CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    เกี่ยวกับภูมิแพ้ครับ...ลองอ่านดูครับจะได้เข้าใจโรคนี้มากขึ้น

    http://thaimtb.com/cgi-bin/viewkatoo.pl?id=52426
    เห็นบทความนี้ดี นำมาเผยแพร่ครับ
    ภูมิแพ้
    ทุกคนรู้จักชื่อนี้แน่นอน
    ภูมิแพ้จมูกเป็นหนึ่งในภูมิแพ้ที่เรารู้จักมันดีที่สุด และคุ้นเคยมากที่สุด
    อาการที่เจอในชีวิตประจำวันคือ คันจมูก คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอแห้งๆ ไอมีเสมหะ ฯลฯเขียนได้อีกเยอะแยะ
    ตัวกระตุ้น ฝุ่น ไรฝุ่น ซากแมลงสาป เกสรดอกไม้ ความร้อน ความเย็น ฯลฯ......
    พูดง่ายๆคือในภาษาไทยเรียกมันว่า "หวัด" โดยต่างจาก"ไข้หวัด" ที่ไม่มีไข้แต่มีอาการหวัดคัดจมูกน้ำมูกไหล

    -----------------------------
    ขอบอกไว้อย่างนึงว่าผมเองเป็นหมอที่ขี้เกียจและขี้รำคาญพอสมควร
    เวลาแม่เด็กพาลูกที่มีน้ำมูกไหลมา แล้วบอกว่าเด็กเป็นหวัด ขอยาamoxyหน่อย..... ผมต้องตรวจแล้วบอกว่า เด็กไม่ได้เป็นหวัดนะครับคุณแม่ เด็กเป็นภูมิแพ้ เด็กเจ็บคอ เด็กไอ เด็กคอแดง แต่เด็กไม่ได้ติดเชื้อ....blar blar blar แม่เด็กเข้าใจ(มั้ง)
    เอ้า ( คนต่อไป) หวัดดีครับ เป็นอะไรมา เอ้า เป็นหวัดคัดจมูกน้ำมูกไหล............ ภูมิแพ้ครับแม่.....

    เนื่องจากขี้เกียจอธิบายความเชื่อความเข้าใจผิดๆบ่อยๆ ก็เลยเอามาเล่าในนี้แล้วกัน เผื่วันหลังจะได้ไม่มีคนถามเรื่องแปลกๆนี่อีก (เป็นหมอที่ขี้เกียจจริงๆ)

    ความเชื่อ : มีน้ำมูกไหล ไอบ่อยๆ เจ็บคอ ไม่มีไข้ แปลว่าเป็นหวัด ต้องกินยาแก้อักเสบ(ฆ่าเชื้อ)
    ความจริง : อาการที่ว่าถ้าไม่มีไข้ร่วมก็ไม่ได้เป็นหวัด (แถมเมื่อเป็นหวัดจริงๆก็ไม่จำเป็นต้องกินยาทุกราย ขึ้นกับชนิดของเชื้อและอาการ)
    การอักเสบแบบภูมิแพ้จากการโดนตัวกระตุ้น ทำให้เกิดการระคายเคืองและเกิดการสร้างสารคัดหลั่ง.....(น้ำมูกน่ะแหละ) และน้ำมูกนั้นแหละ ที่เวลาเรานั่งหรือนอนมันจะไหลลงคอ ซึ่งพอหล่นลงไปในหลอดลมจะทำให้มีอาการไอ หรือถ้าโดนผนังคอด้านหลัง ก็จะเกิดการอักเสบ(อาจเพราะในน้ำมูกที่ไหล มีสารก่อภูมิแพ้ พอโดนคอคอก็เลยแดง) ซึ่งพอเอาไฟฉายไปส่องก็จะเห็นคอแดงเป็นเม็ดๆ..... แต่ไม่ได้แปลว่าติดเชื้อครับ
    (ทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา พูดแบบนี้ร่วมยี่สิบครั้ง)

    ความเชื่อ : การโดนสารก่อภูมิแพ้บ่อยๆ จะทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกัน ถ้าใครแพ้ฝุ่น ต้องเจอฝุ่นบ่อยๆแล้วร่างกายจะทนและชิน
    ความจริง : กลับกันอย่างสิ้นเชิง เพราะการเจอตัวกระตุ้นบ่อยๆ จะทำให้อาการหนักขึ้นเรื่อยๆ.... และใครที่บ้าบิ่นพอที่จะทำอย่างนั้นต่อไป อาจจะเกิดภาวะ"หลอดลมไวเกิน" จะเกิดการแพ้สิ่งที่ปกติคุณไม่แพ้..... คนที่ไม่เคยแพ้ขนแมว แต่เจอฝุ่นที่แพ้มากๆ ต่อไป ไปเจอขนแมวก็จะแพ้ได้ โดยอาการแพ้แบบนี้มักแพ้แบบคล้ายหอบ คือหลอดลมตีบลง หายใจลำบาก........
    กล่าวคือเป็นเรื่องขัดความรู้สึกสักนิด คือให้หนีมันบ่อยๆและนานพอ แล้วคุณจะไม่แพ้มันอีกต่อไป

    ความเชื่อ : ไม่รักษาก็ได้ เพราะไม่เป็นอะไรมากหรอก
    ความจริง : ผลกระทบที่เกิดจากการละเลยไม่รักษา
    - นอนไม่หลับ คัดจมูกมากจนหายใจไม่ออก.... หรือนอนหลับไม่สนิท ตอนเช้าๆตื่นมาเหนื่อยๆโดยคิดว่าหลับสนิท
    - การเป็นบ่อยๆจะมีโรคแทรกซ้อนจากการที่เยื่อบุจมูกบวม เช่นไซนัสอักเสบ หรือน้ำขังในหูชั้นกลาง
    - การเป็นนานๆ อาจเกิดการอักเสบมีก้อนยื่นออกมามีเลือดไหลด้วย สยอง...และเป็นที่เหนื่อยหน่ายต้องไปแยกกับมะเร็ง
    - เป็นหวัด ปอดบวม ไม่สบายง่ายขึ้นเพราะต้องหายใจทางปาก ไม่มีการกรองทางจมูก..... อันนี้ไม่ยืนยันครับ ไม่มีหนังสือเขียน มีแต่อาจารย์สอนตอนเรียน
    - ไอบ่อย เนื่องจากน้ำมูกไหลลงคอ ซึ่งผลข้างเคียงจากการไอมีเป็นกระตั๊กๆ

    ถ้ารู้ผลข้างเคียงเล็กน้อยของการไม่รักษาแล้วยังใจแข็งได้ ก็ตามใจครับ ผมไม่ห้าม

    ความเชื่อ : ไม่รักษา เพราะการรักษาใช้ยา ไม่ดีต่อสุขภาพที่ต้องรับสารเคมี
    ความจริง : มาคุยเรื่องยาก่อน
    ยาที่ใช้มีดังนี้คือ
    ยาแก้แพ้ antihistamine ส่วนใหญ่เป็นชนิดกิน
    ยาพ่นจมูก เอาไว้ลดบวมเวลาเป็นมากๆจนต้องหายใจทางปาก
    ยาลดน้ำมูก ซึ่งเป็นตัวยาเดียวกับที่พ่นจมูก แต่อยู่ในรูปกิน
    ยาเข้าสเตียรอยด์ ชนิดพ่นจมูก..... หมอทั่วไปอย่างผมสั่งใช้
    ยาสเตียรอยด์ ชนิดกิน มีหมอตี๋ และหมอที่เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะที่สั่งใช้.....(แต่การใช้ต้องคุมอย่างดีและมีความรู้ ไม่งั้นเสร็จ)

    ยาที่นิยมใช้ผิดๆ คือยาพ่นจมูกชนิดออกฤทธิ์ทันที ซึ่งถ้าใช้เกินสามวันจะเกิดอาการจมูกบวมมากยิ่งกว่าเดิมและหายใจไม่ออกกว่าเดิม
    ยาที่คนที่ได้ไม่กล้าใช้คือยาสเตียรอยด์พ่น....
    วันก่อนผมยังเห็นคนที่มาอ่านเขียนถึงการรักษาของหมอว่าผิด เพราะใช้สเตียรอยด์พ่นจมูก ซึ่งส่งผลต่อร่างกายในระยะยาว เกิดผลต่อไตตับหัวใจปอดฯลฯ......
    เข้าใจผิดอย่างมหันต์และทำให้หมอลำบากไปอีกเพราะยาตัวนี้เป็นยาตัวที่ควรจะใช้อย่างยิ่งในการแก้ภูมิแพ้จมูก
    เนื่องจาก
    1. ปริมาณยาที่ใช้ น้อยมาก เนื่องจากเราเอามันไปทาถึงที่จมูก ไม่ได้กิน
    2. ยามันแปะมันทาที่เยื่อจมูก ออกฤทธิ์ที่จมูก ไม่ได้ไปที่อื่น จะยกเว้นว่าพ่นเยอะๆแล้วกลืนมันลงไปเท่านั้น ซึ่งก็นั่นแหละ ถึงกลืนเข้าไปก็ได้ยาไม่มากเพราะความเข้มข้นต่ำมาก
    3.ยาชนิดนี้ออกฤทธิ์ลดการอักเสบในระยะยาว ลดการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาวที่เป็นต้นเหตุของการเกิดภูมิแพ้จมูก เรียกว่ายาแก้แพ้ แก้ที่ปลายเหตุ แต่ยานี้แก้ที่ต้นเหตุทีเดียวเชียว

    ความเชื่อ : การรักษาต้องใช้ยา ยิ่งราคาแพงยิ่งดี
    ความจริง : แยกเป็นสองส่วน
    ยา โดยเฉพาะยาแก้แพ้ที่ราคามีตั้งแต่เม็ดละ10สต. ไปจนถึงเม็ดละ30บาท มีความแตกต่างที่พิสูจน์แล้วคือ "ง่วงมาก กับ ไม่ง่วง(ง่วงน้อย)"
    ยาchlorpheniramine ราคาถูกยิ่ง กินแล้วแก้แพ้ชะงัก แต่ง่วงมาก
    ยาหลายตัว ราคาเม็ดละ10บาทขึ้น.. กินแล้วแก้แพ้ชะงัก แต่ไม่ง่วง(ในบางคน บางคนกินแล้วก็ง่วงอยู่ดี.....)
    แถมบางคนกินยาราคาแพงแต่ดันง่วงมากแล้วแก้แพ้ได้ไม่มากก็มี...เปลืองไปอีก
    ยาCPMราคาถูกน่ะแหละที่ใช้ค่อนข้างได้ผล
    แต่กระซิบไว้หน่อยว่าต้องเลือกนิดนึง ผมเองกินCPMบางยี่ห้อไม่ง่วงและไม่หายแพ้ แต่บางยี่ห้อกินแล้วหายแพ้ชะงัก แต่สลบไปเลย..... บางครั้งก็ตั้งข้อสงสัยว่ายาในประเทศไทยนี้เป็นอย่างไรกัน แต่ถามเภสัชในโรงพยาบาลแล้วเขายืนยันว่าไม่ต่างกันครับ

    ความจริงส่วนที่สอง
    วิธีรักาาที่ได้ผลดีที่สุดที่วิจัยกันตรงกันทั่วโลกใบนี้คือ..... การออกกำลังกายครับ
    เนื่องจากการออกกำลังกายจะทำให้เลือดไปเลี้ยงเยื่อบุที่อักเสบ และพัดพาเม็ดเลือดขาวต้นเหตุและสารก่อภูมิแพ้ให้กระจัดกระจายไปทั่วร่าง เจือจางจนไร้พลัง และสลายพิษที่จมูก
    ว่าแบบหนังจีนไปนั่น แต่ว่างานวิจัยทั่วโลกก็ยืนยันเช่นนี้ครับ แม้แต่บริษัทยายังไม่กล้าคัดค้านงานวิจัยแบบนี้เลยครับ.....
    แต่นั่นแหละ ทางแก้ที่ง่ายที่สุดราคาถูกที่สุดและเป็นยารักาาเบาหวานความดันไขมันภูมิแพ้..... ไม่ค่อยมีคนทำ....

    ผมไม่โทษหรอกครับที่ทำไม่ได้ ผมเองก็ทำไม่ได้ นี่นั่งพิมพ์ไปก็รู้สึกได้ถึงน้ำมูกในจมูกเลย

    สุดท้ายนี้ขอให้นอนหลับไม่คัดจมูกนะครับ

    จากคุณ : K.Senior - [ 23 พ.ค. 48 22:57:10 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป