CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    สิทธิณี กิตติสิทโธ หรือ คุณ อิ๋ง อิ๋ง ผมรู้สึกเห็นใจ และคิดว่าในบอร์ดนี้ก็คงจะเข้าใจคุณนะครับ

    ไม่เคยรู้จัก  เมื่อคืนดูโทรทัศน์เห็นผู้หญิงคนหนึ่งร้องไห้  ก็เลยถามแม่ว่าเขาเป็นใคร  ก็เลยรู้สึกเห็นเขานะครับ  เลยบรรยายความรู้สึกออกมา....  เป็นตัวหนังสือ   ...หากไปกระทบท่านใด  ขออภัยมานะที่นี้ด้วยนะครับ  ( เห็นเขาว่า อาจถูกตำรวจจับได้นะครับ  ถ้าเราไปละเมิด หรือไปว่าใครเขา ... ดังนั้นจึงขออภัยมา ณ ที่นี้ก่อนนะครับ เพราะเป็นความรู้สึกส่วนตัว  ไม่ได้เจตนาร้าย แต่รู้สึกเห็นใจอยากให้คุณอิ๋ง ๆ ปล่อยวาง จากเรื่องเครียดๆ นี้เท่านั้นครับ ... )

    คุณอิ๋ง อิ๋ง

    ใดใดในโลกนี่ล้วนมายา (อนิจจัง)  ผมไม่ได้รู้จักคุณมาก่อน แต่เมื่อวานนั่งดูทีวีกับแม่ เห็นภาพคุณร้องไห้ เสียใจที่ถูกรุมต่อว่าแบบหยาบคาย ในเว็บบอร์ด  ......

    รู้สึกว่าคนเราทำไมถึงได้โหดเหี้ยมอำมหิตกันขนาดนี้   เรามักจะรู้จักความโหดเหี้ยมจากการเห็นที่เขาฆ่ากัน เอาชีวิตกัน แล้วก็ตายตกตามกันไป แต่ความโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ของคนวิปริตทางจิตใจ และมีความรู้ความฉลาด ซึ่งมีความสามารถล่อลวง ลวงหลอกใครก็ได้เพื่อให้ตัวเองสมประโยชน์  ซึ่งก็มีกันมากในสังคมนี้ แล้วแต่ว่าสติปัญญา( ในทางผิด ) จะพาไป    กามฉันทะมักพาทั้งคนฉลาดและคนโง่ให้หลงมัวเมากับการได้เสียประโยชน์  หากเป็นธรรมฉันทะ ก็ไม่มีเลยที่จะทำให้ใครเดือดร้อน อย่างน้อยก็นำพาตัวเองไปสู่ทางที่ดี

    การสร้างเหตุไม่ดี ย่อมได้รับผลที่ดีไม่ได้    ในมุมมองอย่างโพธิสัตว์ คุณอิ๋ง อิ๋ง มีคุณูปการใหญ่หลวง  ที่สำคัญเป็นประโยชน์  แง่คิดให้กับผู้หญิงที่หลงคิดไปเอง หรือพลาดที่จะสังเกต  หรือทำให้รู้เท่าทันมารชนในคราบคนดี มีการศึกษาสูง   อย่างน้อยก็ทำให้สังคมส่วนใหญ่รู้ว่า  คนมีการศึกษาก็ดี  คนรวยก็ดี  มันคนละเรื่องกับจิตใจ  จิตใจที่ดีมีคุณธรรม  รู้ดีชั่วด้วยสามัญสำนึก  สำหรับคนสมัยนี้มีน้อยนัก ส่วนใหญ่ก็มีรอยยิ้มที่ซ่อนความอำมหิตไว้ รู้ว่าตัวเองได้ประโยชน์อะไรกับการลงทุนในครั้งนี้  บางคนมองเป็นเกมส์ที่เล่นแล้วตัวเองรู้สึกฉลาดขึ้น เนื่องจากมีปมด้อยในส่วนลึกของจิตใจว่าเรามันโง่

    แต่ความฉลาดที่ล่วงใจคน กลับเป็นความโง่อย่างบริสุทธิ์ เพราะไปสร้างเหตุที่ไม่ดี  กรรมเราทำไว้เราย่อมต้องรับแน่นอนเพียงแต่ในรูปแบบใด  เวลาใด  ที่ไหนเท่านั้นเอง  

    คนเรามีกรรมเป็นเผ่าพันธ์  พวกพ้อง   แต่สิ่งสำคัญคือกรรมในปัจจุบันที่สามารถสนองได้ทันทีถ้าเหตุปัจจัยอำนวย ดังนั้น พยายามสร้างเหตุที่ดีไว้ดีกว่า

    สิ่งที่คุณอิ๋ง อิ๋งได้รับแน่นอน  หนังสือก็ดี  คำพูดก็ดี  แม้มีเจตนาส่วนหนึ่งที่จะได้เป็นอุธาหรณ์ สอนหญิง หรือชาย ก็ตาม แต่ส่วนหนึ่งคุณอิ๋ง อิ๋ง ก็ได้ระบายความเจ็บช้ำน้ำใจ    ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ที่คู่กรณี ควรใจกว้างรับได้ เพราะตัวเองสร้างเหตุไม่ดี  ไปทำร้าย จิตใจ คุณอิ๋ง อิ๋ง ก่อน   ......  ซึ่งในช่วงนั้น คุณ อิ๋ง อิ๋ง ต้องเสียใจมากแน่นอน  อาจฆ่าตัวตายได้  ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น    คนที่ทำให้คุณอิ๋ง อิ๋งเสียใจ จะรู้สึกผิด บาปในใจไปตลอดชีวิตทีเดียว  หากเขามีจิตใจปกติเหมือนสามัญชนทั่วไป    แต่หากเขาจิตใจวิปริตผิดมนุษย์  คือมนุษย์สมบัติก็ไม่มีแล้ว  คงไม่รู้สึกเสียใจอะไรกับการที่ตัวเองสร้างเหตุ  ด้วยความเห็นแก่ตัว    ซึ่งอยากบอกว่า ไม่ใช่กรณีคุณอิ๋ง อิ๋ง คนเดียว  ในสังคมนี้เขาก็โดนกันเสียส่วนใหญ่      สมัยนี้หญิง ก็ดี ชายก็ดี เลยไม่มีใครไว้ใจกันสักเท่าไร  ทุกอย่างจะถูกมองในเรื่องผลประโยชน์ต่างตอบแทนเป็นสำคัญทั้งนั้น ที่พูดว่าความรัก ความจริงใจเป็นสิ่งสำคัญ ล้วนพูดเพื่อให้ตัวเองดูดีเท่านั้น   ซึ่งใครก็ปรารถนาครับ  ความรัก ความจริงใจ  แต่กับคนที่เราไม่รัก ไม่จริงใจกับเขา มันก็ไม่มีความหมายแน่นอน    

    อยากให้คุณอิ๋ง อิ๋ง เข้าใจในตัวเขาด้วยครับ   เข้าใจในสิ่งที่เขาเป็น หรือใครก็ตามที่ประนามคุณอิ๋ง  อิ๋ง  ที่เขาด่าว่า  ประนามเรา  เพราะเหตุจากเข้าไม่เข้าใจความรู้สึกเราครับ  ไม่เข้าใจในสิ่งที่เรานำเสนอ  อันเป็นประโยชน์ต่อคนอีกมาก  เขาเรียกว่าธรรมทาน  ให้ธรรมะเป็นทาน  สิ่งที่คุณอิ๋ง อิ๋งเขียน หรือสื่อออกไปก็เป็นธรรมะนะครับ  ธรรมะคือธรรมชาติ   ธรรมชาติของปุถุชน คนทั่วไปก็เต็มไปด้วยกิเลส  ตัณหา โลภ โกรธ หลง เป็นธรรมดา ซึ่งไม่มีใครตัดได้หรอกครับ นอกจากพระอรหันต์  เราเพียงแต่ใช้สติ  ใช้ปัญญา  ควบคุมเขา บริหารเขาให้อยู่ในกรอบของศีลธรรม  หรือสามัญสำนึกของความเป็นคน ว่าเราไม่ควรทำร้ายกัน ไม่เบียดเบียนกัน จนเป็นที่เดือดร้อนของผู้อื่น  ยิ่งกับคนที่เราเคยรัก  ก็คงรู้สึกได้นะครับว่า จิตใจคนเราผันแปรได้ตามเหตุปัจจัย  เราเคยรักมาก มาบัดนี้เราเกลียดมาก เพราะเราไม่ได้สิ่งที่เรารัก  หรือสิ่งที่เรารักเขาทรยศกับเรา หักหลังเรา  ..... มันแค้นใจใช่ไหมครับ

    ถามว่ามันน่าแค้นใจไหม  ......  น่าแค้นใจครับ  อยากฆ่าเขาที่หลอกลวงเรา ( มันเสียใจ  เสียหน้า  เสียความเป็นตัวตนของเราครับ )   อยากฆ่าตัวเองเพราะรู้สึกว่าเราไม่ได้รับความเป็นธรรม  เพราะรู้สึกว่าเราไร้ค่า เพราะรู้สึกว่าเรารับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ( แต่ก็เป็นความจริง )  

    เพียงเพราะเราคิดไงครับ  เพียงเพราะเรารู้สึกไงครับ  เราจึงเสียใจ  เรา... ตัวเรา .... คือสิ่งที่ใจเรายึด  เราคือเรา   นี่คือฉัน  แต่เราหรือฉันนี้  อยู่อีกไม่กี่ปีหรอกครับ คุณอิ๋ง อิ๋ง   เราต่างเป็นมนุษย์ธรรมดา  เวลาที่เหลือก็ไม่มากแล้ว ชีวิตมนุษย์นั้นแสนสั้นครับ   สังขารที่สวยที่หล่อ  ก็ล้วนต้องเสื่อมไปตามกาลเวลา และสุดท้ายต้องละไปในที่สุด

    สังขารที่เราละไปแล้วก็แตกสลายไปตามธาตุแห่ง  ดิน น้ำ ลม  ไฟ   หาแก่นสารไม่ได้  แต่จิตใจเราสิครับ  จิตใจที่เศร้าหมอง  ทุกข์เศร้าอันเกิดจาก ความคิด  และสิ่งที่เราไปดำริ  ทำให้เราเสียใจ    หากนึกดูให้ดี ทุกสิ่งทุกอย่างมันผ่านไปแล้วครับ  มันเป็นอดีต  มันจบไปแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม  ......ขอให้คุณอิ๋ง อิ๋ง อยู่กับปัจจุบัน    ปัจจุบันทุกขณะเลยนะครับ  และพยายามเข้าใจโลก ว่ามันก็เป็นอย่างนี้เองหล่ะหนอ     มันมีทั่งคนชั่ว และคนดี  คนดี จิตใจดี เขาทำอะไร อยู่ที่ไหน เขาก็ดี ไม่ทำร้ายใคร  ไม่หลอกเอาประโยชน์จากใคร  ใจเขาๆย่อมรู้  และเทวดาท่านก็เห็น ส่วนคนชั่วนั้น จิตใจชั่ว  ทำอะไร อยู่ที่ไหน กับใคร เขาก็ชั่วอยู่ แต่แน่นอน เราย่อมต้องมองไม่เห็น  เหมือนคนที่ถูกหลอก   จะรู้เมื่อถูกหลอกก็คือเขาหลอกเราไปเรียบร้อยแล้ว  ดังนั้นการรู้ทันมารยาของคน  นั้นยากยิ่งนัก  มันจึงเข้ามาสู่ในจุด  และมักเป็นคำถามสำหรับเราเสมอว่าทำไมต้องเป็นเรา   ทำไมต้องเป็นฉัน   จริง ๆ แล้วผมอยากจะบอกว่า  บางครั้งคนเราก็ทำบาป แบบเรียกว่าไม่ตั้งใจก็มีนะครับ   จึงต้องพยายามเข้าใจคนให้มาก เพราะทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัย   และการที่คนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเราย่อมต้องมีรากฐานทางจิตใจแตกต่างจากเราแน่นอน  แต่ต่างกันแค่ไหน  ต่ำหรือสูงกว่าเราแค่ไหน  ก็บอกแล้วว่าดูยาก เพราะความฉลาด ความเก่ง  ความมีบุคลิกภายนอกที่ดีอันถูกโปรแกรมจากคนในสังคมนั้นๆ ว่า นี่คือสิ่งที่ดี  มันจึงยากขึ้นทุกวันสำหรับใจคนที่จะหยั่งถึง  ......

    ดังนั้น .....  “ กรรม “  นั่นแหละคือตัวสรุปครับ  เราอาจมีกรรมเก่าร่วมกันมาต้องชดใช้ นั่นก็ส่วนหนึ่ง  แต่การไปสร้างเหตุ หรือกรรมใหม่นี่สิครับ  ควรต้องใช้สติ ให้มาก ๆ ว่าควรทำ ควรแบก หรือควรหยุด หรือควรปล่อยวางมันเสีย

    กรรม คือการกระทำ  ซึ่งมีทั้งกรรมดี กรรมชั่ว ที่เราไปสร้างเหตุ....  จิตใจเราย่อมลิ้มรสกับเหตุที่เราไปสร้างอยู่ ตลอดเวลา เพียงแต่เราอาจไม่รู้สึก  แต่ความรู้สึกของจิตใจที่ทำกรรมดี ไม่ดีไว้จะชัดยามเราจะตาย หรือมีความเจ็บไข้ได้ป่วยครับ

    การให้อภัยด้วยจิตใจที่เมตตา  ด้วยความเข้าใจสรรพสัตว์ในโลกนี้  ย่อมมีอนิสงส์มาก  อาจเริ่มด้วยสติ และปัญญาก่อน  แล้วหมั่นดำริ คิด เข้าใจ ในสิ่งนั้นๆ  เราก็จะรู้สึกดีขึ้นเองด้วยความเข้าใจ  และอีกส่วนหนึ่งก็ควรทำบุญ ใส่บาตร หรือให้  ช่วยเหลือ เกื้อกูล คนหรือใครที่เหมาะสม   หรือเรารู้สึกอยากช่วยเหลือ  นั่นก็เป็นการให้ที่ทำให้เราสบายใจ  เป็นจาคะ ที่ไม่ได้หวังผลตอบแทนใดๆ  

    หากเป็นไปได้  ก็หาที่สงบใจระลึกถึงสิ่งดีดีที่เราทำ  กรรมดีที่เราสร้าง  และทำความรู้สึกให้อภัยกับใครหลายคนที่ด่า ว่าเรา  เข้าว่า หากเขาเข้าใจเรา  หรือโดนด้วยตัวเอง ก็จะรู้ซึ้ง  ดังนั้นการที่เขาไม่เข้าใจเรา  มาด่า  ว่าเรา  นี้ ขอให้ ให้อภัยเขาไปเถิดครับ   แล้วมองกลับมาที่ตัวเองว่า  เรานั้นก็เปรียบเหมือนโพธิสัตว์องค์หนึ่ง ถ้าการกระทำของเรานี้มีจิตเป็นกุศลเจตนาที่จะสอนเพื่อน ๆ น้อง ๆ และผู้หญิง อันเป็นเพศแม่ของเรา  ให้รู้เท่าทัน  ให้ระวัง ให้รอบคอบ และให้เตรียมใจไว้หากสิ่งที่ไม่คาดฝันจะเกิดขึ้น  เพื่อที่ว่าจะได้มีทางออก  ไม่ช๊อค จนเสียสติ  หรือเสียใจจนไปฆ่าตัวตาย   ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ นับว่า หนังสือคุณ อิ๋ง อิ๋ง มีประโยชน์มาก  เพราะเผยแพร่ได้มาก  คนซื้อมาก คนอ่านมาก  ประโยชน์ก็เกิดขึ้นมาก    ........  แต่คุณ อิ๋ง  อิ๋ง  ต้องเปลืองตัว  เปลืองใจบ้าง  แต่เข้าใจครับด้วยเหตุที่ คุณ อิ๋ง อิ๋ง ยังเป็นปุถุชนคนธรรมดา  ยังรู้ร้อน  รู้หนาว  ยังรู้สึกดีใจ เสียใจ  พอใจ  ยังมี  รัก  มีเกลียดอยู่อันเป็นธรรมดา   ย่อมต้องรู้สึกแย่  เจ็บปวด  ........ แต่ขอให้อดทนครับ   ปล่อยวางในสิ่งที่ไม่เป็นมงคลสำหรับเรา   ขอให้คิดว่าเรานั้นเป็นผู้ให้   ให้บทเรียน ...สอนเพื่อนร่วมสังคม ๆ นี้    อย่างน้อยก็อาจทำให้คนเสียใจน้อยลง  ฆ่าตัวตายน้อยลง  ทำใจได้มากขึ้น   ขอให้มองว่าเรานั้นมีค่ามากในสังคม   เราอาจต้องยอมเสียสละตัวเองบ้างนะครับ  

    หากปรารถนาดีต่อ ผู้อ่าน หรือคนในสังคมนี้อย่างจริงใจ   ก็อย่างไปใส่ใจมาก  กับคนที่เขาไม่เข้าใจเราเลยนะครับ

    ปล.  ผมไม่ค่อยรู้เรื่องของคุณ อิ๋ง อิ๋ง มากนัก   หนังสือก็ไม่เคยอ่าน  แต่เข้าใจว่าที่ผมคิดคงไม่ผิด  ว่าเนื้อเรื่องของหนังสือ คงมีเจตนา  เตือนใจ คนอ่าน ส่วนหนึ่งก็นำชีวิตตัวเองมาตีแผ่  ทั้งความคิด และความรู้สึก ซึ่งแน่นอนครับมีประโยชน์แน่นอน  คนเราควรเรียนรู้ประสบการณ์คนอื่นเป็นครู  จะได้ไม่เสียเวลา  เสียใจ ไปตลอดชีวิต


    Toad
    เช้าวันศุกร์ที่ 19 พ.ย. 47
    เริ่มเขียนเวลา6.00 น. – 7.30 น.ครับ

    ขอบคุณครับ

    แก้ไขเมื่อ 22 พ.ย. 47 07:09:18

    จากคุณ : Toad - [ 19 พ.ย. 47 07:47:53 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป