นับตั้งแต่ลูกชายได้มาขอคุณพ่อมีแฟนนั้น ลูกก็ยังทำตัวน่ารัก สม่ำเสมอ ทั้งเรื่องการเรียน จะมีก็แต่เรื่องความเป็นตัวของตัวเองของลูกเท่านั้น ที่แม่ก็ไม่สามารถไปพูดอะไร นอกจากรับฟัง และเสนอความคิดเห็น หรือให้คำแนะนำเมื่อลูกต้องการถาม และคอยช่วยเหลือในยามที่ลูกต้องการ
จริง ๆ แล้ว....ความรัก มันเป็นสิ่งสวยงาม ไม่เลือกวัย เลือกเวลาเลยค่ะ ครั้งแรกที่รับรู้จากลูกนั้น ทั้งตกใจ และคิดว่ายังไม่ถึงเวลาเลยจริง ๆ (เหมือนตีตนไปก่อนไข้ ยังไงยังงั้น) เนื่องจากลูกเพิ่งจะอายุ ๑๔ ขวบ หากจะเทียบกับเมืองไทยก็น่าจะประมาณ ม.๓
ก็ยังติดตามผลต่อไปว่า....เมื่อคุณพ่ออนุญาตแล้ว ขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร เมื่อวันหนึ่งมาถึง ซึ่งตรงกับวันเสาร์ ลูกชายขอเราไปดูหนังกับแฟน แต่มีเพื่อน ๆ ในกล่มไปด้วยประมาณ ๘ คน (ส่วนมากเป็นเอเชีย ไต้หวัน ญี่ปุ่น จีน และมีอเมริกันด้วย ๒ คน รวมลูกชายด้วย ไทย ๑ คน) เราบอกให้ลูกชายขออนุญาตคุณพ่อด้วย ตกลงคุณพ่ออนุญาตค่ะ
เมื่อ..เช้าตอนบ่ายมาถึง ลูกตื่นเต้นมาก ที่จะได้ออกไปดูหนังครั้งแรกกับเพื่อน ๆ ด้วยวัยของเค้ามาถึง เราถามลูกว่าอยากได้ตังค์กินขนมเท่าไหร่ ลูกชายขอ ๑๐ เหรียน ค่าดูหนังน่าจะประมาณ ๕-๖ เหรียนค่ะ แต่เราให้ติดตัวไป ๒๐ เหรียน หากลูกอยากจะทานอะไร กับเพื่อน ๆ
เราเป็นคนขับรถไปส่งลูกที่โรงหนัง ด้วยความอยากเห็นหน้า "แฟนลูก" (ที่เป็นไต้หวัน+ญี่ป่น) โดยมีสามี และลูกชายค่นรองอีกคน นั่งข้างหลังไปด้วยด้วย
ทันที...ที่ไปถึงโรงหนัง เราจอดรถ และเดินไปส่งลูกเองด้วยอยากเห็นหน้าตาของเพื่อน ๆ ลูกค่ะ ตรงด้านหน้าโรงหนังเป็นที่นั่งกลม ซึ่งตรงกลางเป็นน้ำพุเล็ก ๆ เมื่อลูกชายเดินไปถึง ก็มีเด็กผู้หญิงรูปร่างปราดเปรียว ผิวขาว ใส่แว่นตาบาง ๆ แต่งตัวทะมัดทะแมง ออกมาจากรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งจอดเทียบกับฟุตบาท เข้ามาคุยกับลูกชายด้วยท่าทางตื่นเต้น และดีใจที่เห็นลูกชาย เธอมองเราด้วยท่าทางเชิน ๆ เรามองเฉย ๆ ยิ้มนิด ๆ ให้โทรศัพท์ลูกไป พร้อมบอกว่า จะให้แม่มารับเมื่อไหร่ โทรบอกแม่นะลูก ลูกชายยิ้ม ...
เรา...เดินมาที่จอดรถ พร้อมกับบอกสามีว่า เห็นแฟนลูกแล้ว สามีหัวเราะชอบใจ (คิดว่าเราหวงลูก) เราขับรถเลี้ยวออกมาทางฟุตบาทที่แม่เธอจอดรถอยู่ เราขับมาจอดเลยรถเธอมานิดหน่อย หันกลับไปมองลูก เห็นภาพลูกชายนั่งบนที่นั่งตรงน้ำพุคู่กับสาวน้อย คุยกันไปเพื่อรอเพื่อน ๆ มาพร้อม ๆ กัน โดยที่ยังมีแม่ของแฟนลูกนั่งอยู่ในรถดูอยู่ (ก็คงห่วงลูกไม่น้อยเท่ากับเราหรอกค่ะ)
ตอนเย็น...ลูกโทรมาบอกให้ไปรับ หลังจากที่ดูหนังกันเสร็จ และขอไปเดินเล่นในชอปปิ้งมอลล์อีก ๑ ชั่วโมง เราถามลูกว่า สนุกมั๊ย ลูกตอบ "สนุกครับ" พร้อมยื่นตังค์คืนให้เราน่าจะประมาณ ๑๔ เหรียน ลูกบอกจ่ายเฉพาะค่าดูหนัง และพอดูหนังเสร็จเพื่อน ๆ ก็พากันไปนั่งกินอะไรกันที่ ฟู้ดคอท แต่ตัวเค้าไม่ได้ทานอะไร เนื่องจากทานข้าวเที่ยงมาจากบ้านแล้ว เราตัดพ้อว่า ทำไมไม่ทานอะไรกับเพื่อน ๆ บ้างล่ะ นาน ๆ จะได้ออกไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง ลูกชายยิ้มพร้อมกับส่ายหน้าว่า เค้าอิ่มแล้ว...นั่งมอง คุยกับเพื่อน ๆ ไป
หลังจากนั้นต่อมา...นี่ก็ใกล้จวนที่โรงเรียนจะปิดเทอมช่วง ซัมเมอร์แล้ว เพื่อน ๆ รวมทั้งลูกชาย ทุกคนดีใจ เตรียมพร้อมที่จะจบการศึกษานี้ และตื่นเต้นที่ปีหน้าในไม่อีกกี่เดือนนี้ จะได้ไปเรียนไฮส์คูลในโรงเรียนใหม่กันแล้ว
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา...เป็นวัน Honors Day สำหรับการศึกษานี้ เราไปโรงเรียนสองรอบค่ะ รอบเช้าสำหรับลูกคนเล็ก เกรด ๖ และรอบบ่าย สำหรับลูกชายคนโต เกรด ๘ เรานั่งอยู่ตรงกลางแถวล่างของโรงยิม ส่วนด้านบนนั้นจะเป็นเด็ก ๆ แยกเป็นทีม ๆ ไป เรามาก่อนเวลาประมาณ ๑๐ นาที มองไปด้านหน้า เป็นโต๊ะมีของรางวัลสำหรับนักเรียนดีเด่น น่าจะเป็นถ้วยรางวัล สีออกทอง ๆ สวยดี แต่ละโต๊ะแยกออกเป็นทีม ๆ มีทั้งหมด ๔ ทีมค่ะ ตื่นเต้นและก็ปลื้มใจแทนเด็ก ๆ ที่จะได้รับรางวัลจัง
นั่งอยู่ก็ชะเง้อมองหาลูกชาย ในกลุ่มเด็ก ๆ ที่กำลังพากันทะยอยเดินเข้ามาในห้องโถง มีเด็กผู้หญิงเอเชียบ้าง ฝรั่งบ้าง มานั่งด้านหลังเรา เอ...ลูกชายล่ะ อยู่ไหนนะ
โน่นไง...เดินมาแล้ว มองหาที่นั่ง กับเพื่อน ๆ เราโบกมือเรียกลูก ลูกเดินมานั่งกับเรา แล้วยิ้ม เมื่อผู้อำนวยการกล่าวเปิดงานเสร็จ คุณครูก็จะประกาศรายชื่อนักเรียนดีเด่น ผลการเรียนยอดเยี่ยม (Academic Excellence)ลูกชายมีชื่ออยู่ในนั้น เดินลงไปรับ สรุปแล้ว เค้าได้มา ๔ รางวัล แต่รางวัลที่เราดีใจนั้น ก็คือ( Pride of ชื่อโรงเรียน) คล้าย ๆ กับว่าเด็กนั้นเป็นคนสุภาพ มีความเคารพในบุคคลอื่น ให้เกียรติกับทุก ๆ คนในโรงเรียน เดา ๆ มาจากที่ครูเค้าพูดนะคะ
ส่วน "แฟนของลูกนั้น" ก็ได้รับรางวัลเช่นกัน ลูกชายหันมองเด็กผู้หญิงคนนั้นด้วยสายตาแห่งความภูมิใจ (สายตาลุ่มลึกอ่ะนะ)พร้อมตบมือให้ทุกครั้งที่เธอออกไปรับรางวัล
เรา...ในความเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกมาโดยตลอด (ออกจากงานมาเพื่อเลี้ยงลูก) รู้สึกดีใจค่ะ ไม่เคยกล่าวโทษสามีเลย ที่บังคับให้เราออกจากงาน ไม่เคยเหนื่อย ไม่ท้อ สามีบอกเราว่าเค้าภูมิใจที่เราเลี้ยงลูกได้น่ารัก เราบอกเค้าว่า เค้าน่ะมีส่วนเช่นกัน ในการเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก
อีกไม่กี่วัน...หลังโรงเรียนปิดเทอม เราจะพาหนุ่มน้อยสองคนเดินทางกลับบ้าน ไปกราบ คุณยาย คุณย่า-คุณตา และพี่ ๆ น้อง ๆ และ ขอเป็นกำลังใจให้กับเพื่อนที่กำลังเป็นคุณแม่ ที่มีลูก ๆ กำลังน่ารัก เราคิดว่า คงมีอีกไม่น้อยเลยค่ะ ที่ยังมีคุณแม่ หรือคุณพ่อ ที่มีลูก ๆ เรียนหนังสือเก่ง ๆ หรือน้อง ๆ ในห้องนี้เช่นกัน ที่กำลังศึกษาอยู่ทั้งในเมืองไทย และต่างประเทศ ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะ
ขอขอบคุณ เพื่อน ๆ บางท่านที่เคยให้คำปรึกษาเรื่องการเรียนมา ณ โอกาสนี้ด้วยค่ะ
จากคุณ :
รักเธอเสมอ
- [
18 พ.ค. 48 22:36:56
]