CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    *-*+*-* กระทู้ไขปริศนา.. ทำไม ยุง ชุม ขนาด.. เปิดโปงตัวการบันดาลยุงมหาศาลจากกรุงเทพธุรกิจ.. *-*+*-*

    'ยุง' ยุ่งระดับโลก

    เมื่อไม้ตียุง กลายเป็นอาวุธฮิตติดตัวคนกรุง เพราะหลายคน กลัวติดเชื้อไข้เลือดออก จากยุงลาย แต่รู้ไหมว่ากว่าร้อยละ 80 ของยุง ที่ต้องกลายเป็นศพนั้น เป็นยุงชนิดที่เรียกว่า ยุงรำคาญ ซึ่งการบุกเข้ามาเป็นกองทัพ ไม่ใช่เพียงเพราะ ปัญหาซ้ำซากอย่างน้ำเสีย แต่เป็นเพราะสภาพแวดล้อม ที่ปรวนแปรไปทั่วโลก และอย่าแปลกใจ ถ้าจะบอกว่า เรื่องภูเขาน้ำแข็งแตกที่ขั้วโลกเหนือ และปรากฏการณ์ยุงรำคาญบุกกรุงเทพฯ เป็นเรื่องเดียวกัน ทิพย์พิมล เกียรติวาทีรัตนะ รายงาน

    จากปรากฏการณ์ไม้เทนนิสตียุงขายดีเป็นประวัติการณ์ เพราะเป็นเหมือนอาวุธทำลายล้างกองทัพยุงที่พากันบุกเข้ากรุง รุมดูดเลือดเราท่านอย่างบ้าคลั่ง ร้อนถึงราชการและสื่ออีกหลายสำนักต้องออกมาประกาศเตือน หวั่นไข้เลือดออกระบาดหนัก

    มาตรการฉีดพ่นสารเคมีตามแหล่งชุมชนและท่อระบายทั่วกรุง หวังปราบยุงลายให้สิ้นซาก จึงออกมารวดเร็วทันใจ พร้อมกับการรับลูกอย่างแข็งขันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น กรุงเทพมหานคร กระทรวงสาธารณสุข กระทั่งสำนักการระบายน้ำ

    เมื่อยุงลายตกเป็นเป้าหมายอันดับ 1 แต่ยุงในกรุงที่ยังบินลอยนวลอยู่ ณ ขณะนี้คือยุงรำคาญ ซึ่งหลายฝ่ายไม่ค่อยจะอนาทรร้อนใจกับยุงชนิดนี้นัก เพราะชื่อก็บอกแล้วว่าเป็น(แค่)ยุงรำคาญ ทั้งๆ ที่กินสัดส่วนถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของประชากรยุงเมืองทั้งหมด และยุงชนิดนี้ต่างหากที่เป็นนักสูบเลือดตัวจริง

    "ยุงลายไม่ได้มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นอย่างที่เข้าใจกัน แต่ที่มากขึ้นผิดปกติคือยุงรำคาญ เรื่องนี้มีที่มาที่ไปมากกว่าปัญหาเรื่องระบบน้ำเสีย และกำลังนำบางอย่างที่น่ากลัวกว่าไข้เลือดออกเข้ามา" รศ.ชำนาญ อภิวัฒนศร อาจารย์จากภาควิชากีฏวิทยาการแพทย์ คณะเวชศาสตร์เขตร้อน มหาวิทยาลัยมหิดล ออกมาเตือนในฐานะหน่วยงานเดียวในเมืองไทยที่ศึกษาเรื่องยุงอย่างจริงจัง

    เปิดโปงตัวการบันดาลยุงมหาศาล

    ในเมืองไทย พบยุงรำคาญทั้งหมด 8 ชนิด แต่ชนิดที่ครองกรุงอยู่ในตอนนี้เป็น Culex Quinquefasciatus กบดานอยู่ตามท่อระบายน้ำ โดยตัวของมันเองแล้วเป็นพิษเป็นภัย อย่างมากแค่ความรำคาญโดยการกัด และเป็นพาหะนำโรคพยาธิหัวใจในสุนัข

    มากกว่าอันตราย ความสนใจของเรื่องนี้ ถูกมุ่งไปยังปริมาณที่มากผิดปกติ ซึ่งจับสังเกตได้มาตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว สาเหตุที่แท้จริงคืออะไร ให้ผู้เชี่ยวชาญไขปัญหาให้จะดีกว่า

    "ยุงเยอะหรือน้อย จะผูกพันกับสามปัจจัยใหญ่คือ อุณหภูมิ น้ำฝนและแหล่งเพาะพันธุ์ยุง สามตัวนี้จะเกี่ยวข้องกันโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ถ้าฝนตกลงมา แหล่งเพาะพันธุ์จะมาก ยุงก็เพิ่มขึ้น และถ้าอุณหภูมิไม่ต่ำไป ไม่สูงไป ก็เหมาะที่ยุงจะมีชีวิตอยู่ได้นานและลูกน้ำเจริญเติบโตได้ดี" รศ.ชำนาญ อธิบาย

    ในแต่ละปีสามดัชนีข้างต้นอยู่ในภาวะขึ้นๆ ลงๆ เอาแน่เอานอนไม่ได้ และตั้งแต่ปลายปี 2547 ที่ผ่านมา ก็เริ่มมีสัญญาณแปลกๆ เข้ามา สภาพอากาศที่เดิมก็ไม่ค่อยอยู่กับร่องกับรอยอยู่แล้ว ก็ยิ่งปรวนแปรผิดปกติ ส่งผลให้ฝูงยุงรำคาญที่เคยชุกชุมในช่วงเดือนมีนาคมและเบาบางในเดือนธันวาคม กลับออกอาละวาดล่วงหน้าตั้งแต่ธันวาคมที่ผ่านมา จนถึงช่วงนี้ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนแรง

    "ถ้าเป็นยุงลายมันจะอยู่ตามน้ำขังในภาชนะต่างๆ แต่ยุงรำคาญจะอยู่ตามท่อระบายน้ำ และที่มันมีมากเพราะตอนนี้ฝนทิ้งช่วงไปนานแล้ว น้ำขังในท่อเยอะ อุณหภูมิก็เป็นใจ หนาวก็ไม่หนาว ร้อนก็ไม่ร้อน"

    ดูเผินๆ นี่อาจจะเป็นเพียงความปรวนแปรในระดับปกติ ที่คนกรุงชาชินเสียแล้ว แต่ถ้าจับทางดีๆ น่าสังเกตว่าในระยะที่ผ่านมา ทั่วโลกก็พร้อมใจกันเกิดภาวะปรวนแปรโดยมิได้นัดหมาย อันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน (Global Warming) ว่ากันตั้งแต่ กระแสน้ำอุ่น-เย็นไหลเวียนผิดปกติ ภูเขาน้ำแข็งทางซีกโลกเหนือขนาดเท่ารัฐโคโลราโดแตกตัวแล้วไหลไปชนกับอีกก้อน ฝรั่งเศสและอีกหลายประเทศในยุโรปอากาศร้อนยาวนานผิดปกติ รวมทั้งภาวะหิมะตกหนักมากที่แมนฮัตตัน นิวยอร์ก ประเทศอเมริกา

    ความวิปริตผิดแผกเหล่านี้ อาจอธิบายได้ว่าอาจเป็นผลมาจากปฏิกิริยาเรือนกระจกอย่างที่เราเคยเรียนกันมา ซึ่งฟังดูอาจไม่ค่อยเกี่ยวกับเรื่องกองทัพยุงที่บุกหนักอยู่ในขณะนี้ แต่จากการศึกษาเรื่องยุงมายาวนาน รศ.ชำนาญ บอกอย่างมั่นใจว่าสองเรื่องนี้มีความเกี่ยวข้องกัน มิหนำซ้ำยังเป็นสาเหตุหลักที่หนักกว่าเรื่องบำบัดน้ำเสียที่ซ้ำซากอยู่แล้วทุกปี

    "ถ้าเราดูเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมโลก ความร้อนจะเริ่มขึ้นจากเส้นศูนย์สูตรไปยังซีกโลกเหนือมากขึ้นเรื่อยๆ ปรากฏการณ์ต่างๆ มันสัมพันธ์กันหมด แต่ส่งผลไปแต่ละประเทศต่างกันเท่านั้นเอง และที่กรุงเทพฯ ก็โดนไปด้วย อากาศไม่ชัดเจนสักอย่างทั้งฝน หนาว ร้อน ยุงก็เลยมา"

    และถ้าสภาพอากาศยังปรวนแปรเช่นนี้ มีทั้งผลดีผลเสีย หมายความว่ามีโอกาสที่ยุงจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล และในทางกลับกัน ก็มีทางที่จะลดฮวบฮาบลงอย่างน่าตกใจ เพราะข้อมูลพื้นฐานของยุงชนิดนี้ จะมีชีวิตอยู่ดีในอุณหภูมิตั้งแต่ 20-30 องศาเซลเซียส และจะมีอัตราการตายสูงเมื่ออุณหภูมิต่ำกว่า 15 หรือสูงกว่า 34 องศาเซลเซียส

    "อุณหภูมิที่เหมาะต่อการวางไข่คือ 22 องศาเซลเซียสขึ้นไป ยิ่งถ้าไปวางไข่หลังฝนทิ้งช่วงไป 2-3 อาทิตย์ อัตราการรอดยิ่งมีมาก และถ้าอากาศยังเป็นแบบนี้ต่อไป ยุงก็เพิ่ม ก็คงแล้วแต่พระเจ้าแล้วล่ะ มนุษย์เราไม่มีทางควบคุมได้ ทำได้แค่เฝ้าระวัง ติดตามดูมันไปเรื่อยๆ"

    ที่สำคัญ พฤติกรรมของยุงรำคาญจะต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ มีความยืดหยุ่นสูง คลุกคลีกับสัตว์ประเภทไหนก็ชอบกินเลือดสัตว์ประเภทนั้น โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ มีท่อระบายน้ำวางอยู่ทุกหนทุกแห่ง จึงไม่แปลกที่ยุงรำคาญจะโปรดเลือดคนเป็นพิเศษ แค่เพียงได้กลิ่นนิดๆ หน่อยๆ ฝูงก็พากันบินมาหาอาหารแล้ว

    ส่วนประเด็นไข้เลือดออกอย่างที่ใครๆ ก็กลัวกัน อาจารย์จากภาควิชากีฏวิทยาการแพทย์ เผยว่าเป็นเรื่องปกติที่ตื่นกลัวกันทุกปี แต่ปีนี้มีมากเป็นพิเศษเพราะคนไปเหมารวมเอาปริมาณที่มหาศาลของยุงรำคาญเข้าไปด้วย

    "เข้าใจผิดกันไปหมด ยุงลายไม่ได้อยู่ตามท่อระบายน้ำ มันก็มีของมันทุกปี แต่สิ่งที่น่าห่วงกว่าคือยุงรำคาญ การเพิ่มขึ้นจนน่ากลัวจนต้องซื้อไม้ตียุงติดตัวกันแล้ว มันยังมีเรื่องน่าห่วงยิ่งกว่านั้น" เรื่องที่ รศ.ชำนาญ กำลังวิตก

    โรคร้ายเข้ามาเงียบๆ

    นอกจากโรคพยาธิหัวใจในสุนัขแล้ว ในบ้านเรายังไม่มีรายงานว่ายุงรำคาญจะเป็นพาหะนำโรคชนิดอื่นเข้ามา แต่ก็ไม่ใช่ว่าคนกรุงที่ต้องผจญกับมหกรรมยุงรำคาญจะนิ่งนอนใจได้ เพราะรายงานผลจากอเมริกา ยุงชนิดนี้กำลังอาละวาดอย่างหนักจนเกิดโรคติดเชื้อชนิดหนึ่ง แถมเพื่อนบ้านอย่างพม่า ยุงตัวนี้ก็เป็นพาหะสำคัญของโรคเท้าช้างอีกสายพันธุ์ที่ชื่อว่า Wuchereria Bancrofti ซึ่งเป็นคนละชนิดกับที่เคยระบาดในเมืองไทย

    "อเมริกาเขาติดตามศึกษายุงตัวนี้มานานกว่า 3 ปีก็ยังควบคุมไม่ได้ ในพม่าเอง ยุงรำคาญเป็นพาหะโรคเท้าช้าง ชนิดฤทธิ์ร้ายแรงคือทำให้อวัยวะเพศของทั้งหญิงและชายบวมโต รวมถึงหน้าอกของผู้หญิงด้วย" ข้อมูลสำคัญจาก ดร.สีวิกา แสงธาราทิพย์ นักวิชาการสาธารณสุข สถาบันโรคติดต่อนำโดยแมลง

    แม้จะเป็นโรคของเพื่อนบ้าน แต่ก็ห่างกันแค่หลักปักปัน ดังนั้นโอกาสที่โรคเท้าช้างจะข้ามแดนเข้ามาจึงเป็นเรื่องไม่ยากนัก มิหนำซ้ำอาจมาทางลัดจากแรงงานต่างชาติที่ลักลอบเข้ามาโดยไม่ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองและตรวจร่างกายก่อน

    กองทัพยุงรำคาญในกรุงเทพฯ และปริมณฑลที่รอท่าอยู่แล้ว มีโอกาสไม่น้อยที่จะไปดูดเลือดจากแรงงานเหล่านี้เข้า และถ้าปะเหมาะเคราะห์ร้ายไปเจอรายที่เป็นโรคเท้าช้าง ยุงไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็จะเก็บและปล่อยให้เชื้อเจริญเติบโตในตัว สุดท้ายก็ออกไปหากินตอนกลางคืน ส่งเชื้อไปสู่เลือดมนุษย์ในที่สุด

    "กว่าอาการของเท้าช้างจะปรากฏต้องใช้เวลานาน แถมอาการยังดูไม่ค่อยออก แค่มีไข้ต่ำๆ อาการชี้ชัดอย่างอื่นไม่ค่อยมี อยากรู้ต้องเจาะเลือดดูเท่านั้น ไม่อย่างนั้นต้องรอไปเป็นปีๆ จนกว่าจะเห็นผล อวัยวะเพศบวมโต ซึ่งรักษาได้วิธีเดียวคือผ่าตัด ไม่สามารถทำให้ยุบได้" นักวิชาการสาว ชี้ให้เห็นความน่ากลัว

    โรคเท้าช้างที่อิมพอร์ตมาจากประเทศพม่ากับยุงรำคาญที่ยึดกรุงเรียบร้อยแล้ว มีโอกาสร่วมเล่นงานคนเป็นทีมเวิร์กสูง จากประสบการณ์และการศึกษาเรื่องยุงมานานของรศ.ชำนาญ เห็นว่าการแพร่เชื้อของโรคเท้าช้างชนิดนี้ต้องการยุงรำคาญในจำนวนมหาศาล

    "ไม่ใช่แค่ตัวสองตัว แต่ต้องโดนรุมกัดมากๆ ถ้าดูจากประชากรยุงตอนนี้ก็ใช่เลย และถ้ายังปล่อยไปอย่างนี้ก็ไม่รู้ว่าเชื้อที่กลัวกันมันจะวนเวียนอยู่หรือเปล่า น่าเป็นห่วง เพราะอย่างที่รู้ โรคเท้าช้างใช้เวลาฟักตัวเป็นปีๆ เร็วสุดก็ 1 ปี"

    หากจะถามถึงการป้องกันและควบคุมของภาครัฐในช่วงที่ผ่านมา อาจารย์คณะเวชศาสตร์เขตร้อนถึงกับส่ายหน้า บอกเพียงสั้นๆ ว่าการศึกษาและติดตามผลยังไม่มีเป็นชิ้นเป็นอันเลย ป่วยการจะไปพูดถึงการแก้ไข

    ตรงนี้อาจารย์ท่านเดิม ขยายความต่อว่าบ้านเรายังมองว่าเป็นแค่เรื่องของยุงรำคาญ แผลงฤทธิ์อย่างมากก็แค่คันและขึ้นผื่นแดง ป้องกันได้เพียงแค่ติดมุ้งลวดหรือฉีดยากันยุง

    "ถ้าขอโปรเจคเรื่องยุงรำคาญไปเขาไม่ให้หรอก ไม่ร้ายแรงเท่าไข้เลือดออกหรือมาลาเรีย ยุงรำคาญก็แค่หญ้าปากคอกตามความเห็นของคนทั่วไป" อุปสรรคสำคัญ ที่ รศ.ชำนาญ เคยผ่าน

    โดยพฤติกรรมของตัวยุงรำคาญเอง ก็จัดว่าเป็นยุงเมืองเต็มตัว มีเวลาออกหากินค่อนข้างแน่นอน ตั้งแต่ 19.00-24.00 น. และค่อยๆ ลดจำนวนลงเรื่อยๆ จนเข็มนาฬิกาแตะที่ 06.00 น. แล้วค่อยบินกลับรังท่อน้ำเสียเหมือนเดิม แถมยุงชนิดนี้ยังจัดว่าเป็นยุงยืดหยุ่นสูง ปรับตัวเก่ง เพราะโดยธรรมชาติของยุง จะมีการเรียนรู้ มีการจำ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับยากันยุงทั้งหลาย

    เมื่อยุงไปเจอยาฉีดที่คนใช้กันเยอะๆ ก็จะเกิดการจำกลิ่นได้ว่ากลิ่นนี้อันตราย จึงรู้จักที่จะหลบลีกในครั้งต่อๆ ไป นี่เป็นหนึ่งในสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดรวมทั้งยุงด้วย

    นอกจากรู้หลบเป็นปีกแล้ว เหตุผลที่หลายคนมองว่ายุงพ.ศ.นี้ เก่งมากขึ้น นั่นอาจเป็นเพราะว่าการด้อยประสิทธิภาพของยากันยุง โดยเฉพาะดีดีทีตำรับชาวบ้านที่ได้จากตะไคร้หอม


    "โดยตัวตะไคร้แล้วมีสรรพคุณกันยุงได้จริง แต่พอคนทำหันมาทำมากๆ เข้า เอามาสกัด ปรุงกลิ่นนิดหน่อย คุณภาพที่เคยได้มันก็ต่ำลง บางตัวฉีดแล้วป้องกันได้แป๊บเดียว ซึ่งจริงๆ แล้วระยะเวลาป้องกันที่ดีควรเกิน 4 ชั่วโมง" ความเห็นจากรศ.ชำนาญ

    การควบคุมและทำลาย นอกจากการฉีดยาพ่นแล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีวิธีไหนเอาอยู่ ซึ่งนั่นก็เป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเท่านั้น แต่ต้นเหตุจริงๆ ที่มาจากสภาพอากาศปรวนแปร ก็ยังไม่สามารถจัดการได้ และดูเหมือนจะเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้เลยด้วยที่มนุษย์จะอาจหาญไปควบคุมธรรมชาติ

    กระนั้น โดยกลไกธรรมชาติของยุงจะมีการควบคุมจำนวนประชากรกันเอง ถ้าปริมาณลูกน้ำหนาแน่นเกินไป ก็จะปล่อยสารบางอย่างออกมา และจะไปมีผลฆ่าพวกเดียวกัน

    "และถ้ายุงเกิดใหม่เป็นยุงตัวเมีย เกิดมาผสมพันธุ์กับยุงตัวผู้ที่แก่หน่อย ปริมาณไข่จะลดลง นี่เป็นกลไกควบคุมกันเอง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มาก เมื่อเทียบกับการเกิดขึ้นอย่างมหาศาล" อาจารย์กีฏวิทยาการแพทย์ เปิดเผย

    หนทางสุดท้ายคือ คนถูกกัดต้องหันมาป้องกันตัวเอง ไม้ตียุงก็เป็นทางออกที่ดีตัวหนึ่ง แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้น รศ.ชำนาญแนะนำว่า อย่าเปิด-ปิดประตูบ่อยๆ เพราะนั่นหมายถึงการเข้ามา(และไม่ยอมออกไป)ของยุงรำคาญทุกครั้ง

    โดยหลักการแล้ว วิธีที่ชะงัดที่สุดคือปรับสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้นและเป็นไปตามฤดูกาล แต่ก็เป็นสิ่งที่เกินความสามารถของมนุษย์ สิ่งที่ทำได้มากที่สุดในตอนนี้คือ ทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้ยุงพัฒนาไปเป็นสายพันธุ์ที่เป็นอันตรายกับมนุษย์และสิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะยุงรำคาญที่พากันมองข้ามอยู่ ณ ขณะนี้

    เพราะจากข้อมูลข้างต้นทั้งหมด ยุงรำคาญ ไม่ได้เก่งแค่สร้างความรำคาญเสียแล้ว

    *********************************************************************************

    จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 18 ก.พ. 48 22:01:25 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป