PANTIP.COM : L3464861 ~ ~ ~ ร อ ง เ ท้ า Nikefree สำหรับใส่วิ่ง ผู้รู้ ตอบทีนะครับ ไหว้นึ่งที ~ ~ ~ [สุขภาพกาย]

ความคิดเห็นที่ 4

ตัว Nike Free เป็นรองเท้าที่ถูกออกแบบมาสำหรับการเทรนเท้าให้แข็งแรง สำหรับนักกีฬา

โดยมาจากคอนเซ้ปที่ว่า การฝึกเท้าให้แข็งแรงดีที่สุดคือการวิ่งด้วยเท้าปล่าว

แต่เมื่อเราหาพื้นที่ปลอดภัยให้เท้าวิ่งตลอดเวลาไม่ได้การใช้รองเท้าที่ให้ความอิสระแก่เท้าเมื่อใส่ น่าจะดีรองมาจึงออกแบบให้ Nike Free สวมใส่แล้วเคลื่อนไหวได้อิสระ

โดยเนื้อผ้าที่ใช้เป็นหนังชามัวร์เทียม ตัดเนื้อผ้าเป็นร่องให้แยกได้ตามการขยับตัวของเท้า

และพื้นรองเท้าถูกซอยเป็นชิ้นเล็กๆ ให้เคลื่อนไหวขยับได้อิสระ

เมื่อ ประมาณครึ่งปีที่แล้ว Nike นำเข้ามาสิบคู่แรก แยกให้กลุ่มคนอาชีพ ต่างๆ และนักกีฬาต่างๆ ได้ทดสอบและรายงานผลการใช้

ผมเองเป็นตัวแทนนักวิ่งสมัครเล่นทดสอบด้วยเช่นกันและส่งผลทดสอบให้กับทางไนกี้ ก่อนการเปิดตัวรองเท้ารุ่นนี้ ในไทย เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

อนุญาติเอา ข้อมูลที่เคยโพสต์ไว้กับเว็บไทยรันนิ่ง ตอนทดสอบใหม่ๆ และยังไม่เปิดตัวว่าเป็นรองเท้าอะไรมาให้ดูครับ
###########################################
จากกระทู้ คุยเรื่อง รองเท้าข้างล่าง

พอดี ช่วงนี้ได้ลองรองเท้าวิ่งตัวใหม่ๆ หลายตัว

ทำให้อยากเอามาเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ถึงีรองเท้าวิ่งประเภทใหม่

อย่างที่ทราบๆ กัน ว่ารองเท้าวิ่งสำหรับนักวิ่งเรา มีหลายแบบ หลายประเภท บางคน อาจจะใช้คู่เดียว ลุยทั้งแข่ง ซ้อม และเที่ยว ลุยได้หมด

แต่สำหรับผม

ผมแบ่งรองเท้าใช้ตามวัตถุประสงค์การใช้งาน เช่น

รองเท้าแข่ง
ถ้าเป็นระยะสั้น เช่น 10 K ผมจะใช้รองเท้าเบามากๆ เช่น ASICS Tiger Paw หรือ ล่าสุด ที่โปรดมากก็คือ ASICS Tartherlyte นน.ข้างละ 205 กรัม เบากว่า Tiger Paw ถึง 25-30

กรัม แต่ว่านุ่มกระชับเท้ากว่า

แต่ถ้าระยะยาวขึ้นมาเช่น 20-42 K อาจจะมาใช้พวก ASICS Gel Magic Racer หรือ DS Racer ( แต่กรุงเทพมาราธอนปีนี้ ตั้งใจว่า จะลองใช้ Tartherlyte ลงวิ่งดู)

สำหรับรองเท้าซ้อม ผมเองเป็นคนไม่ค่อยชอบรองเท้าหนักและแข็งงอยาก(Flexibilityต่ำ) เพราะว่าเท้าไม่แข็งแรงเมื่อยง่าย
ดังนั้น รองเท้าซ้อมที่หนักสุดของผม คงเป็นได้แค่ DS Trainer ที่ใช้สำหรับการซ้อมวิ่งยาวๆ เก็บแรง

แต่ถ้าเป็นการซ้อมวิ่งระยะสั้นหรือลงคอร์ต จะใช้รองเท้าแข่ง มาซ้อมเป็นส่วนใหญ่

แต่ที่จะพูดถึง ในกระทู้นี้คือรองเท้าวิ่งประเภทใหม่ นั่นคือรองเท้าที่ใช้สำหรับ Warm Up และ Cool Down ตลอดจนใช้สำหรับการวิ่งยาวๆ เพือเก็บแรงได้ด้วย

หลักการของรองเท้าที่ว่า คือ ปกติแล้ว ในนักกีฬาอาชีพ เชื่อกันว่า การวิ่งเท้าปล่าว Barefoot Running เป็นระยะ เป็นการฝึกให้เท้าได้เคลือนไหวอย่างอิสระเป็นธรรมชาติ และช่วยให้

เท้าแข็งแรงดีขึ้น

ดังนั้นนักกีฬา หลายคน จึงหาโอกาสที่จะวิ่งออกกำลังกายด้วยเท้าปล่าวบนพื้นหญ้าที่นุ่ม หรือพื้นยางสังเคราะห์ เพื่อให้เท้าได้เคลือนไหวอย่างอิสระ

แต่ว่าเราไม่สามารถหาพื้นที่นุ่มและปลอดภัยเพื่อวิ่งได้ทุกที่ตลอดเวลา

ดังนั้นจึงมีการออกแบบรองเท้าประเภทพิเศษ ขึ้นมาเพื่อให้เท้าเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระมากที่สุด และให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับการวิ่งเท้าปล่าว บนพื้นที่นุ่มปลอดภัย ประมาณ เหมือนกับ

ว่ามีพื้นที่นุ่มและปลอดภัยคอยลอยตามรองรับ เท้าปล่าวของเราที่วิ่งอย่างอิสระ ไปตลอดเวลา

และจากการที่ได้ลอง ในครั้งแรก เอามาใช้ใส่เดินเล่นไปมาและทำงาน เพื่อให้คุ้นเคยตามคำแนะนำของผู้ผลิตซักระยะนึงแล้ว รู้สึกมันเบาสบายกระชับเท้าดี

ในเย็นวันจันทร์ที่ผ่านมาผมลองเอาออกไปใส่วิ่ง เพื่อคลายกล้ามเนื้อเบาๆ (เนื่องจากวันอาทิตย์ที่ผ่านมานั้นผมเพิ่งแข่งวิ่ง 10K กลับมา และ ปกติหลังวันแข่งผมจะหยุดวิ่งพักกล้ามเนื้อ

หนึ่งวัน หรีอ อย่างมากก็จะออกไปวิ่งยืดกล้ามเนื้อเท่านั้น )

แต่เมื่อวานตัดสินใจเอารองเท้าที่ว่า ออกไปลองวิ่งยืดกล้ามเนื้อดู โดยวอร์มอัพ 2 กม.แรก โดยใส่ถุงเท้าบาง(ถุงเท้าผ้าฝ้ายผสมไนล่อนที่ใช้ทำงานปกติ เนื่องจากไม่เคยชินกับการวิ่งโดยไม่

ใส่ถุงเท้า) ปรากฏว่า ให้ความรู้สึกสบายเท้าดีมากๆ เวลาวิ่งไป ให้ความรู้สึกเหมือนกับพื้นรองเท้ามันนวดอุ้งเท้าเราให้รู้สึกผ่อนคลายตลอดเวลา และขณะเดียวกัน วิ่งๆไปรู้สึกเท้ามันโปร่ง

สบายๆเนื่องจากผ้าที่ทำรองเท้า ถูกตัดให้ยืดได้อิสระ พื้นรองเท้าก็ Cut ร่องลึกจนขยับเท้าได้อิสระ เวลาวิ่งไปลองกระดิกนิ้วเท้าเล่นไปด้วยรู้สึกมันโล่งเหมือนไม่ใส่รองเท้า เพลินและรู้สึก

ไม่เมื่อยดี ยกเว้นพอวิ่งไปจนครบ 2 กม. ของการวอร์ม จะรู้สึกตึงที่ข้อเท้าเล็กน้อยเนื่องจากผูกสายรัดสายรัดครบทุกช่อง จนถึงข้อเท้าและรัดค่อนข้างแน่นซึ่งเป็นปกติของผมที่ใส่รองเท้า

รัดถึงข้อไม่ค่อยได้จะเมื่อยตึง

พอช่วงพักจากการวอร์ม ก็เลยจัดการปลดออกไปหนึ่งช่องเหลือช่องสุดท้ายไม่รัด ซึ่งทำให้ข้อเท้าเคลื่อนไหวได้อิสระดีขึ้น (ซึ่งการผูกเชือกรองเท้าแบบนี้มีข้อเสียคือ อาจจะทำให้รู้สึกว่า

มันกระชับไม่พอและปลายนิ้วเท้าเลื่อนไปชนรองเท้าด้านหน้าทำให้เล็บถอดหรือนิ้วพองได้ )แต่รองเท้า คู่ที่ว่ามีSock Liner ซึ่งคล้ายถุงเท้าซ้อนอยู่ด้านในช่วยให้กระชับเท้าได้ดี ไม่

เลื่อนไหลดังนั้นไม่เกิดปัญหา เรื่องความไม่กระชับ หรือ เจ็บนิ้วแต่อย่างใด

หลังจากวอร์มเสร็จ ปรับเชือกรองเท้าอย่างที่ว่าข้างบนแล้ว ก็เตรียมวิ่งยาวยืดกล้ามเนื้อโดยตั้ง Pace ในเครื่อง GPS Forerunnerไว้ที่ 5 นาทีต่อกม.เป็นระยะทาง 10Km และ ไม่ใส่ถุง

เท้าลองวิ่งด้วยเท้าปล่าวกับรองเท้าตามหลักการของรองเท้าที่ต้องการให้เป็น Barefoot Training

ผลสรุปของการวิ่งๆก็คือ ตอนวิ่งๆไป รู้สึกเท้ามีอิสระผ่อนคลาย ไม่ถูกรัดอยู่เหมือนรองเท้าทั่วไป และฝ่าเท้าได้รับความรู้สึกเหมือนได้รับการนวดอุ้งเท้าตลอดเวลาทุกครั้งที่ถ่ายน้ำหนักเท้า

ลงพื้น(ความรู้สึกเหมือนตอนหมอนวดฝ่าเท้า ที่ Central ลาดพร้าวนวดฝ่าเท้าให้ตอน แวะไปนวดฝ่าเท้า เพราะว่า อยากหาที่นอนพักสายตาซักชม.ก่อนขับรถกลับบ้านเมื่อวาน

) ปลายนิ้วเท้าได้เคลื่อนไหวอย่างอิสระ ไม่เจ็บไม่อืดอัด สลายดีจริงๆ วิ่งเพลินจนครบระยะ ด้วยเวลา 48 นาทีกว่าๆเร็วกว่า Pace ที่ตั้งไว้เกือบสองนาทีโดยไม่รู้ตัว

แถมยังไม่หายมันส์ ต้องขอ Cool Down อีก 2 กม.

ส่วนวันนี้ผมลองใช้ มันเพื่อ Warm Up และ Cool down ด้วยเท้าปล่าว Section ละ 2 กม.เช่นกัน ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนนวดฝ่าเท้าอย่างที่ว่า ดีครับ

ผมว่าเป็นทางเลือกอีกทางนึงสำหรับคนที่อยากเลือกใช้รองเท้าเพื่อ ฝึกความแข็งแรงของฝ่าเท้า และผ่อนคลาย แทนการใช้รองเท้าปกติ ที่ใช้แข่งหรือซ้อมกันอย่างเดียว

ตอนนี้ทางน้องที่เค้าเอามาให้ทดลอง ยังขอให้ไม่เปิดเผยข้อมูล ของมัน จนกว่า จะเริ่มเปิดตัวในตลาดบ้านเรา ประมาณต้นปีหน้า และอาจจะวางตลาดประมาณกลางปีหน้า

แต่จากที่ลองแล้ว ผมชอบมันในแง่ ของการใช้วอร์ม และ Cool Down จนอยากจะเอามาบอกกันก่อน

ไว้ถ้าเค้าให้เปิดเผยได้เต็มที่ จะทำ Review และรายละเอียด ของรองเท้า ที่ใช้เทคนิคแปลกๆหลายอย่างของมัน ให้ทราบกันอีกที

อ้อ เพื่อนๆที่เคยเห็นรองเท้าตัวนี้ ในวันมีทติ้ง ขออนุญาติ อย่าเพิ่งเอ่ยถึงชื่อผลิตภันฑ์ เลยนะครับ เพราะว่าทางเจ้าของผลิตภันฑ์ เค้ายังไม่พร้อมจะเปิดเผย คิดว่าคงรอรวบรวมข้อมูล จาก

นักกีฬาประเภทต่างๆ ที่นำมาทดสอบรวมสิบคู่ ก่อนนำมาประเมินและเปิดตัว รองเท้าตอนนั้น

อ้อ ขอยืนยันอีกอันว่า ที่เขียนเชียร์รองเท้าที่ว่านี่(ทั้งที่ยังไม่เอ่ยชือ ) ไม่ใช่ว่าเพราะว่าเกรงใจคนเอามา หรือ เพราะว่า เป็นของฟรี แต่ขอบอกว่า ชอบเพราะว่า มันถูกใจจริงๆ และถ้า เปิดตัว

เมื่อไร ผมอยากลองอีกหลายแบบในตะกูลนี้ เช่นเลือกตัวที่กระชับเท้าขึ้น (อาจจะเป็นรุ่นของสตรี ซึ่งหน้าเท้าจะเล็กเข้ากับเท้าที่เรียวเล็กของผม) เพื่อลองนำมาเป็นรองเท้าแข่ง เพราะว่า

น้ำหนักของตัวที่ใส่อยู่ ขนาดค่อนข้างใหญ่แบบหลวมๆหน่อย ยังหนักแค่ 230 กรัม สำหรับ Insole อย่างหนา และ 220กรัม สำหรับ Insole อย่างบางใกล้เคียงกับเท้าปล่าว (มีอินโซลมา

ให้เปลี่ยนสองชุด) ถ้าเป็นขนาดกระชับเท้า อาจจะได้น้ำหนักใกล้ 200 กรัมมาก และถ้าไม่ใส่ถุงเท้าก็จะลดไปได้อีก 10 กรัมเป็นอย่างน้อย น่าลองแฮะ

จากคุณ : -=Jfk=- - [ 10 พ.ค. 48 17:59:30 ]