CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    ++ KAEW ไดอารี่ ++ เรื่องของเด็ก ที่ไม่เล็กอย่างที่คิด

    ตั้งแต่เมื่อวานตอนบ่ายๆ  รู้สึก มึนๆ งงๆ ปวดหัว ปวดใจ อาการเหมือนวันที่รู้ว่าตัวเองมีเชื้อ HIV  อาการเหมือนวันอกหัก  คือมันเจ็บแปล๊บๆที่ใจยังงัยชอบกล

    สาเหตุ ก็มาจาก เด็กๆที่ติดเชื้อ HIV ที่เว็บแก้วของเราช่วยดูแลมาประมาณ 4 ปีแล้ว  ช่วงหลังๆ เด็กๆโตขึ้นมาก  อายุช่วง 10-13 ปี มีหลายคน แล้ว กลุ่มนี้ก็ผลัดกันสร้างเรื่อง สร้างปัญหา มาให้ปวดใจอยู่เรื่องๆ ทั้งปัญหาโดดเรียน เกเร ยกพวกตีกัน ขโมยของ ปัญหา Sex ดื้อ โกหก พูดไม่เชื่อ

    ก็พยายามอบรมสั่งสอน ดูแลให้เวลากันมากขึ้น ปรึกษาหมอ ปรึกษาใครๆ   เมื่อวานก็เป็นวันที่เราต้องไปหาหมอของตัวเองพอดี แล้วบังเอิญคนไข้น้อยก็เลยคุยกับหมอนาน ปรึกษาเรื่องเด็กๆ  

    หมอบอกว่า ให้ทำใจ  เพราะกรรมพันธ์จากพ่อแม่ และ สภาพแวดล้อมเดิมของเด็กๆ มีผลกับจิตใจและพฤติกรรมเด็กมาก  เรารับเค้ามาเลี้ยงตอนเค้าเริ่มโตแล้ว ต่อให้รักอย่างไร ก็แก้ไขอดีตเค้าไม่ได้  เหมือนเลี้ยงลูกเสือ ลูกจระเข้ น่ะ

    หมอห่วงปัญหาการแพร่เชื้อ HIV ด้วย เพราะเด็กพวกนี้เหมือนติดอาวุธเชื้อโรคไว้กับตัวนะ  เค้าทำให้คนอื่นติดเชื้อได้ตลอด แถมจะเป็นเชื้อ HIV พันธ์ดื้อยาด้วย เพราะเด็กๆกินยาต้านมาแล้ว ใครที่รับเชื้อจากเค้า เวลารักษาก็ต้องกินยาแรงๆไปเลย  

    เราก็กลัวปัญหานี้หล่ะ ถึงพยายามรักเค้า อบรม สั่งสอนมาตลอด  หวังจะให้เค้าเป็นคนดี มีอนาคตที่ดี และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

    กลับมาบ้านตอนบ่าย กำลัง Chat กับเพื่อนๆอย่างสนุกสนาน  น้องรี  ที่บ้านแกร์ด้าโทรมาหา  เสียงเครือ เหมือนร้องไห้มาเลย  น้องรีบอกว่า "พี่  ลูกของพี่จะไม่อยู่แล้วนะ"

    แว๊บแรก ตกใจมาก นึกว่าเมจิ ลูกอุปถัมภ์ของเรา ป่วยหนัก จะตาย  เลยถามว่าเมจิเป็นอะไร

    น้องรีตอบว่า ไม่ใช่เมจิ  แต่เป็น น้องภู น้องนัท น้องปลา น้องเต็ง  เด็กผู้ชายรุ่นโตๆน่ะ เค้าจะหนีออกจากบ้านอีกแล้ว  แกงค์นี้พยายามหนีออกจากบ้านหลายครั้ง แถมงัดบ้านครูขโมยของด้วย

    ครั้งนี้น้องรี เค้าจับได้ก่อน พอถามก็ยอมรับหน้าตาเฉยว่าจะไป ไม่อยู่แล้วบ้านนี้ ไม่มีความสุข อึดอัด ยังงัยก็จะไปให้ได้  น้องรีบอกว่า เด็กๆไม่มีสลด หน้าตาอวดดีมาก

    อึ้งไปเลยอ่ะ  รักเค้าสารพัด ทุ่มเททุกอย่าง แต่ผลที่ได้เป็นแบบนี้  น้องรี ก็ดูท่าทางเสียใจมาก  เพราะรีเป็นคนเข้มแข็ง แต่ตอนนี้เหมือนร้องไห้อยู่เลย

    เงียบกันไปสักพัก  ก็บอกกับรีว่า  ถ้าเค้าไม่รักเราแล้ว ก็ปล่อยไป  จะไปไหนก็ไปเลย  น้องรีก็โทรไปปรึกษาประธานมูลนิธิ  ทุกคนก็อึ้งนะ  เพราะบ้านแกร์ด้า สร้างขึ้นด้วยใจ ด้วยหวังจะช่วยเหลือเด็กๆ แต่เด็กไม่รักเรา เหมือนที่เรารักเค้าเลย

    ข้อสรุปที่ได้ก็คือ ให้เมื่อดึงไม่อยู่แล้วเราก็ปล่อย  ให้ทำหนังสือ ให้พี่เลี้ยงเด็กเซ็นเป็นพยานว่าเราไม่ได้ไล่ เราไม่อยากให้เด็กไปแต่เค้ายืนยันจะไปเอง  แล้วให้เด็กเซ็นชื่อรับทราบด้วย

    เรากับรี ผลัดกันโทรหากันอยู่เรื่อยๆ  ตกลงกันว่า จะให้เด็กเอาอะไรไปบ้าง น้องรีบอกว่า ไม่ให้เอาอะไรไปเลย  ยาต้านก็ไม่ให้  แต่เราว่า โหดไปมั้ง ถ้าขาดยามันจะอันตรายนะ  ให้ยาไปสัก 1 เดือนเถอะ    น้องรีบอกว่า ยังงัยก็ไปไม่รอดหรอกพี่  ให้ไปก็คงไม่กิน แล้วก็ดื้อยาชัวร์ๆแน่

    สักพักน้องรี โทรมาใหม่ บอกให้เราลองคุยกับเด้กๆ โดยรีเปิดลำโพงโทรศัพท์ให้  แต่พูดได้นิดหน่อย แล้วก็อึ้ง น้ำตาคลอเลย เพราะเค้าตอบกลับมาแบบไม่มีเยื่อใยว่า ยังงัยก็จะไป ไม่ให้ไปก็จะหนี  จบ...................  หมดกันนะ ความรักที่มีให้  ก็เลยบอกกับรีว่า ปล่อยเค้าไปเลย

    หัวค่ำน้องรี โทรมาใหม่  ปรากฎว่า เด็กๆมาต่อรอง ว่าไม่ไปก็ได้ แต่ให้สร้างบ้านให้หลังนึง จะอยู่กันเอง     คราวนี้อารมณ์เปลี่ยนแล้วนะ  ไม่เศร้าแล้ว แต่โกรธ  เค้ารู้ว่ารัก รู้ว่าห่วง แล้วก็เอาความรัก ความห่วงใยที่เรามีให้มาเป็นเครื่องต่อรองในสิ่งต่างๆ  

    เกลียดวิธีนี้มาก เลยบอกรีว่า  ไม่ให้  ให้ออกจากบ้านไปเลย   แต่น้องรี ใจอ่อน สงสาร  ก็เลยต้องคุยกันอีกว่า ทำอย่างนี้เค้าก็ได้ใจนะ เรียกร้องเรื่อยๆ แล้วใจเค้าไม่ได้มีให้เราเลยนะ   น้องรีหาข้อสรุปว่า  เราก็หาไม้ สังกะสี ตะปูให้ แล้วให้สร้างกันเอง  อาหารก็หาเอง  คาดว่าไม่กี่วันก็ไปไม่รอด

    คุยกันอยู่จนดึก  ก็เลยสรุปว่า พักก่อนเถอะ ปวดหัว

    เมื่อคืนก็เศร้าๆนะ  มันเหนื่อย  มันท้อ  มันผิดหวัง   อารมณ์ประมาณ แม่เลี้ยงลูกมาอย่างดี  รักมากมาย อยากได้อะไรก็หาให้ทุกอย่าง  ยาต้านแพงแค่ไหนมูลนิธิเค้าก็หาให้กิน วาดหวังให้อนาคตของลูกดี แล้วอยู่มาวันนึง ลูกเดินมาบอกว่า รำคาญ ไม่อยากอยู่บ้าน มันไม่มีความสุข  จะไปอยู่ข้างนอกแล้ว

    เศร้ามากอ่ะ  โดยเฉพาะ เด็กอย่างน้องนัท นี่ตอนโดนเอามาทิ้งที่แกร์ด้านี่ราขึ้น เต็มหัวเต็มตัว ต้องมาขัดมาถู ตอนแรกเค้าหวาดกลัว ไม่พูดไม่จา  ต้องปะคบปะหงมกันอย่างใกล้ชิด  ทนุถนอมฟูมฟักกันมาแท้ๆเลยนะ  พอแข็งแรงดี ก็ไม่เหลือเยื่อใยกันเลย

    เจอปัญหาแบบนี้เรื่อยๆ  มันเลยทำให้เราไม่ค่อยเห็นด้วยกับการที่ผู้ติดเชื้อจะอยากมีลูก  เพราะอะไร ก็เพราะเราอยู่กับปัญหาพวกนี้อ่ะ  ติดเชื้อแล้วดันปล่อยให้ท้องอีก  ลูกออกมาโอกาสพลาดติดเชื้อก็มี ถึงจะน้อยแต่ก็มี หลักฐานคือเด็กแกร์ด้าพวกนี้งัย  55 คนนี่ก็พลาดมาทั้งนั้น แล้วพอ พ่อแม่ตาย ญาติก็ทิ้ง ไม่มีใครอยากเลี้ยงเด็กเอดส์  

    เด็กก็เป็นทั้งภาระ และ ปัญหา ให้สังคมอีก  เลี้ยงยากด้วยนะ  เพราะกว่าพ่อแม่จะตาย แล้วเด็กโดนทิ้ง เด็กจะเกือบๆ 10 ขวบแล้ว  (ยกเว้นบางรายพ่อแม่ตายเร็วเด็กถูกทิ้งตั้งแต่เด็กๆ พวกนี้จะเลี้ยงง่าย)

    ปัญหาเรื่องเด็กติดเชื้อเอดส์  กำลังจะเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมนะ  เพราะเด็กติดเชื้อตามมูลนิธิต่างๆมีอยู่มากมาย และเริ่มๆเข้าสู่วัยรุ่นกันทั้งนั้น  ยาต้านที่ให้เด็กกิน ทำให้เค้าอยู่ได้นานขึ้น  สร้างปัญหาได้เยอะขึ้น   ถ้าเค้าโตเต็มที่ ใครก็ห้ามไม่อยู่แล้วนะ  ต่อจากนั้นก็ตัวใครตัวมันแล้วกัน  

    ต่อไปบ้านไหนมีลูกวัยรุ่น แล้วลูกมีแฟน อาจจะต้องถามแฟนลูกว่ามาจากไหน พ่อแม่อยู่ไหน  เช็คดีๆน๊า ไม่งั้นอาจจะได้ลูกเขย ลูกสะใภ้ มาจากมูลนิธิดูแลเด็กติดเชื้อเอดส์ แล้วถ้ารับเชื้อดื้อยาไปนี่ ซวยมากเลยนะ

    พรุ่งนี้เรากะเพื่อนๆในเว็บจะเข้าไปบ้านแกร์ด้า  เราเป็นห่วงพวกพี่เลี้ยงเด็ก เพราะเค้าก็คงเสียใจมากๆอ่ะ เลี้ยงมากับมือแท้ๆ ยังทำกันได้  ก็คงบอกให้เค้าปลง(เหมือนที่เราปลง)  พวกเราทำดีที่สุดแล้ว รักเค้า เลี้ยงเค้าอย่างดี แต่ถ้าเค้าไม่รักเราเลย ก็ปล่อยเค้าไป  

    อย่าท้อ  เพราะยังเหลือเด็กๆอีก 51 คนให้ดูแลนะ  แล้วเด็กที่มีแววจะเติบโตเป็นคนดีก็มี  อย่าหมดหวัง  อย่าเลิกที่จะรักเด็ก

    อยากบอกกับเพือ่นๆในเว็บแก้วอย่างนี้เหมือนกัน  อย่าท้อนะ  สู้กันต่อไป  รักเค้าต่อไป ไม่แน่สักวันนึง พลังของความรัก อาจจะชนะใจเค้าบ้างก็ได้   อยากให้เพื่อนๆสู้ร่วมกันต่อไปนะ  ให้ความรัก ความอบอุ่นเค้าเยอะๆ  มันต้องได้ดีสักคนนึงน่า

    จากคุณ : ++MooKaew++ - [ 1 ก.ค. 48 11:55:40 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป