) เป็นต้น คนทำงานราชการต้องเป็นคนชอบทำงานให้กับสาธารณชน ส่วนหนึ่งจะเป็นเรื่องทุกข์สุขของมวลชนของประเทศ และก็เนื้อหาบางทีก็เป็นการแปลนโยบาย ลงมาเป็นการปฏิบัติ เนื้อหางาน บางทีกว่าจะเห็นผล...ก็ต้องใช้เวลา... ส่วนคนทำงานเอกชน ผลงานเห็นเร็ว เพราะลักษณะงานที่บริษัทเอกชนจับจะจับในวงแคบกว่า พูดง่าย ๆ ก็คือ งานราชการเปรียบเหมือนเป็นวงกลมวงใหญ่ ส่วนเอกชนก็เปรียบเสมือนเป็นวงกลมเล็กเล็กหลาย ๆ วง ซึ่งก็จะอยู่ในวงใหญ่อีกที (สังคม ประเทศชาติ) พูดถึงวัย...ก็มีส่วนมากในการตัดสินใจเรื่องงาน เพราะมันไปเกี่ยวกับช่วงชีวิตของคนเรา ถ้าเราเพิ่งจบมา แล้วไปเริ่มที่จุดเริ่มต้นของราชการ เราอาจจะท้อ เบื่อไปก่อน เพราะบางทีจุดของงานที่เราเข้าไปทำ อาจจะไม่ค่อยตื่นเต้น (ซึ่งสวนทางกับวัยของเรา) หรือ เราอยู่ในช่วงสร้างเนื้อสร้างตัว ได้เงินน้อย ก็อาจจะเกิดความน้อยใจ (เมื่อเทียบกับเพื่อนฝูง) หรือบางทีความจำเป็นของครอบครัวทำให้ทำงานราชการแล้วต้องไปทำงานเสริม ในต่างประเทศ งานราชการก็มีการไล่ออกเหมือนเอกชน (ถึงไม่ได้ทำผิด แต่ถ้าหน่วยงานมีการเปลี่ยนแปลง ยุบตัว เขาก็จะทำการปลดลดคนตามงบประมาณ แล้วอาจจะถือโอกาสเอาคนที่อยู่ในระบบที่ไม่ได้ปรับตัวตามออกเหมือนกัน) แต่ทำไม่ได้รวดเร็วเหมือนเอกชน (เช่นพวกบริษัทคอมพิวเตอร์ทั้งหลาย เช้ามาถึงบริษัทฯ เรียกประชุมเสร็จ นายเดินมาบอก แล้วเก็บของออกทันที) เพียงแต่ว่าถ้าเอกชนให้ออก เงินเขาก็ให้เป็นก้อน ส่วนราชการก็ว่าไปตามระบบซึ่งก็ไม่ได้อะไรเท่าไหร่ แต่ทำไมคนยังสนใจทำงานราชการ... ก็เพราะ ๑) เนื้อหาของลักษณะงาน ๒) การมีสิทธิ์มีเสียง (ของคนเป็นลูกจ้าง) ๓) ราชการต้องส่งเสริมความอยู่ดีกินดีของประชาชน และ Work life balance เพราะฉะนั้นการที่จะทำให้คนทำงานล้มป่วยเพราะภาระงานที่หนักเกินตัวนั้น ผิดเป้าหมายหน้าที่ทีดีของรัฐ ๔) ในบางประเทศ...คนรับราชการก็เพราะความภาคภูมิใจ (ซึ่งตรงนี้มันวัดไม่ได้ด้วยเงินเหมือนกัน) เขียนมาทั้งหมดเหมือนเพื่อส่งเสริมงานราชการ...แต่จริง ๆ แล้วทำงานเอกชนมาสิบกว่าปี ทำราชการไม่กี่ปีเอง ถ้าถามว่าอะไรดีกว่า ตอบไม่ได้ เพราะเอกชนทำให้เรามีเงินมากกว่า เวลาทำงานทำให้เราเห็นผลงานได้ชัดเจน เป้าหมายแน่นอน วัดในระยะสั้นได้ง่ายกว่า ทุกคนในวงการจะเร่งรัดทำงานให้เป็นไปตามเป้าบริษัท ถึงเราออก ก็หาใหม่ได้ .... ส่วนงานราชการ ขยันมาก ก็ไม่ได้หมายถึงว่าเงินเดือนผลงานได้มาก บางทีเหมือนแข่งครกขึ้นภูเขา เพื่อนร่วมงานในวงงานก็ไม่ใช่จะเห็นวัตถุประสงค์ของหน่วยงานชัดเจนและเป็นไปในแนวเดียวกัน แต่อยู่ในงานราชการ เรามีความรู้สึกว่านายไม่ได้มีอำนาจมากเหมือนนายในระบบเอกชน (ต้องขอออกตัวว่าในที่นี้ว่าเราเขียนจากประสบการณ์ของตนเอง ซึ่งอาจจะจำกัดเฉพาะราชการในประเทศที่อยู่) ซึ่งเราสามารถร้องเรียนได้ ถ้าเราทำถูกแล้วพบว่านายทำไม่ถูกต้องหรือไม่ชอบมาพากล เป็นตัน ถ้าเป็นตัวเรา ในสภาพเศรษฐกิจของตัวเองในขณะอายุ ๒๖ ปี เราจะยังทำในระบบเอกชนอยู่นะ เพราะอะไรหรือ...ก็เพราะเรายังมีความต้องการอยากรู้ อยากเรียนการบริหารในหลาย ๆ แบบ และส่วนหนึ่งก็คงมาจากการที่ต้องหาเลี้ยงชีพด้วยตัวเองอ่ะนะ แต่อย่างว่า ถ้ารักจะทำงานในบางอาชีพ ก็ต้องรับราชการล่ะ เพราะเอกชนไม่ได้มีทุกอย่างให้เลือก... จากคุณ : บีพี - [ 2 พ.ย. 47 23:20:47 ]

ความคิดเห็นที่ 30 นั่นสิ ถ้าเราไม่ใช่จะเดือดเนื้อร้อนใจทำไม เพราะฉะนั้นจงสุภาพกับมิตรชนโดยทั่วไป ข้าราชการ คือ ข้าของแผ่นดิน อย่างน้อยเป็นอณูหนึ่งของแผ่นดิน ถึงจะเป็นเพียงผืนดินให้เหยียบย่ำ ดูต่ำ น่ารังเกียจ แต่เพราะผืนดินแห่งนี้แหละ ที่ทำให้เกิดเป็นประเทศสืบต่อมา จงภูมิใจเถอะ ที่คุณได้เกิดมาเป็นข้าของพระราชา และข้าของแผ่นดิน ดีกว่าเป็นแค่เพียงเถ้าธุลี ไร้ประโยชน์ หาเศษเสี้ยวแห่งความเปรมปรีดิ์มิได้ จากคุณ : รัตมา - [ 3 พ.ย. 47 08:36:55 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ไม่อยากจะลงมาเขียนเลย แต่ก็ต้องทำหลังจากอ่านความเห็นของคนข้างบน เห็นด้วยครับว่าหลายคนเก่งและดี ที่ทำราชการ แต่ต่องยอมรับว่าระบบมันไม่สามารถให้คนมีเงินเลี้ยงตัวเองกับเลี้ยงครอบครัวได้เป็นปกติสุข ลองคิดดูว่าหากคุณต้องทำงานแล้วผ่อนรถเก่าๆคันเล็กๆ กับจ่ายค่าเช่าบ้านโดยไม่พึ่งเงินทางบ้านเลย คุณจะอยู่ได้ไหม เป็นเรื่องจริงที่มีคนทำได้ด้วยการหาช่องทางโกงกินสารพัด และมีจำนวนมากมายมหาศาล กินกันเป็นระบบ มองเห็นว่าเป็นเรื่องถูกต้อง ที่ควรเป็นคือจำนวนคนควรลดลงมากๆ และให้รายได้พวกเขามากขึ้น คนเก่งๆจะได้ไปอยู่ได้ ที่สิงค์โปร ทำราชการได้เงินมากกว่าเอกชนมากๆ คนเก่งๆก็แย่งกันเข้าไม่มีเรื่องโกงกิน ไม่เคยชอบความคิดว่าข้าราชการเป็นผู้ทำการงานให้กษัตริย์ ที่ถูกต้องแล้วควรสำนึกในเงินภาษีของประชาชน จะได้ไม่ต้องคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าเป็นนายประชาชน เหมือนสมัยร้อยปีก่อน Civil Servant ซึ้งแปลว่า ข้าราษฎร เป็นคำที่คนไทยควรเอามาใช้ได้แล้ว อย่าคิดว่างานเอกชนมีเกียรติน้อยกว่า รัฐดำรงอยู่ได้ด้วยภาษีจากพวกเรานี่แหละที่เป็นฟันเฟืองที่แท้จริงของการซื้อขาย แลกเปลี่ยน และนี่คือจุดเริ่มของสังคมมนุษย์ที่ก่อกำเนิด ข้าราชการที่ต้องมาคอยเป็นฟันเฟืองให้ระบบของเอกชนดำเนินไปได้ งานเอกชนไม่มั่นคงจริงหรือ แล้วจะถูกบีบให้ออกเมื่อแก่ ในความเป็นจริงนั้นประสบการณ์การทำงานเป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก ยิ่งอายุงานมากคุณก็ยิ่งมีคุณค่ากว่าเด็กใหม่ หากบริษัทจำต้องปิดลง คุณก็สามารถไปหางานใหม่ได้โดยไม่ยากนัก ผมทำงานมาที่เดียวเป็นเวลาหกปี ตลอดสามปีที่ผ่านมาได้รบการติดต่อจาก Recruitment Agency มาตลอด และยิ่งเรามีประสบการณ์มากขึ้น บริษัทย่อมต้องง้อเรามากขึ้น บริษัทอื่นสนใจมาซื้อตัว หากมันไม่เป็นเช่นนี้ แสดงว่าปัญหาคือตัวคุณ ไม่ใช่งานเอกชน จากคุณ : 0ffice Worker - [ 4 พ.ย. 47 05:23:04 A:137.222.234.130 X:137.222.10.67 TicketID:076480 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ทุกวันนี้รับราชการ เห็นด้วยกะ 31 29 7 และมุมมอง ยกเว้นอย่างเดียวคือ คนทำราชการไม่ได้ฉลาดหรอก โง่ ๆ ก็เยอะ จากคุณ : โง่ไงเลยต้องรับราชการ - [ 4 พ.ย. 47 10:46:13 A:203.151.53.66 X: TicketID:076937 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ทำเอกชน-เป็นนักข่าวสายเศรษฐกิจ เงินไม่ได้มากกว่าราชการซักเท่าไหร่ เพราะไม่ได้มองว่าต้องการได้เงินมากมายอะไรในชีวิต สิ่งสำคัญ คือสนุกกับการทำงาน การเดินทางคือสีสันของชีวิต การได้พบปะสิ่งใหม่ๆ ทุกๆวัน เป็นเรื่องน่าตื่นเต้น ทุกครั้งที่ก้าวขาออกจากบ้าน โลกอันน่าตื่นตาตื่นใจรออยู่ ให้ค้นหา ซอกแซกได้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน --พอใจกับชีวิตที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มาก-- --เคยอยากทำงานแบบเวลาราชการ หรือ office hour แต่จนแล้วจนรอด ขอทำงานแบบไม่กำหนดเวลา แต่เอาผลงานเป็นที่ตั้งดีกว่า-- อยากให้ทุกคนทำหน้าที่เพื่อหน้าที่อย่างจริงใจ แล้วคุณจะสนุกกับชีวิตแน่นอน จากคุณ : OVAPERM - [ 4 พ.ย. 47 21:08:12 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ชอบความเห็นที่ 31 มากเลย ช่วยบอกเลขบัญชีธนาคารมาด่วน เดี๋ยวจะโอนเงินไปให้ครับ (พูดเล่น) 29 ก็ชอบนะ เนื้อหาเยี่ยมแต่ยาวไปนิ๊ด แต่ผมโหวตให้ คค.31 ชนะครับ (โทษที ติดจาก Academy Fantasia และ The Star มา) จากคุณ : Sirawit - [ 4 พ.ย. 47 21:55:31 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ทำราชการค่ะ ยังคิดจะลาออกหลายตลบ คิดแล้วคิดอีกคิดไม่ตก แต่ไม่ใช่เรื่องเงินแม้แต่นิดเดียวเลยนะคะ คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก เพิ่งทำงานมา 2 ปีแต่รู้สึกเบื่อกับระบบนี้มากๆ พวกแก่ๆซีสูงๆอยู่มานานก็เอาเปรียบ เช้าชามเย็นชามมากๆ ไม่สมควรที่จะได้รับเงินเดือนเลยด้วยซ้ำ มาสาย นอนหลับ โทรศัพท์ กลับก่อน ครบสูตร แล้วมาเอาเปรียบเด็กๆที่เพิ่งบรรจุใหม่อย่างเรา ไม่ได้ว่าว่าเป็นอย่างนี้ทุกคน แต่วงการที่เราอยู่เป็นอย่างนี้ส่วนใหญ่จริงๆเลยค่ะ คือคนที่อยู่ได้นานๆจะต้องเป็นคนแบบนั้น ส่วนเรารู้สึกว่าอยู่ไปไม่มีอะไรดีขึ้นมา ทำงานหนัก โง่ลงๆเรื่อยๆ เฉื่อยชา ถูกเอารัดเอาเปรียบ ทำงานไม่มีความสุขคิดว่าคงออกไปทำเอกชนเร็วๆนี้ หรือไม่ก็ไปเรียนต่อล่ะค่ะ จากคุณ : แม่นางน้อย - [ 6 พ.ย. 47 21:58:26 ]