ความคิดเห็นที่ 1 อยากจะมาบอกว่า ตัวเองก็แพ้ยาลดไข้เหมือนกันทานพาราเซตามอลลงไปราว 1 ชั่วโมง จะเป็นผื่นเล็กๆขึ้นตามตัว คันเหมือนยุงกัด ยิ่งเกา ยิ่งลาม เพิ่งมีอาการนี้มาได้ 2-3 ปีเอง ทุกวันนี้ก็หยุดทานยาพาราเซตามอล   ส่วน Ibuprofen , Aspirin จะเป็นผื่นใหญ่ๆ เป็นปื้นขึ้นบนศีรษะ หน้า คัน แต่ไม่รุนแรง เท่า Paracetamol  โชคดีที่เวลาไม่สบาย จะไม่ค่อยมีไข้ จะมีเพียงแค่ปวดเนื้อ ปวดตัวเท่านั้น จากคุณ : yungyak - [ 8 ก.พ. 48 13:11:28 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ง่า คุณเจ้าของกระทู้มีน้องสาวด้วยเหรอค้า นึกว่าลูกโทน(หัวเดียวกระเทียมลีบ)ซะอีก โอ้ย กลัวแล้วจ้า จากคุณ : ฝนโอ่ง - [ 8 ก.พ. 48 14:16:59 ]

ความคิดเห็นที่ 3 แพ้พาราเหมือนกัน อาการคือเป็นผื่นเหมือนลมพิษ คันคะเยอตามผิวหนัง จากผื่นเล็ก ๆ กลายเป็นปื้นใหญ่ ๆ ก้อน ๆ หายใจไม่ออก เกาจนเลือดออก สุดท้ายต้องไปโรงพยาบาลฉีดยาแก้แพ้ ตอนแรกก็ไม่รู้ตัวว่าแพ้ พอครั้งที่ 2 ถึงแน่ใจว่าคงแพ้แน่นอน หมอเองก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงมาแพ้ตอนโต สงสัยกรรมเก่า จากคุณ : แมวหื่น ตื่นสาย - [ 8 ก.พ. 48 14:21:14 A:203.146.150.228 X: TicketID:054888 ]

ความคิดเห็นที่ 4 1. อาการแพ้ ไม่จำเป็นว่าต้องแพ้ตั้งแต่เกิดครับ บางคนอาจเคยกินยาหรืออาหารมานานแล้วถึงจะมาแพ้ก็ได้ ซึ่งขึ้นกับปัจจัยหลายอย่าง เช่น สภาพแวดล้อม อาหาร สุขภาพ ฯลฯ ในทำนองกลับกัน อาการแพ้เหล่านั้น ก็อาจจะหายไปเองได้เช่นกัน ถ้าอยากรู้ว่าแพ้สาร/อาหาร/ยาใด จริงหรือไม่ ก็ไปทดสอบที่ร.พ.ได้ครับ 2. ให้ยาแก้ไข้ พร้อมกับยาแก้แพ้ด้วย ในกรณีที่จำเป็น และควรอยู่ในความดูแลของแทย์ 3. ขึ้นกับว่าน้องคุณมีอาการแพ้รุนแรงแค่ไหน อาการแพ้ส่วนมากจะไม่รุนแรงนัก มักจะทำให้คันเท่านั้น นอกจากจะโชคร้ายจริงๆ ทางป้องกันคือ อาจแนบใบหรือเศษกระดาษที่ระบุว่าคุณแพ้ยาอะไรบ้าง ไว้กับบัตรประชาชนด้วยก็ได้ หรือไม่ก็ไปทำการรักษาหรือทดสอบให้เป็นเรื่องเป็นราว จะได้มีข้อมูลคนไข้เก็บไว้ 4. ใช่ครับ tramol มีตัวยาสำคัญคือ tramadol เป็นยาที่มีฤทธิ์คล้ายกับมอร์ฟีน แต่จะไม่กดการหายใจเหมือนมอร์ฟีน จึงใช้เป็นยาที่ใช้ในการระงับอาการปวด โดยไม่ได้แก้ไข้ครับ แต่การใช้โดยปกติ จะใช้ระงับความเจ็บปวดขั้นปานกลางถึงขั้นรุนแรง เช่น ได้รับอุบัติเหตุ คนไข้ที่ผ่าตัด คนไข้มะเร็ง ไม่แนะนำให้กินพร่ำเพรื่อครับ เพราะอาจทำให้ติดยาได้ จากคุณ : Marquez - [ 8 ก.พ. 48 15:32:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตอบจขกท นะคะ 1. อาการแพ้บางอย่างก็สามารถเกิดขึ้นภายหลังได้ค่ะ แม้เคยรับประทานแล้วไม่มีอาการอะไร แต่ร่างกายของบางคนก็อาจสร้างสารขึ้นมาต่อต้าน เมื่อได้รับยานั้นอีก ก็อาจเกิดอาการแพ้ได้ค่ะ 2. เนื่องจากน้องสาวของคุณแพ้ยาลดไข้ จึงไม่แนะนำให้ใช้ยานะคะ การเช็ดตัวน่าจะเหมาะสมกว่า อีกอย่างหนึ่ง ไข้เป็นอาการแสดงอย่างหนึ่งของร่างกาย ซึ่งอาจเกิดจากสาเหตุใหญ่ๆ เช่นการติดเชื้อ ซึ่งถ้าได้รับการรักษาที่สาเหตุ เช่นได้รับยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ อาการไข้ก็จะทุเลาลงได้ค่ะ 3. ก็ต้องระมัดระวังค่ะ อาจเขียนใส่บัตรพกติดกระเป๋าสตางค์ไว้ว่าแพ้ยาแก้ไข้อะไรบ้าง (ถ้าบอกอาการที่แพ้ด้วยจะดีมาก) เผื่อกรณีฉุกเฉินแพทย์ที่รักษาจะได้ทราบ (อยากแนะนำให้ทุกท่านที่แพ้ยาหรือมีโรคประจำตัวเขียนเป็นบัตรพกติดกระเป๋าไว้ค่ะ) แต่ถ้าฉีดเข้าไปแล้ว อาการแพ้อาจเกิดขึ้นเร็วกว่าแบบกิน ถ้ารีบแจ้งให้แพทย์ทราบ ก็จะรักษาอาการแพ้ได้ทันท่วงทีค่ะ 4. Tramol เป็นยาแก้ปวดคนละกลุ่มกับพารา และ ไอบูโพรเฟนค่ะ ถ้าน้องของคุณไม่แพ้ยานี้ ก็อาจใช้ยานี้ในการบรรเทาอาการปวดได้ในครั้งหน้า แต่ยานี้ไม่มีฤทธิ์ลดไข้นะคะ โดยปกติยา Tramol นี้ใช้ลดปวดในระดับกลางถึงค่อนข้างรุนแรง ในขณะที่พาราเซตามอลและไอบูโพรเฟนใช้ลดไข้แก้ปวดในระดับเล็กน้อยถึงปานกลางค่ะ จากคุณ : PDF - [ 8 ก.พ. 48 16:04:37 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าเป็นน้องสาวอ่ะเชื่อ แต่ถ้าป้านางนี่ออกจะแข็งแรง ไม่น่าแพ้ หุหุ จากคุณ : คูลิโกะจัง - [ 8 ก.พ. 48 16:45:50 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เปลี่ยนยี่ห้อดูนะครับ ยาเม็ดนึงๆ ไม่ใช่ประกอบด้วยตัวยาอย่างเดียว มีสารที่ผสมเข้าไปอีกหลายอย่าง เพื่อให้เม็ดยาคงรูป ไม่ดูดความชื้น เก็บได้นาน ไม่ขึ้นรา ฯลฯ สารเคมีพวกนี้ ทำให้เกิดการแพ้ได้ง่ายๆ หาตาชั่งไวๆ เอาเม็ดยา มาชั่งดูสิ paracet 500 มิลิกรัม (0.5 กรัม) หรือ aspirin 300 mg (0.3 gm) ชั่งแล้ว หนักเท่าไหร่? ... เห็นแล้วจะตกใจ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 8 ก.พ. 48 22:28:25 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอบคุณค่ะทุกท่าน จากคุณ : จขกท (nang) - [ 9 ก.พ. 48 04:31:12 ]