สองสัปดาห์ที่ผ่านมามี Emails จากแฟนๆ ที่ติดตามอ่านเรื่องราวต่างๆ ที่ผมโพสท์ไว้ในนี้ ส่งเมล์มาหาผมเยอะมากเกือบจะร้อยเมล์ได้ เป็นการถามปัญหาและขอคำแนะนำต่างๆ ครับ เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะมีเวลาส่งตอบเมล์แต่ละคนไป เพราะผมต้องทำงาน 5 วันต่ออาทิตย์ มีภาระผ่อนบ้านผ่อนช่องตามประสาหาเช้ากินค่ำเหมือนกันครับ เพื่อเป็นการประหยัดเวลาจึงรวบรวมตอบคำถามไว้ที่นี่นะครับ เรียงลำดับจากคำถามที่ฮิตสุดๆ ไปจนถึงน้อยรายที่สุด
*** จะไปเรียนที่เมลเบิร์นค่ะ ต้องเตรียมอะไรไปบ้าง
---นอกจากเงินเยอะๆ แล้ว ให้จัดการกับตัวเองให้เรียบร้อยเช่นสุขภาพฟัน หรือการวัดสายตา-ตัดแว่น เพราะสองอย่างนี้เมลเบิร์นหรือที่ใหนในออสเตรเลียแพงมากๆ ครับ สำหรับผู้หญิงนั้นควรเอา ชุดชั้นในมาเยอะๆ ครับ ไม่ใช่ว่าเมลเบิร์นจะเต็มไปด้วยพวกโรคจิต ปีนหอพักหญิงขโมยกางเกงในไปสะสมอะไรหรอกครับ แต่ว่าที่นี่มีแต่ไซส์ฝรั่งซึ่งขนาดใหญ่มาก ไม่เหมาะสำหรับสาวๆ เอวบางร่างน้อยจากเมืองไทยครับ
*** เรียนภาษาที่ใหนดีครับ มีที่แนะนำโรงเรียนสอนภาษาที่ใหนได้บ้าง
---หลายๆ ที่จะมีคุณภาพไม่เหมือนกัน เท่าที่รับฟังมา ของ Monash University กับ Boxhill TAFE จะมีคนกล่าวถึงแต่สิ่งดีๆ นะครับ
*** ลูกสาว หลานสาว ไปเรียนภาษาและทำงานในร้านอาหารไทย ได้เงินน้อย แค่ 30/35 เหรียญ ต่อคืน และโอกาสคลุกคลีกับฝรั่งมีน้อย มีข้อแนะนำอะไรบ้างคะ
---เป็นเรื่องปกติครับ ที่เจ้าของร้านอาหารไทยจะสร้างนรกบนดินไว้คอยต้อนรับนักเรียนไทย อย่าคิดมากครับจุดประสงค์จริงๆ คือต้องมาเรียนนี่ครับ อย่างอื่นถือว่าเป็นโบนัส ส่วนเรื่องคลุกคลีกับฝรั่งนั้นผมไม่แน่ใจครับ แล้วแต่สังคมของแต่ละคนไปครับ จะหาเพื่อนฝรั่งเอาไว้คุยด้วยสำหรับฝึกภาษานั้นไม่ยากครับ มีเยอะแยะไปแล้วแต่ความเปิดตัวเปิดใจไปเป็นมิตรของคนๆ นั้นไป
*** พี่เควิน ช่วยบอกวิธีเลี่ยงชั่วโมงทำงานให้นอกเหนือ 20 ชั่วโมงหน่อยครับ
---โห หาเรื่องให้ผมเข้าตะรางเหรอครับ เอาเป็นว่าแนะนำให้นิดหน่อยนะ ที่เหลือไปสอบถามพวกนักเรียนไทยที่ทำงานเยอะๆ กันเอาเอง นักเรียนไทยที่ถือวีซ่านักเรียน และถูกจำกัดชั่วโมงทำงาน ใน Work Permit ไว้ที่ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์นั้น ผมแนะนำให้ไปขอ TFN หรือหมายเลขผู้เสียภาษีครับ และให้เจ้าของกิจการลงบันทึกชั่วโมงทำงานไว้ครับ อาจจะลงน้อยๆ หน่อยเช่น 2 ชั่วโมงต่อ Shift แต่ว่าทำจริงๆ นั้นอาจจะหลายชั่วโมง เรื่องนี้ของให้หลิ่วตาตกลงกันเองกับเจ้าของกิจการครับ ทำยังไงก็ได้ที่ชั่วโมงในล๊อกบุ๊ก มีน้อย เวลาโดนตรวจจากสรรพากรแล้ว จะไม่ต้องลำบาก แต่อย่างไรก็ดีอย่าลืมเรื่องเรียนนะครับ อย่าให้งานทำให้เสียการเรียนเด็ดขาด อ้อ.. อีกอย่าง TFN ที่ว่านี้ควรจะมีเลย เพราะหลังจากเรียนจบแล้วถ้าขอสมัครวีซ่าอยู่อาศัยถาวรได้ ก็ใช้ TFN อันเดิมทำงานครับ
*** แฟนฝรั่ง เจ้าชู้มั้ยคะ เมื่อเปรียเทียบกับคนไทย และคิดยังไงกับพหรมจรรย์
---ขอตอบคำถามนี้อย่างตรงไปตรงมานะครับ จากประสบการณ์ที่พบเจอมากับตัวเอง คำถามของคุณเป็นคำถามที่ดีมาก และอาจเป็นประโยชน์สำหรับคนอื่นที่ผ่านเข้ามาอ่าน
ว่าไปแล้ว หนุ่มไทย หรือหนุ่มชาติใหนก็ตาม มีความต้องการทางเพศเหมือนกันทั้งนั้น ความเจ้าชู้และแอบมีเล็กมีน้อย นั้น ฝรั่งก็มีครับ แต่อาจจะไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า พวกเค้าไม่ทำกัน ฝรั่งนั้นอาจจะทำครับ แต่ไม่ค่อยพูดกัน อาจเป็นเพราะการไปหลับนอนกับคนอื่นเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่สมควรแพร่งพรายให้คนอื่นรับรู้
อีกอย่างเศรษฐกิจมันรัดตัวครับ ฝรั่งหลายๆ คนนั้นไม่รวยพอที่จะมีรายได้ที่สามารถเลี้ยงดูได้หลายๆ บ้านได้พร้อมกัน ส่วนใหญ่แล้วยังต้องช่วยกันทำมาหากินทั้งผัวทั้งเมียเลย เพื่อความอยู่รอด ต่างกับเมืองไทยซึ่งช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยมีมาก เช่นชายเจ้าชู้มีรายได้ 4-50000 บาท ต่อเดือน ก็สามารถกุ๊กกิ๊กเลี้ยงดูแอบส่งเสียบ้านน้อยได้ ซึ่งฝ่ายบ้านน้อยอาจจะพอใจในค่าเลี้ยงดู 10000 ต่อเดือนอะไรทำนองนี้
อีกอย่างเวลาฝรั่งมันปิ๊งกันตามในผับหรือที่ใหนก็ตามแล้วพากันไปหลับนอน ทั้งฝ่ายชาย-หญิง ก็ไม่ได้หวังความสัมพันธ์อันยาวนานอย่างใดเลย คือพูดง่ายๆ ทั้งคู่เพียงต้องเซ็กส์เพียงชั่วคราวเท่านั้น นอกเสียแต่ว่า ติดอกติดใจแล้ว คบหากันไปยาวนานกว่านั้น
ส่วนเรื่องค่านิยมเรื่องความบริสุทธิของหญิงสาวนั้น ผมบอกได้เลยว่าฝรั่งมันคงปลงกันแล้วครับ เพราะมันหายากเหลือเกิน ดังนั้นพวกมันจึงไม่เคยคิด แต่ถามว่าพวกชายฝรั่งอยากได้แฟนเป็นหญิงบริสุทธิมั้ย ชัวร์ครับ มันยิ่งกว่าสวรรค์โปรดซะอีก ถามว่า ทำไมสาวฝรั่งมันไม่ชอบเก็บความบริสุทธิ ---ผมไม่รู้ แต่เท่าที่เห็นมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม แม้แต่ในห้องเรียน มันก็ยังควัก ยังล้วงกันในนั้นแล้ว และสาวๆ ก็เหมือนจะแข่งกันนอนกับแฟนกันเหลือเกิน ประมาณว่าถ้าฉันมีเซ็กส์กับแฟนแล้ว มันเป็นอะไรที่น่าภูมิใจยังไงยังงั้นแหล่ะ
อายุ 15-16 สาวๆ ก็พากันเป็นแบบนี้แล้ว พอโตขึ้นมาหน่อยพอจะมีความรับผิดชอบ จะเอาความบริสุทธิที่ใหนมาเหลือกันล่ะครับ บางคนนั้นเปลี่ยนคู่นอนมาแล้วนับไม่ถ้วน ที่ว่ามานี้ไม่ได้หมายความว่า สาวฝรั่งเป็นกันหมดทุกคนนะ ส่วนหนึ่งที่เค้ามีสกุล เกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะ พ่อแม่ส่งเสียเข้าโรงเรียนดีๆ ก็มีครับ พวกนี้จะเป็นผู้ดีหน่อย หรือบางคนเกิดมาในครอบครัวเคร่งศาสนา ได้เล่าเรียนในโรงเรียนคาธอลิค สาวๆ เหล่านี้จะมีค่านิยมไปอีกอย่างหนึ่ง
แต่จะมีซักกี่รายครับ ที่มีเงินพอจะส่งเสีย ลูกหลานเข้าเรียนในโรงเรียนแพงๆ เหล่านี้
ในละแวกที่ผมอยู่นี่มีโรงเรียนอย่างที่ว่าด้วยครับ เช่น Geelong Gramma School อยู่ที่เมืองจีลอง ดร. มีชัย วีระไวทยะ สมัยท่านเป็นเด็กท่านก็มีเรียนที่นี่ ไม่รู้ว่าเกิดรู้เห็นเซ็กส์ในโรงเรียนผู้ดีรึเปล่า เลยเกิดแรงบันดาลใจไปทำเรื่องถุงยางที่เมืองไทย จนโด่งดัง (แฮ่ๆๆ อันนี้แซวเล่นนะ)
มีเรื่องเสริมนะ มีน้องนักเรียนไทยคนหนึ่ง มาเรียนภาษาที่นี่ และได้ไปอยู่กับครอบครัวฝรั่ง บ้านหนึ่ง ซึ่งบ้านนี้ก็มีลูกชายด้วยครับ ไม่หล่อเท่าไหร่หรอก อยู่ได้ไม่นานน้องคนนี้ก็ได้ตกลงปลงใจหลับนอนกับลูกชายบ้านนี้ โดยหวังว่า พอวีซ่าหมด ผู้ชายจะส่งเสียรับเลี้ยงดู อะไรต่างๆ เช่นสามีภรรยา ทั่วไป
แต่ปรากฏว่าไม่ครับ หนุ่มคนนี้หวังเพียงแค่ ได้หลับนอนด้วยเท่านั้น และรู้ๆ มาว่าเคยทำอย่างนี้กับหญิงไทยหลายคนแล้ว และเธอพวกนั้นพอวีซ่าหมดก็ต้องกลับบ้าน เอาเป็นว่าหมอนี่รู้จุดอ่อนและอาศัย ความเป็นฝรั่งเอารัดเอาเปรียบทางเพศกับผู้หญิงเป็นว่าเล่นครับ โทษใครก็ไม่ได้ เพราะยังมีหญิงไทยไม่น้อยที่คิดว่าแฟนฝรั่งดีกว่า แฟนไทย และแทบจะแย่งกันให้ตาย แม้มันจะหล่อ ไม่หล่อ มีการศึกษาหรือไม่ ขอให้เป็นฝรั่งเป็นใช้ได้
พวกฝรั่งถ่อยๆ ก็มีเยอะ อาศัยที่ว่าค่าเงินมันแพง แลกเงินไทยแล้วได้เยอะ จึงไปเที่ยวเมืองไทย บ่อยๆ เพียงเพราะเรื่องเซ็กส์ พวกฐานะปานกลางก็ทำกันครับ บางคนหนีเมียไปเมืองไทย โดยอ้างว่าบริษัทต้องส่งตัวไปดูงานบ้าง อะไรบ้าง ทุกครั้งที่ฝรั่งขี้นกพวกนี้คุยกับผมเรื่องหลับนอนกับผู้หญิงไทย และการซื้อบริการทางเพศกับผมแล้ว ไม่ว่าที่ทำงานหรือที่ใหนก็ตาม คำตอบของผมคือ ฟักออฟ อย่างเดียวครับ เพราะถือว่าไม่ให้เกีรยติกัน เมืองไทยมีอะไรให้ดูเยอะแยะ มากกว่าเรื่องหลับนอน คุณค่าทางศิลปะ วัฒนธรรมก็เยอะ น่าจะไปดูกันบ้าง ในสมองจะได้เลิกคิดหมกมุ่นกับเรื่องบนเตียงซะที
*** ขอคำแนะนำเรื่องวีซ่า ประเภทต่างๆ รวมทั้งวีซ่าอยู่อาศัยถาวรด้วย (PR) ค่ะ
---ต้องออกตัวก่อนครับว่า ผมมีความรู้เรื่องนี้น้อยมาก เกรงว่าจะบอกข้อมูลผิดๆ ครับ ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือว่า คุณจะเชื่ออย่างที่ผมบอกแล้วนำไปปฏิบัติกันผิดๆ แล้วจะไปกันใหญ่ครับ คำถามนี้ผมต้องระวังมาก เอาเป็นว่าผมรู้เพียงคร่าวๆ ว่า PR ที่เปิดรับนั้นตอนนี้มีหลายสาขาอาชีพครับ ไอที กับ เทเลคอมนั้นซบเซาลงแล้ว ที่คงต้องการไม่ขาดคือ บัญชี การเงิน และที่ฮ๊อต สุดๆ ตอนนี้ ก็คือ Hospitality ครับที่ต้องการมากๆ เลย ฮอสปิทาวลิตี้ในกลุ่มของพวกทำอาหารก็กำลังเป็นที่ต้องการครับ
อีกพวกหนึ่งที่ไม่เคยตกงานเลยคือ พวกเรียนมาทางพยาบาล ตอนนี้ต้องการมากครับ ส่วนมากนำเข้าจากฟิลิปปินส์ แต่สำหรับผมแล้วคงอุ่นใจไม่น้อยถ้าวันใหนต้องได้เข้าโรงพยาบาลแล้วมีพยาบาลคนไทยสวยๆ มาพันแผลให้ วันนั้นคงเป็นสุขไม่น้อยทีเดียว
****คำถามที่แปลกประหลาดมากอันหนึ่ง ถามว่า ดิฉันชอบชอปปิ้ง David Jones ซื้อกลับมาเมืองไทยคราวละมากๆ สนใจเรื่องของความสวยความงาม คุณเควิน พอจะทราบรายละเอียดของ คลินิก ศัลยกรรมความงามมั้ยคะ
---บอกกันไว้ก่อนนะครับ สำหรับคุณและคนที่อ่านคนอื่นด้วย ว่าผม ไม่ใช่ตุ๊ด นะครับ ถึงแม้บางเรื่องที่ผมเขียนอาจจะมีเนื้อหาเกี่ยวพันกับสาวประเภทสองและมีใจความล่อแหลมอยู่บ้าง แต่บอกได้เลยว่าผมเป็นแมนครับ--- (Ha ha) เท่าที่รู้มาการศัลยกรรมความงามนั้น เมืองไทยทำดีเลิศที่สุดนี่ครับ พวกฝรั่งยังยอมรับกันเลย อีกอย่างเรื่องทำหน้าตึง หรือดึงหน้านั้นเป็นไปได้ว่าหมอคนไทยย่อมเข้าใจผิวหนังคนไทยมากกว่าฝรั่งครับ
ศัลยกรรมดึงหน้าให้ตึงที่นี่ก็พอมีครับ โดยเทคนิคแล้วคือรวบเอาผิวหนังดึงไปเย็บไว้ที่ท้ายทอย แล้วผิวข้างล่างเลื่อนขึ้นมาแทนตำแหน่งเดิม เลยทำให้ดูเต่งตั่งขึ้น จริงรึเปล่าก็ไม่รู้ผมรู้เท่านี้แหล่ะครับ แต่ระวังปัญหาจะตามมานะครับ เคยมีพวกปากหอยปากปูเมาท์กันว่า คนที่ไปดึงหน้าบ่อยๆ อย่าง เจ้ากอกล้วย ประกายกาละแม นั้น "ตอนนี้ประสบกับปัญหาขนที่หน้าอก ครับ
. วันนี้ขอจบเพียงเท่านี้ก่อนนะครับ
แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 47 18:03:50
แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 47 15:52:32
แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 47 15:34:20
แก้ไขเมื่อ 13 ธ.ค. 47 15:23:02
จากคุณ :
เควิน ลี
- [
13 ธ.ค. 47 15:16:10
]