CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    *****************ลดน้ำหนักจนป่วย : ข้อคิดก่อนหักโหมลดความอ้วน*****************

    คือว่าอยากจะเล่าเรื่องของตัวเองแบ่งปันให้คนอื่นๆก่อนที่จะมีใครป่วยเพราะการลดความอ้วนแบบเราอีกค่ะ

    เราเป็นคนอ้วนตั้งแต่เด็ก ที่บ้านมีแต่พาไปกินข้าวนอกบ้าน หรือไม่ก็ทำอาหารมื้อใหญ่ที่บ้านตลอด ประมาณว่าถ้าไม่อ้วนก็เอาไม่อยู่แล้ว ทำให้น้ำหนักเราขึ้นตลอดเวลา ตอนประถม น้ำหนักเราขึ้นปีละ10โล อย่างป.3หนัก30, ป.4หนัก40, ป.5หนัก50, ป.6หนัก60
    จนพออยู่ ม.1 เราก็หนักประมาณ70กว่า แล้วก็พุ่งเอาๆ จนสักราวๆม.5-ม.6 เราหนัก93kg -_-" เวลาไปหาหมอ หมอก็ว่า แล้วก็บอกให้ลดน้ำหนักตลอด เรารู้ตัวเสมอ อยากลดน่ะอยากอยู่แล้ว แต่มันทำไงได้ล่ะ ในเมื่อในหัวมีแต่เรื่องกินๆๆๆ

    แต่ว่าตอนที่ชั่งน้ำหนักได้93ที่รพ. ก็เป็นตัวทำให้เราฉุกคิดได้ว่า อ้าวเฮ้ย!!อีกไม่กี่โลก็เหยียบ100แล้วนี่นา ถึงได้ทำให้เราเริ่มการลดน้ำหนักที่จริงจังมากขึ้น เราเริ่มจากการลดการกินของมันลง อาหารที่ใส่กะทิก็เลิก แต่ว่าเราไม่ได้ออกกำลังกายเลยแม้แต่น้อย..

    ระยะเวลาก็ผ่านมา2-3ปี เราหนักได้78กิโล คิดแล้วก็ไม่น่าเชื่อจริงๆ แต่ว่าหลายๆคนที่เห็นเราก็ยังคิดว่าเราอ้วนอยู่ (เหอๆไม่เคยเห็นฉันตอน93นี่ ไม่งั้นจะคิดว่ามหัศจรรย์กว่านั้น)

    เมื่อเมษายนปีที่แล้ว เกิดฉุกคิดได้ว่า เราน่าจะเลิกดื่มน้ำอัดลมนะ ก็เลยเลิก (แต่นานๆจะดื่มที) ปรากฎว่าเวลาผ่านไป2-3เดือน น้ำหนักลดในทันทีถึง5กิโล ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรมาก ซึ่งสรุปได้ง่ายๆเลยว่าพวกน้ำอัดลมนี่เองที่ทำให้การลดน้ำหนักเป็นไปได้ยาก

    น้ำหนักค่อนข้างทรงๆ ตอนช่วงหนัก73 แต่ว่าก็ลดลงอยู่บ้างเพราะว่าตอนนี้เรียนปี4แล้ว และต้องทำภาคนิพนธ์ส่งอาจารย์ด้วย (ถ้าไม่ผ่าน=เรียนไม่จบ) จนเดือนธันวาปีที่แล้วหนัก 70 กิโลพอดิบพอดี

    ญาติของเราเดินทางจากเชียงใหม่มากรุงเทพพอดีช่วงปลายปี เราเลยขอติดสอยห้อยตามไปเชียงใหม่ด้วยเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ..ทว่าช่วงที่อยู่เชียงใหม่นั้น เรามีแต่กินกะนอน แม้ว่าจะเดินและขยับแข้งขยับขาเยอะ แต่ก็ทดแทนกับที่กินไม่ได้เลย (มีแต่ของอร่อย+กินทั้งวัน มันๆทั้งนั้น) ดังนั้น1สัปดาห์นี้เราน้ำหนักพุ่งเป็น73เลย >_< ใจของเรานี่ รู้สึกรับไม่ได้อย่างแรง เพราะอุตส่าห์ลดตั้งนานกว่าจะได้ขนาดนี้ดันมาพุ่งภายในสัปดาห์เดียวเสียนี่ หลังจากกลับกรุงเทพเราก็พยายามลดน้ำหนักเป็นการใหญ่ด้วยการลดการกินขนมนมเนย แต่น้ำหนักก็ไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนแปลง ทำให้รู้สึกท้อมาก จนกระทั่งได้พานพบกับpantip lumpiniเลยได้สูตรการลดน้ำหนักมาเพียบ ประกอบกับเริ่มรู้ว่าเราควรจะเริ่มออกกำลังกายได้แล้ว!!

    แล้วยิ่งได้เข้าร่วมโครงการลดน้ำหนัก20kgของพี่Puffเลยยิ่งมีกำลังใจลดน้ำหนักใหญ่ เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้อยู่อย่างเดียวดาย แล้วก็ทำให้อยากไปฟิตเนตมากๆ แต่ว่าเราไม่มีตังค์มากพอจะไปนี่สิ และไม่อยากรบกวนเงินของคุณพ่อคุณแม่เลย ดังนั้นเราจึงไปซื้อดัมเบลแบบใส่น้ำมา2อัน แล้วก็ยกขึ้นยกลงตามอารมณ์(แต่ก็ยกทุกวันนะ) และก็วิ่งรอบบ้านด้วยเป็นการออกกำลังกายแบบประหยัดไป
    http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L3221730/L3221730.html
    http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L3235564/L3235564.html

    ตอนนี้ก็เลยทั้งออกกำลังกายและคุมอาหาร แต่เราก็ต้องเจอปัญหาใหม่คือ เรากลายเป็นคนที่ท้องผูกบ่อยมากๆ (เมื่อก่อนตอนที่ตะบี้ตะบันกิน เราไม่เคยเจอปัญหาท้องผูกเลย)

    เรื่องการคุมอาหารก็ได้สูตรลดน้ำหนักใน3วันมา แต่เอาเข้าจริง เราทำได้แค่วันครึ่งเอง เพราะหิวมากๆ ตาลายด้วย ทว่าถึงอย่างนั้นเราก็ลดน้ำหนักจากสูตรนั้นได้ถึง1.5kg แล้วก็เปลี่ยนวิธีเป็นไม่ให้กินอาหารมากจนเกินการใช้พลังงานของร่างกายแทน เลยลดน้ำหนักลงเหลือ70kgใน10วัน (วันนึงเราพยายามกินไม่ให้เกิน1200แครอลี่)

    ทว่าช่วงเมื่อวาน+วันนี้เรามีอาการตัวร้อน ระคายคอ มีเสลดมาก และเวียนหัวมากๆ อาการของโรคหวัดชัดๆ ตอนแรกว่าจะไม่ไปหาหมอ แต่ใช้วิธีให้ร่างกายรักษาตนเองด้วยการพักผ่อน ทว่าก็ไม่ได้ดีอะไรขึ้นมา สรุปก็ไปหาหมอจนได้ พอตรวจเสร็จ+บอกหมอเรื่องลดความอ้วน หมอก็บอกว่าเราลดเร็วไปค่อยๆเป็นค่อยๆไปดีกว่า ที่ป่วยนี่เพราะร่างกายเรามันรับไม่ไหว หมอยังตกใจเลยตอนเราบอกว่าตอนต้นปีเราหนัก73 เพราะตอนนี้เราหนัก69.6(น้ำหนักที่ชั่งที่รพ.) คือว่าลด3โลภายในไม่ถึง20นี่นับว่าเร็วมาก

    อาหารเย็นวันนี้เราเลยกินซะเพียบก่อนกินยาหลังอาหารของหมอ แล้วก็ตามด้วยการยกดัมเบล+วิ่งช้าๆพอควร (เราออกกำลังกายแบบให้ร่างกายพอได้ขยับแข้งขยับขาใช้พลังงาน เพราะเราออกกำลังกายเป็นท่ายังไม่เป็นจ้า) รู้สึกว่าสดชื่นกว่าทุกวันที่เราคุมอาหารเสียอีก และรู้สึกว่าออกกำลังกายได้เต็มที่มากขึ้นแม้ว่าจะรู้สึกไม่สบายก็ตาม

    จากวันนี้เราเลยคิดว่าคงจะกินอาหารให้มากขึ้นตามที่ร่างกายต้องการ+ออกกำลังกายให้เต็มที่ ไม่ใช่กินน้อยๆหวังน้ำหนักลดอย่างเดียวแล้ว กลัวร่างกายจะผยศให้ต้องเสียกะตังค์หาหมออีก ^^" แล้วก็ไม่อยากให้เพื่อนๆต้องป่วยเพราะการลดน้ำหนักแบบเราจ้า อยากให้เรื่องการลดน้ำหนักของเราเป็นข้อคิดก่อนการทรมานตัวเองโดยใช่เหตุ แล้วก็เป็นอุทาหรณ์ว่าอย่าตะบี้ตะบันลดน้ำหนักมาก เพราะผลเสียก็อยู่ที่สุขภาพของตัวเราเองแท้ๆค่ะ

    จากคุณ : แค่นี้จิ๊บจ๊อยน่า... - [ 18 ม.ค. 48 21:17:05 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป