PANTIP.COM : L3499049 @@ ถามผู้รู้เรื่องสิววค่ะ..bp----differine---clinda...ค่ะ@@ [โภชนาการและความงาม]

ความคิดเห็นที่ 1

BP ใช้ได้กับสิวทุกแบบครับ เพราะมันออกฤทธิ์ช่วยละลายหัวสิวโดยตรง ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย P.Acne ที่มักเป็นสาเหตุสิวส่วนใหญ่ และยังป้องกันสิวที่จะเกิดใหม่ได้เป็นอย่างดี แต่มีข้อเสียตรงที่ระคายเคืองง่าย ถ้าไม่เคยใช้แล้วเพิ่งใช้ช่วงแรกๆ ผิวอาจแสบ แดง ลอกนิดหน่อย ซึ่งเป็นอาการปกติ (คนผิวมันจะระคายเคืองน้อยกว่าผิวแห้ง) แต่ถ้าใช้ไปนานๆ ก็จะดีขึ้น อ้อ BP ไม่ทำหน้าบางลงนะครับ แม้จะดูเหมือนมันระคายเคืองทำให้หน้าแดงหรือลอกได้ช่วงแรกๆ แต่ก็เป็นแค่ชั่วคราว ไม่ได้ทำให้หน้าบางลงครับ แต่คนใช้ BP ต่อเนื่องนานๆ หน้าอาจมันเพิ่มขึ้นได้ เพราะหน้าเราต้องปรับสมดุลผิวให้ผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นสู้กับฤทธิ์ของ BP ที่พยายามจะทำให้หน้าของเราแห้งลง นอกจากนั้น บางครั้งคนใช้ BP อาจจะแปลกใจว่าทำไมใช้แล้วเหมือนหน้าเรามีสิวผุดขึ้นมาเยอะกว่าเก่า ก็ไม่ต้องแปลกใจครับ เพราะนั่นก็เป็นฤทธิ์ของมันอย่างนึง ที่ช่วยดันสิวที่ยังไม่ปะทุให้ผุดขึ้นมาได้ แต่แบบนี้จะดีกว่า เพราะมันจะขึ้นมาแป๊ปเดียว แล้วเดี๋ยวก็จะหายไป (โดยเฉพาะถ้าใช้ร่วมกับ CM) ทำให้ลดโอกาสเป็นสิวอักเสบในกรณีที่เราไม่ได้ทายาอะไรเลยน่ะครับ

สำหรับสิวอักเสบส่วนใหญ่ถ้าใช้ BP แบบที่ดีๆ หน่อยก็มักจะหายครับ ส่วนใหญ่ก็มักใช้ร่วมกับ CM lotion (หรือว่า ClindaM ซึ่งเป็นยี่ห้อนึงของ CM ครับ) ที่ช่วยรักษาสิวอักเสบโดยเฉพาะ ที่เค้าให้ใช้ BP ทาก่อนล้างหน้า เพราะว่ามันระคายเคืองง่ายไงครับ การทาก่อนล้างหน้าหน้าเราจะมีน้ำมันเคลือบอยู่ทำให้ช่วยลดการระคายเคืองได้ระดับนึงด้วย แต่หากแต่งหน้ายังไงก็ควรใช้ครีมเช็ดเครื่องสำอางโดยเฉพาะเช็ดออกสักรอบนึงก่อนนะครับ เพราะถ้าทาทับไปคงไม่ดีแน่ (มันจะยิ่งอุดตันกันไปใหญ่น่ะสิ) คนเพิ่งเริ่มใช้ให้ทาทิ้งไว้ไม่กี่นาทีหรือพอเริ่มแสบหน้าก็ล้างออกเลย (ไม่งั้นหน้าจะ Burn ต้องทนแสบไปหลายวัน) ใช้แรกๆ น่าจะอยู่ได้ที่ประมาณ 5-10 นาที (หรืออาจนานกว่านั้นแล้วแต่ทนได้แค่ไหน) แล้วต่อไปหน้าจะปรับสภาพกับยาก็จะทิ้งได้นานขึ้น (แต่จริงๆ ทิ้งไว้สูงสุดไม่เกิน 30 นาทีก็พอ เพราะมันออกฤทธิ์ได้สูงสุดแค่นั้น)

Differin Gel ออกฤทธิ์รักษาสิวเหมือนกรด Vitamin A ครับ (Retin-A) แต่เท่าที่เคยฟังคนใช้กัน ดูเหมือนมันจะระคายเคืองน้อยกว่า ได้ผลดีกว่า (เพราะแพงกว่ามั๊ง) จริงๆ กลุ่มยารักษาสิวพวกกรดวิตามินเอนี่ไม่ได้เป็นยาใช้รักษาสิวโดยตรงหรอก คือไม่ได้ฆ่าเชื้อสิวตรงๆ แต่มันออกฤทธิ์ช่วยลดการสร้างน้ำมันในระดับเซลล์ผิวไงครับ ก็เลยเหมือนเอามาใช้รักษาสิวอุดตันได้แบบอ้อมๆ เพราะสิวอุดตันสาเหตุเกิดจากน้ำมันส่วนเกินในต่อมไขมันใต้ผิวหนัง ถ้าให้ผมแนะนำผมว่า BP ร่วมกับ CM จะรักษาได้ดีที่สุดครับ (แต่ที่ผมเคยใช้ต้องเป็นดีๆ หน่อยส่วนใหญ่ก็ได้มาจากคลินิคอ่ะ เคยใช้ตามที่ซื้อทั่วไปไม่ค่อยได้ผลดีเท่า) ส่วน Differin Gel หรือกรดวิตามินเอ ก็เป็นอีกทางเลือกนึงครับ บางคนใช้ได้ดีก็ใช้กันไป แต่อย่างที่บอก มันไม่ใช่ยารักษาสิวโดยตรงเหมือน BP กับ CM แต่มันก็รักษาได้ดีเหมือนกัน แล้วแต่กรณีครับ

ส่วนสิวเล็กๆ ที่ไม่มีหัว ถ้าใช้ BP กับ CM หรือตัวอื่นๆ แล้วมันยังไม่หายอีก คิดว่าน่าจะเป็นสิวจากเชื้อราหรือยีสต์น่ะครับ เพราะผมก็เคยเป็นครับ และสงสัยว่าทำไมมันไม่หาย หาหมอบางคนก็รักษาไม่หาย แต่ก็เจอหมอท่านนึงบอกว่าเป็นสิวยีสต์เนี่ยละครับ แล้วก็ได้ CM พิเศษมาใช้ ก็เลยหาย (เป็น CM ที่ผสมตัวยาฆ่าเชื้อราที่ทำให้เกิดสิวครับ) คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยเป็นสิวยีสต์หรือรานี่เท่าไหร่หรอกนะครับ แต่ถ้าใช้ยาทั่วไปอย่าง BP หรือ CM แล้วก็ยังไม่หาย สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นไปได้สูงครับ บางทีก็เป็นในคนชอบลองเครื่องสำอางใหม่ๆ บ่อยๆ น่ะครับ หรือไม่ก็เป็นเฉพาะบุคคล สาเหตุไม่ค่อยแน่ชัดครับ

สุดท้าย AHA ช่วยเรื่องรอยดำหรือแผลจากสิวได้ระดับนึงครับ มันช่วยผลัดเซลล์ผิวไง แต่ก็ควรใช้หลังจากสิวหายหรือไม่มีสิวอักเสบแล้วน่ะ แต่ AHA แม้จะดี แต่ใช้นานๆ ผิวจะบาง ก็น่าจะใช้จนดีขึ้นระดับนึงก็พอ ไม่ควรใช้ต่อเนื่องนานมากน่ะครับ ถ้าอยากใช้พวกบำรุงหน้าให้ขาวใสคล้าย AHA แต่ไม่ทำผิวบาง ใช้ได้ตลอด น่าจะเป็นพวก Vitamin C หรือ Vitamin A มากกว่าน่ะครับ (แต่วิตามินเอควรใช้ตอนกลางคืนเท่านั้นครับ ใช้ตอนกลางวันหน้าจะไวต่อแสง)

จากคุณ : dR. pEaNuT - [ 25 พ.ค. 48 14:56:18 ]