CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    ทำไมคนเราไม่รู้จักพอกันเสียที

    ที่จริงเรื่องนี้มันก็เป็นเรื่องที่ กล่าวกันมาแต่ สมัย รุ่นคุณปู่แล้ว แต่ก็อดคิดไม่ได้ เพราะยิ่งเห็นใน โต๊ะนี้มีแจก invite Gmail กัน นี่ไม่ได้ว่าเขานะครับแต่ อดคิดไม่ได้ เพราะทุกวันนี้ ฟรี E-mail ก็ให้กันไม่น้อย เช่น yahoo 250 mb hotmail เดิม 2 mb อาจจะน้อยสำหรับใครบางคน  แต่ก็มากพอสำหรับคนทำงาน อย่างผมนี่ใช้ yahoo.com ก็ ใช้ทั้ง รับส่งงานให้กับลูกค้า จนกระทั่งรับงานจากนักเรียนที่ส่งเมล์งาน ก็เรียกว่ายังใช้ไม่ถึง 5 เปอร์เซนต์ด้วยซ้ำไปแล้วทำไมเราต้องการที่มาก ๆ แล้วก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์!!
    หรืออย่างเรื่องบัตรเครดิต อีกอย่าง ไม่ว่าจะพี่เมีย ผม หรือแม้แต่เมียผม ต่างก็ ทั้งแต่งวงเงิน หมุนในบัญชีสารพัด บอกว่าเขาจะได้ให้ วงเงินบัตรเยอะๆ ก็ตั้งแต่สมัยยังไม่เจอยุค IMF ได้จากซิติแบงค์กันคนละ 125000 บาท แล้วจากนั้นก็รูดกันเต็มวงเงิน ถึงเวลาไม่มีเงินจ่าย คนเดือดร้อนก็ผม ต้องช่วย ชำระหนี้ให้ แล้วทีนี้ ใ:-)ธนาคารรวย เพราะ ในความรู้สึกของผมว่า ธนาคาร ก็ต้องการให้วงเงิน คนที่สูง พอควร แล้วให้คนนั้น รูดบัตร เต็มวงเงินที่ไม่สามารถ จ่ายยอดเงิน ที่รูดได้ทั้งหมด หรือ จ่ายได้แค่วงเงินขั้นต่ำ ได้ยิ่งดี เพราะจ่ายแค่ขั้นต่ำดังนั้นที่ เหลือละ ดอกเบี้ยเดินนะครับ ธนาคารรวย  แล้ว ยิ่งเจอเรื่องร้ายๆ โกงเงินกันใน ระบบบัตรเครดิต ยิ่งแล้วใหญ่ บ้ากันไปเลย
    ซึ่ง ที่จริงขอวงเงิน แค่ ไม่กี่หมื่น ก็พอ อย่างใบที่ผมถือ ว่าเป็นมาสเตอร์การ์ด วงเงิน สี่หมื่นบาทรูดเดือนหนึ่ง ประมาณ 5000-8000 บาท หมดไปเป็นค่าน้ำมัน  กับกินข้าวกับลูกค้า เพราะผมเป็นโรคขี้เกียจจดจำ ก็ว่าดีเหมือนกัน สิ้นเดือน มีรายการรูดมาให้เรา จดยอดรวมว่า จ่ายค่าน้ำมันกับกินข้าว กับลูกค้าเป็นเงินเท่าไร เพราะนี่คือต้นทุนงานของผม  ส่วนซื้อของต้นเดือน หรืออื่นๆ ก็เงินสดหรือ Visa electron ซึ่งไม่มียอดหนี้
    แล้วทำให้ลามไปถึง เพื่อนฝูง เวลางานศิษย์เก่า นี่เป็นอะไรที่ผม ชักจะเบื่อ สี่ห้าปีหลัง เลยไม่ค่อยไปร่วมงานทั้งที่โรงเรียน กับบ้านห่างกันแค่คืบ แถมทุกครั้งที่รับลูกที่โรงเรียนก็ยังผ่านโรงเรียนเก่าผม บ่อยครั้งที่พาลูกไปว่ายน้ำ หรือนั่งเล่นคุยกับครูที่เคยสอนผม ประจำ แต่งานศิษย์เก่า ผมกลับไม่ไป
    เพราะเบื่อกับ การ ที่เหมือนงานประกวด แข่งความรวย กับยศฐาบรรดาศักดิ์ เพื่อนคนนี้ ติดพันเอกแล้ว แล้วผมก็อดสงสารไม่ได้ กับเพื่อนที่ ยังมียศแค่พันตรี แบกปืนอยู่ชายแดนตลอดไม่ได้เห็นแสงสีเหมือนเพื่อนพันเอกใน กรุงเทพฯ หรือ เพื่อนร้านทอง คนแรก ก็อวดว่า มียอดขายปีทั้งผ่อนทอง ฯลฯ ร่วม สิบห้าล้าน อีก คน มาคุยอวดทับว่า ตัวเอง ขายรวมกันได้ ยี่สิบล้าน
    ฟังดูแล้วก็ดีใจกับเพื่อนนะครับที่ก้าวหน้า แต่ สิ่งที่อดคิดไม่ได้ คือ งานศิษย์เก่าไม่ว่าจะรวยหรือจนหรือล้มเหลว บางคนต้องโดนฟ้องล้มละลายเขาก็เพื่อนเรา เพื่อน ที่ไม่น่าจะข่มทับ กัน
    แต่ในขณะที่ คนที่รวยที่สุดของรุ่น เป็นเจ้าของโรงงานบะหมี่ขนาดยักษ์ ในศรีราชา กลับ มาแบบเงียบ เสร็จงาน ก็กลับกับครอบครัว กินราดหน้านายบุญเจ้าเก่าชามละ ยี่สิบบาท ในตลาดศรีราชาก่อนกลับบ้าน!!
    คนมีเงิน ร้อยล้าน ซื้อ บ้านหรูๆ ได้ คน มีเงิน สิบล้านก็ซื้อได้
    แต่ความสุขในชีวิต ความอบอุ่น และความสำเร็จ ของลูกๆ ซึ่งเป็นยอดปรารถนา นั้นแม้มีเงิน เท่าไรก็คงซื้อไม่ได้
    เพราะมีจนจึงมี รวย มีตกต่ำเลยมียิ่งใหญ่ เรารู้ว่า เราใช้ชีวิตไปเท่าไร เรารู้ว่า เรามีความสุขเท่าไร แต่เรานี้ไม่รู้หรอกว่า เวลาของเราเหลือเท่าไร เราไม่รู้หรอกว่าพ่อแม่จะอยู่กับเราได้อีกนานเท่าไร
    ดังนั้นผมว่าเราควรใช้ชีวิตให้มีความสุขดีกว่า การ ใช้ชีวิตที่ต้องแข่งขันโดยไม่จำเป็น

    จากคุณ : จมื่นไวกว่า - [ 26 ธ.ค. 47 11:25:23 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป