เราอ่ะนะ...น้ำหนักขึ้นเรื่อยๆมานานแล้ว ตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว น.น.55 ขึ้นมาเรื่อยๆตลอด ตอนขึ้นมากสุดคือเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว 85 เลยนะ ที่อ้วนก็เพราะว่ารักการกินอ่ะคะ และแฟนก็รักการกินเช่นกันชวนกันไปกินนั่นกินนี่ยิ่งกินก็ยิ่งมีฟามสุขพอเมื่อสำนึกตัวได้ก็ 70 กว่าแล้ว แต่เอ๊ะ แฟนเราไม่อ้วนขึ้นเท่าไหร่เลยคงเป็นเพราะว่าผู้ชายเค้ามีกิจกรรมที่เผาผลาญได้ดี
เมื่อก่อนตอน น.น.มากๆ( 60 ตอนปลาย )ก็ลอง แอโรบิคบ้าง วิ่งบ้าง...รู้สึกว่าแต่ละอย่าง ทำได้ไม่เกิน 3 วัน ก็ต้องล้มเลิกเพราะเราน้ำหนักมากก็เลยเหนื่อยมากทนไม่ไหวเจ็บข้อเท้าเวลากระโดด...และก็อายด้วยค่ะ อาไรๆมันก็กระเพื่อมไปหมด...เวลาที่กระโดดอ่ะ ก็เลยเริ่มหันมาสนใจโยคะดูบ้าง แรกๆก็ซื้อหนังสือมาอ่านค่ะดูท่าโน้นท่านี้ก็ลองทำ แต่มันก็ไม่ต่อเนื่องอ่ะคะเปิดหนังสือไปด้วยทำไปด้วย ลำบากจะตาย แล้วก็ไม่ยืดค่ะ สักพักนึงเหมือนมีอาไรมาสะกิดใจ..จำได้ว่าเคยจิ๊กซีดีโยคะของเพื่อนมา อิอิอิ ก็เลยลองดูโดยเปิดซีดี แล้วทำตามค่ะ ...เค้าจะมีคนทำให้ดู 3 คน เราก็ทำตามคนที่ทำท่าสำหรับผู้ฝึกใหม่(คนยืนข้างหลัง) ครั้งละประมาณ 1 ชม.(เซตแรกเตรียมร่างกาย 2.ช่วงตัว 3 ช่วงแขนและไหล่ 4.ช่วงขาและสะโพก) ปรากฏว่าเราก็ทำตามไปเรื่อยๆ ตอนแรกๆก็ทำได้ไม่ทุกท่าอ่ะค่ะ แต่รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ท้าทายอยากทำท่านี้ได้ อยากทำท่านั้นได้ (อยากทำได้สมบูรณ์แบบเหมือนเจ๊คนที่ยืนตรงกลาง ^_^ ) เวลาเราทำเราจะได้ได้ยืดตัว...มันจะรู้สึกผ่อนคลาย...หายเมื่อยอ่ะคะ และก็ไม่มีอารการปวดเข่าปวดข้อเท้าอีกเพราะไม่มีการลงน้ำหนักตัวแรงๆ ทำตามแผ่นเกือบทุกวันเลยค่ะ อาทิตย์นึงจะหยุดประมาณ 1 วัน หรือ 2 วันอย่างมาก ที่หยุดก็เพราะต้องออกไปนอกบ้านทั้งวันค่ะไม่มีเวลาอยู่บ้าน
เวลาผ่านไปสักอาทิตย์เราก็เริ่มรู้สึกได้ว่ามีการพัฒนามากขึ้นตะก่อนที่เคยเอื้อมไม่ถึงก็เอื้อมถึง ถ้าพูดถึงเรื่องกินนะคะ...ก็อย่างเดิมค่ะ นิสัยเดิมไม่เปลี่ยน น้ำอัดลมก็กิน น้ำหวานก็กิน ใครกินอะไรที่ไหนอร่อยชั้นจะตามไปกิน แล้วก็ชอบทำอาหารซะด้วย แต่พอเล่นโยคะผ่านไปได้สักสามอาทิตย์ แล้วมีอยู่วันนึงทำสุกี้ทานที่บ้านค่ะคนเยอะๆทานอาหารสนุกก็มีความสุข เดี๋ยวลวก เดี๋ยวซดน้ำ แต่มันก็เป็นขั้นเบสิกของการกินของเรานะ กินไปแค่นั้นก็กินอีกไม่ไหวแล้ว..รู้สึกไม่สบายท้องมากเลยคืนนั้นนอนไม่เป็นสุขเลยค่ะ หลังจากนั้นเราก็เป็นคนที่ทานอะไรได้แค่นิดเดียว คือยังตักมาเยอะเหมือนเดิม รู้สึกว่าชั้นกินได้ไม่อั้น แค่ที่ตักมานี่ก็จิ๊บๆ เดี๋ยวมีเติมแน่นอน แต่พอจริงๆ ทานได้ไม่กี่คำก็อิ่มแล้วค่ะ (ข้าวประมาณครึ่งทัพพี) ยังมีนิสัยทานอาหารหลายอย่างเหมือนเดิมค่ะ แต่ทานได้อย่างละนิดเดียว รู้สึกว่าร่างกายส่วนกระเพราะของเรามันมีการปรับตัวไปด้วย หรืออาจจะเป็นเพราะเราทานน้ำเปล่าแก้กระหายมากขึ้นมั้ง ก็เลยทานข้าวได้น้อย ส่วนน้ำอัดลมตอนนี้ก็พยายามลดลงกว่าเดิมแล้วค่ะ ^_^
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งเดือนจากที่ตั้งใจว่าจะไรท์แผ่นใหม่เพราะว่าแผ่นเก่ามันจะไปแล้ว...ตอนนี้ไม่ต้องแล้วค่ะ จำท่าได้หมดแล้ว คำพูดก็จำได้เกือบทุกคำพูด ส่วนจังหวะของการหายใจเข้า-ออกก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของตัวเราเอง (ขอแค่หายใจเข้าท้องป่อง หายใจออกท้องยุบ) เมื่อก่อนทำอยู่แต่หน้าคอม เดี๋ยวนี้ปิดคอม มาทำไปดูทีวีไปก็เพลินดีค่ะ
ทุกวันนี้เหมือนกับได้เจอการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับตนเองแล้วค่ะ เปิดแผ่นดูเอาเอง..ไม่ต้องเสียเวลาออกไปนอกบ้าน (เป็นคนขี้เกียจเดินทางด้วยค่ะ) ไม่ต้องสถานที่ไปวิ่ง จะทำตอนไหนก็ได้ที่ว่างๆ...แต่ควรจะสองชั่วโมงหลังจากทานอาหารนะคะ(ไม่ควรทำหลังทานข้าวทันที..ต้องทำตอนที่ท้องว่างแล้ว) แต่งตัวอะไรก็ได้ตามสบาย ตอนนี้ยิ่งดีใหญ่ทำที่ไหนก็ทำได้เพราะจำท่าได้หมดแล้ว
ณวันนี้ โยคะมาได้เกือบสองเดือนแล้วค่ะ จากที่เคยหนัก 85 ก็ลงมาเหลือ 78 แล้ว และก็คิดว่าจะลงไปเรื่อย.... ที่ดูเหมือนน้ำหนักไม่ลดลงเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่าเรายังมีความสุขกับการกินอยู่ (มื้อค่ำก็ทานนะคะ ทานดึกด้วย...ที่บ้านทานข้าวกันตอน 2ทุ่มครึ่งค่ะ) แต่ในส่วนของร่างกายเรารู้สึกได้อย่างชัดเจนโดยเฉพาะช่วงท้อง(พุงกะทิ)รู้สึกว่าลดลงค่ะ กลับมาใส่เสื้อตัวเก่าที่ไม่เคยใส่ได้มาปีนึงแล้วเพราะใส่แล้วพลุงปลิ้น (ดีใจสุดๆ มีคนทักว่าผอมลงด้วย) แม่ทักว่ากะละมัง(ก้น)เล็กลง...ย่าบอกว่าดูซูบๆลงนะ พี่สาวทักว่าช่วงตัวเล็กลง ดูในกระจกเราว่าแขนก็เล็กลงนะ และก็มีผู้ชายที่ปากเสียที่เมื่อก่อนเรียกเราว่าไอ้อ้วน ก็ทักว่าเราเพรียวลงนะ
ทีแรกคิดว่าจะมาบอกเพื่อนๆในนี้ตอนที่ น.น.ลดลงไปถึงเลข 6แล้ว แต่ก็เสียดายเวลาอันมีค่าค่ะ สำหรับคนอ้วน ยิ่งเริ่มต้นได้เร็วก็ยิ่งดีค่ะ ไม่เริ่มวันนี้แล้วก็จะเริ่มวันไหนค่ะ ตอนนี้นะ...รู้สึกว่าชนะไอ้ตัวขี้เกียจในตนเองได้...ไอ้เมื่อก่อนที่คิดว่าชั้นจะต้องออกกำลังกายวันละ1ชม.อย่างนี้ทุกวันเหรอเนี่ย..ถึงจะผอมกะเค้าได้...เป็นไปไม่ได้หรอก แต่เดี๋ยวนี้นะ...ถ้าวันไหนไม่ได้ทำจะรู้สึกเมื่อยๆ แบบว่าไม่ได้ยืดตัว....อยากโยคะจังเล้ย...บางวันว่างๆ ก็เอาซะสองรอบเลย ...แล้วก็พยายาม หาท่าจากหนังสืออื่นๆมาพัฒนาตัวเอง บางทีท่ายากก็เพิ่มจำนวนหน่อย...จะได้ๆผลมากๆ......การฝึกโยคะมีท่าหลากหลายนะคะ ...สำหรับคนขี้เบื่ออย่างเรา...จะให้มาซิทอัพวันละ 300 ที หรือท่านี้ 20 ที ท่านั่น 20ที มันน่าเบื่อคะ...เอาแบบนี้สิคะ ท่าละทีสองที ซ้ายที ขวาที แต่ทำทุกๆวันก็พอค่ะ.ตอนนี้ก็ทำจนเป็นนิสัยแล้วด้วย.....และก็จะพยายามปรับเร่องการทานอาหารด้วยค่ะ....จำไว้นะคะ "โยคะเป็นเรื่องของการฝึกฝน"
เอาเป็นว่าตอนนี้สัญญากะตัวเองแล้วว่าจะลดให้ได้เดือนละ 2 โล คิดดูดิคะ 6 เดือนก็ 12 โลละ จาก 85 ก็เหลือ 73 โห ถ้า 1 ปีก็ลดได้ 24 โลเลยนะ คิดดูดิคนเคย น.น. 85 ลดมาเหลือแค่ 61 จะดีใจแค่หนายยยยย .....เลิกฝันดีกว่าค่ะลงมือเลย เดี๋ยวโพสต์กระทู้นี้เสร็จก็จะไปโยคะแล้ว...เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำ แล้วก็ออกมาทานเส้นหมี่หมูตุ๋น....เฮ้อชีวิตมีความสุขจังงงง
ปล.1 ที่เล่าให้ฟังมาทั้งหมดนี้ก็แค่อยากให้เป็นตัวอย่างกะคนอ้วนนะคะ หรือเอาเป็นแค่แนวทางข้อคิดก็พอค่ะ คนเราไม่เหมือนกัน วิธีของแต่ละคนก็แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของการดำเนินชีวิตในแต่ละวันด้วยค่ะ...แต่ถ้าจะลองอย่างเราดูบ้างก็ไม่เสียหายนี่ค่ะ
ปล.2 เราไม่รู้เรื่องด้านวิชาการนะคะ ที่พูดมาก็อาศัยความรู้สึกตัวเองทั้งนั้น อะไรที่เข้าใจผิดก็ช่วยเข้ามาแก้ไขได้นะคะ
ปล.3 ใครเอาไปลองทำแล้วได้ผลยังไงก็มาบอกบ้างนะคะ....ถ้ายังไงก็ช่วยบอกเพื่อนๆ ที่น้ำหนักมากมาลองอ่านดูก็ได้ค่ะ เค้าจะได้รับรู้ประสบการณ์มากขึ้น...ใครมีประสบการณยังไงก็มาเล่าได้นะคะ หรือถ้าอยากคุยกันก็หลังไมค์ได้ค่ะ แล้วตัวพิมเอง....ถ้าน.น.ลงมากกว่านี้อีกมาก...เช่นสัก 69 ก็จะเข้ามาย้ำวิธีกับเพื่อนๆอีกครั้งค่ะ ....จะได้ไปลองทำกันบ้าง
แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 48 14:25:37
จากคุณ :
pimpim_ka
- [
17 เม.ย. 48 14:22:54
]