CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    + + ค ว า ม รั ก ต้ อ ง ก า ร ค ว า ม ชั ด เ จ น แ ล ะ ส ม่ำ เ ส ม อ + +

    บทเรียนจากคนที่ไม่ชัดเจน ไม่สม่ำเสมอ และเข้าใจยาก. . .
    หัวข้อกระทู้ขอยืมมาจากคำคอมเมนท์ในบล๊อก ที่คุณ blueberry_cpie มาเขียนไว้ให้ ความรักต้องการความชัดเจนและสม่ำเสมอ ประโยคนี้โดนเต็มๆ . . .
    ขอบคุณครับ ถึงมันจะสายไปแล้วก็ตาม . . .

    + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +

    วันก่อนผมไปงานแต่งงานอดีตกิ๊ก (ที่ไม่ได้แปลว่าชู้ . . . แต่เป็นคนที่มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน)

    เราเคยไม่ได้เจอกันมาเกือบปีจากการเจอกันครั้งสุดท้าย . . . ด้วยเหตุผลอะไรไม่รู้
    แต่ผมพยายามนึกเองว่าเป็นเพราะงานเยอะ ไม่มีเวลา . . . ที่ทำให้เราห่างๆกันไป

    ผมยังจำได้
    วันที่เราเจอกันครั้งแรก

    ผมไปหาเพื่อนที่คณะของเธอ
    เราอยู่สถาบันเดียวกัน แต่คนละฝั่งถนน
    ผมเห็นเธอเล่นกับหมาสกปรกๆ ตัวนึง
    ภาพนั้นยังชัดเจนอยู่เลย

    ผู้หญิงผมยาว หน้าตาน่ารัก เล่นกับหมามอมแมม
    เธอเอาลูกชิ้นปิ้งมาให้น้องหมากิน
    ลูบหัวลูบหูมันแบบไม่รังเกียจ

    ผมไม่เคยจีบผู้หญิง จีบไม่เป็นด้วย
    แต่ผมขอให้เพื่อนแนะนำเธอให้รู้จัก
    แสดงให้เห็นว่าผมสนใจเธอ
    ไม่รู้เรียกว่าจีบหรือเปล่า

    เราคุยกันถูกคอเรื่องหมา เรื่องหนัง เรื่องเพลง เรื่องนินทาเพื่อนของเรา และเรื่องการเรียนที่เธอสนใจการเรียนของคณะผม และผมสนใจการเรียนคณะเธอซึ่งเป็นคนละสาย

    ความสัมพันธ์ก่อตัว . . . เราอาจจะเป็นมากกว่าเพื่อน แต่ก็ไม่รู้จะใช้คำว่าแฟนได้ไหม
    เราไปกินข้าวด้วยกันทุกวัน
    ผมเดินไปส่งเธอที่ป้ายรถเมล์ทุกเย็น
    เราโทร.คุยกันบ่อยๆ ถึงจะไม่บ่อยมาก
    วันหยุดเรานัดไปดูหนังด้วยกัน
    ผมถือของให้เวลาเธอไปชอปปิ้ง
    แต่เราไม่เคยบอกว่าต่างคนต่างรู้สึกยังไง
    ไม่เคยบอกใครและไม่เคยบอกกันว่าตกลงเราเป็นแฟนกัน
    ไม่เคยมีคำพูดหวานๆ หรือการกระทำที่มันพิเศษมากไปกว่านี้

    จนเราเรียนจบ . . .

    พอเริ่มทำงาน . . . สังคมก็เริ่มเปลี่ยน
    เวลาและความวุ่นวายในหน้าที่การงานทำให้ความกระตือรือล้นที่จะเจอกันน้อยลง
    ความถี่ในการโทรหากันห่างขึ้นเรื่อยๆ
    จนแทบจำไม่ได้ ว่าครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน กินข้าวกัน ดูหนังด้วยกัน และโทรศัพท์คุยกันคือเมื่อไหร่
    ผมไม่คิดถึงเธอหรือเปล่า . . . ก้ไม่เชิง เพียงแต่มันมีเรื่องอื่นให้คิดมากกว่า
    จนเหมือนหลงๆลืมๆเธอไป. . .

    เรามาเจอกันอีกทีตอนงานแต่งงานเพื่อนคนที่แนะนำให้เรารู้จักกัน หลังจากเรียนจบหลายปี
    เรายังคุยกันเหมือนเดิม แต่เหมือนระยะห่างมากขึ้น
    เราไม่ถามกันว่าแต่ละคนหายไปไหนมา
    ถามแต่ว่ากำลังทำงานอะไรอยู่ เป็นไงบ้าง

    แล้วเราก็ห่างหายกันไปอีกครั้ง . . .

    แล้ววันนึง . . . เธอก็โทรมาหาผม
    บอกว่ากำลังจะแต่งงาน กับชาวต่างชาติ ที่ทำงานที่เดียวกันกับเธอ

    ผมบอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง
    เราห่างกันจนผมไม่ควรจะหวงเธอแล้ว . . .
    แต่ผมก็รู้สึกใจหาย
    มันรู้สึกแปลกๆ เหงาๆ หัวใจหวิวๆ ยังไงไม่รู้

    ผมไปงานแต่งงานของเธอ . . .
    บอกตรงๆ ว่าตอนอยู่ในงาน
    ผมนึกในใจว่าทำไมผู้ชายที่ยืนข้างเธอไม่ใช่ผม

    แต่วันนั้นผมก็ได้แสดงความยินดีกับเธอไปอย่างเต็มใจ

    . . . . .

    เมื่อคืน

    เธอโทรมาหาผม . . .
    เราคุยกันมากขึ้นกว่าตอนที่ห่างหาย

    ที่จริงผมเริ่มทำใจได้บ้างแล้วล่ะ

    ก็เลยแกล้งบอกเธอไปว่า . . .เนี่ย พอบีแต่งงานไป โอเลยไม่รู้จะแต่งกับใคร

    เธอหัวเราะ ถามว่า นี่โออยากแต่งงานกับบีด้วยเหรอ นึกว่าไม่อยาก

    ผมก็ อ้าว ทำไมล่ะ โอดูไม่ชอบบีเหรอ

    เธอนิ่งไปแป๊บนึง แล้วก็ถามแบบเสียงซีเรียสว่า ถามจริงเถอะ บีอยากรู้มานานแล้ว ว่าที่ผ่านมาโอคิดยังไงกับบี

    ผมถามย้อนกลับว่าที่เราไปกินข้าว ดูหนัง กันเนี่ย มันไม่ได้หมายความว่าชอบเหรอ ไม่เคยทำแบบนี้กับใครเลยนะ

    จากนั้นผมถึงได้รู้ว่า เธอรู้สึกไม่เข้าใจว่าผมคิดไงมาตลอด เพราะเราไปไหนมาไหนด้วยกันทุกวัน คุยกันทุกวัน แต่ผมไม่เคยมีอะไรหวานๆ ไม่เคยแสดงความห่วงใยเป็นพิเศษ ไม่เคยบอกว่าชอบเธอ
    ไม่รู้ว่าเราเป็นแฟน . . . หรือเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก

    ซึ่งสิ่งที่เธออยากรู้มาตลอดคือผมชอบเธอระดับไหน แค่คนควงเล่น หรือมากกว่านั้น
    (ผมดูเหมือนคนคบผู้หญิงไว้ควงเล่นขนาดนั้นเลยเหรอ . . .)
    เพราะเป็นผู้หญิง . . . ทำให้เธอไม่เคยกล้าถาม
    แต่วันนี้ถามฐานะ "เพื่อนเก่า"

    ตอนนั้นผมเองก็ไม่ได้พูด เพราะพูดไม่เป็น แล้วก็ไม่นึกว่าผู้หญิงจะต้องการการแสดงออกที่ชัดเจนมากกว่านี้

    ยิ่งพอเรียนจบ ผมเหมือนหายไปเลย . . . ไม่ค่อยได้ติดต่อกัน

    ผมรู้สึกเหมือนกับว่า หัวข้อการคุยหลังจากนั้น คือเราต่างเสียดายที่เราไม่เปิดเผยความรู้สึกให้อีกฝ่ายมากกว่านี้ในตอนนั้น ถึงเราจะคุยกันเหมือนเป็นเรื่องน่าขำ . . .

    หลังจากวางสาย
    ผมรู้สึกเหงาๆ หวิวๆ ยิ่งกว่าตอนที่รู้ว่าเธอจะแต่งงาน

    มันเหมือนอะไรบางอย่างที่เราควรจะรักษาไว้ แต่กลับรักษาไม่ได้

    แล้วตอนนี้มันก็สายเกินไปที่จะเรียกกลับมา

    ก็หวังว่าความเหงาแบบนี้มันคงจะผ่านไป . . .

    แก้ไขเมื่อ 23 มี.ค. 48 00:50:40

    จากคุณ : โอ-คุง - [ 23 มี.ค. 48 00:49:24 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป