ความคิดเห็นที่ 1 จากนั้นเราก็เรียนรามคำแหง ไปด้วย ทำงานไปด้วย ส่วนเค้าจบปริญญาตรี และได้ทำงานบริษัทฝรั่งมีชื่อเสียง โด่งดัง เงินเดือนมากรวม ๆเค้าได้ 4 หมื่นกว่า ในขณะนั้น ปัจจุบันได้ เกือบ 6 หมื่น ส่วนเราก็ทำงานด้วยเรียนไปด้วยทำให้ไม่ค่อยมีเงินเก็บเท่าไร กระทั่งมาวันหนึ่งได้เจอ ชายพ่อหม้าย เป็นข้าราชการระดับ 10 ขณะเรานั่งรถไฟกลับบ้าน ที่จริงท่านไม่จำเป็นต้องนั่งรถไฟไปหรอก ปกติจะไปเครื่องแต่วันนั้นท่านอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศ เราและท่านได้นั่งเก้าอี้ ที่นั่งเดียวกัน ก็คุยกันจนถึงปลายทางเชียงใหม่ คือนั่งรถไฟตอนเช้า ถึงเย็น ท่านได้ยื่นนามบัตรให้ และบอกว่าให้โทรมาหากมีปัญหาเรื่องเรียน ท่านจบดร. จากอเมริกาเป็นคนเรียนเก่ง มาทราบที่หลังค่ะ และท่านเก่งมาก จากตำราที่ท่านได้แต่งไว้เยอะ ท่านเป็นคนโอบอ้อมอารี สายตาเป็นมิตร มาก ๆจากการพูดคุย ทำให้เราเคลิ้มไปเหมือนกัน ทึ่งในคำพูด และ เราก็ยังไม่เคยมีใครมาจีบเลย เนื่องจากอยู่กับนายจ้างเช้าก็ลงมาทำงานบริษัท เย็นก็ขึ้นบ้าน เสาร์อาทิตย์ก็ไปโน่นไปนี่กับนายผู้หญิงเค้าชอบไปงานสังคม และจะหนีบเราไปด้วยทุกครั้ง ไม่มีชายไหนมาจีบและก็ที่ทำงานไม่มีหนุ่มโสดด้วย จากคุณ : เจ้าของกระทู้ - [ 28 ส.ค. 48 16:12:31 A:202.41.179.225 X: TicketID:079747 ]

ความคิดเห็นที่ 2 หลังจากท่านให้นามบัตรมาเราก็ค้นหาความจริงก็ทราบว่าท่านทำงานใหญ่ ผลงานทางวิชาการมีมากมายเหลือเกินซึ่งท่านไม่เคยเล่าให้ฟังเลย แต่เราค้นเจอประวัติ และปรากฏชื่อตามวิชาการต่าง ๆ ประมาณ 6 เดือนให้หลังจากนั้นเราก็โทรหาท่าน ท่านก็ถามเรื่องเรียน ว่าเป็นไง จะให้แนะนำอะไรมั้ย เราจึงตกลง และรับนัด ท่าน เพื่อขอคำแนะนำ เนื่องจากเรียนไม่มีเพื่อนเลย ซึ่งท่านก็รับปากว่า จะช่วยเหลือ เราก็เห็นว่าทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยคงไม่จบแน่ เราไม่มีเวลาอ่านหนังสือเลย จึงมุ่งมั่น เก็บเงินทนอยู่กับเจ้านาย ได้เงินมาจำนวนหนึ่งกะว่าไปเช่าห้องเล็ก ๆ หน้ารามอยู่ กินอยู่อย่างประหยัด เงินน่าจะพอใช้ จึงออกมา เรียนอย่างเดียวขณะนั้นท่านไป ราชการที่เชียงใหม่ จังหวะที่เรากลับบ้านด้วย เทศกาลท่านก็อยากเห็นพื้นเพเราว่าบ้านช่องอยู่ไหน เราก็บอกแผนที่ให้ ท่านก็มากับคนขับ มาพูดคุยกับแม่เรา เราก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็ตอนนั้นชีวิตความเป็นอยู่ของเราดีขึ้นแล้ว ขณะเรียนท่านก็คอยสอบถามว่าเป็นไงสอบได้ มั้ย อยากให้เราจบปริญญานะ เนื่องจากที่บ้านเราไม่มีใครได้เรียนจนจบปริญญาเลย ท่านให้กำลังใจเราเสมอ จนเราจบรามโดยใช้เวลาเรียนทั้งทำงานด้วยเรียนด้วย 2 ปีครึ่ง ท่านได้ชื่นชมเราว่าเรามีความพยายามดีนะ เรียนได้เกรดดีด้วย 2.75 เราเป็นคนขาดโอกาศทางการศึกษาพอได้มาเรียนก็ตั้งใจเอามาก ๆ ประกอบเพื่อน ๆ เค้าจบมา 4-5ปีแล้วเรายังเริ่มต้นเรียนอยู่เลย หลังจากนั้นเราก็แนะนำให้เพื่อนคนนี้รู้จักกับท่านด้วย เดี๋ยวต่อนะคะ จากคุณ : เจ้าของกระทู้ - [ 28 ส.ค. 48 16:29:21 A:202.41.179.225 X: TicketID:079747 ]

ความคิดเห็นที่ 3 มารออ่านต่อค่ะ จากคุณ : ผ - [ 28 ส.ค. 48 16:29:49 A:203.113.61.102 X:203.151.140.115 TicketID:096388 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โดยนัดแนะให้รู้จักในร้านอาหาร เพื่อนเราเป็นคนคุยเก่ง เพื่อนเราคนนี้เป็นคนที่คุยกับผู้ใหญ่ แล้วผู้ใหญ่จะรู้สึกชอบมาก จากการสังเกตุเห็นผู้ใหญ่หลายท่านชื่นชม หลังจากพูดคุยแนะนำให้รู้จักกันเสร็จเราก็รู้สึกดีด้วย ที่แนะนำให้ทั้งสองรู้จักกัน เนื่องจากท่านมีธุรกิจ และอะไรหลาย ๆ อย่างที่เพื่อนเรามีประสบการณ์อยู่ จะได้ประสานงานกันได้ ส่วนท่านก็ให้คำแนะนำทั้งเราและเพื่อนได้ดี จนเราคิดว่าเราโชคดีมากที่เราได้เจอคนดี ๆ อย่างนี้ ให้โดยไม่คิดผลประโยชน์ตอบแทน ท่านมีบ้านมีลูกอยู่ต่างประเทศ ลูกท่านใช้ชีวิตต่างประเทศ ตั้งแต่เกิด กระทั่ง จบดร.ที่ต่างประเทศและมีครอบครัวที่โน่น ไม่คิดกลับมาอยู่เมืองไทยแล้ว เราก็ปฏิบัติตัวตามปกติรู้ว่าชีวิต ท่านเคยลำบากมาก่อน ต้องเก็บผักขายส่งตัวเองเรียน และเรียนได้เกีรยตินิยมและได้ทุนเรียนต่อในที่สุด หลังจากนั้นท่านก็ได้ช่วยเหลือบ้างเรื่องเงิน แต่ไม่มากนัก เราไม่คิดเอากับท่าน เนื่องจากเราก็ได้ทำงานแล้วเช่นกัน มีช่วงหนึ่งที่ท่านยื่นมือเข้าช่วยและเรารับด้วย ความคิดว่าสักวันเราจะนำเงินก้อนนี้คืนท่าน หากได้ทำงานแล้ว ซึ่งตอนนั้นเรียนก็ใช้เงินมาก ท่านช่วยเรามาแสนบาท และซื้อข้าวของให้บ้าง แต่ไม่บ่อยนัก ให้โดยไม่คิดอะไรตอบแทนท่านเอ็นดูเรามากกว่า เดี๋ยวต่อนะคะ ลืมเล่าเรื่องเพื่อน จากคุณ : เจ้าของกระทู้ - [ 28 ส.ค. 48 16:43:08 A:202.41.179.225 X: TicketID:079747 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เพื่อนเราเห็นเราได้ทำงานและเรียนต่อจนจบปริญญาตรีเทียบเท่าพวกเค้าแล้ว เค้าแทนที่จะดีใจ เค้ากลับมองเราว่าเรา เอาตัวเข้าแลก กับปริญญา เราเสียใจมาก เราไปเยี่ยมบ้าน ชาวบ้านก็มองว่า ได้ผัวแล้วรู้สึกว่าสวยขึ้นนะ (หาว่าเรากับท่านมีอะไรกัน ) ได้ดีก็เพราะเค้าช่วยเหลือหรอก เพื่อนคนนี้ พอทราบว่าท่านให้เราอาศัยบ้านท่านอยู่ ทำการค้า ก็ว่าเราว่าเค้าช่วยเหลือหรอก ถึงได้มีทุกวันนี้ พอเราพูดถึงหนุ่มที่มาจีบก็ว่า จะเอาทำไมอีก ผัวก็มีแล้ว เราอดทนกับคำพูด ที่เสียดแทงมาก ๆ มีอันหนึ่งแล้ว ก็อยากได้ อีกอันหนึ่งเหรอ เราบอกว่าเราไม่มีอะไรกับท่านนะ พวกเพื่อน ๆ ไม่เชื่อหาว่าเราเห็นว่าเค้ารวย อยากได้ทรัพย์ สมบัติเค้า ว่าไปโน่น ทำเพื่อผลประโยชน์ ไม่ได้จริงจังอะไร พาลไม่คบกับเรา ทั้ง หญิงและชายพากันเกลียดเรา หาว่าเราต้องการความสะบาย และปั้นเรื่องเราไปบอกท่าน ว่าอย่าไปช่วยเหลือเค้านะ คนนี้น่ะ เค้าน่ะแกล้งจน พ่อแม่เค้ารวยจะตายไป ที่ดิน ที่ไร่มากมาย อย่าสนับสนุนเค้า คนประเภทนี้ เรามานั่งคิดว่าทำไมเพื่อนเราถึงได้พูดไม่จริงเหล่านี้ให้ท่านฟัง ท่านเรียกเรามาวันหนึ่งท่านบอกว่าเพื่อนพูดให้ฟังว่าเรานะฐานะดี ท่านตั้งใจจะช่วยผู้ที่ด้อยโอกาศ แต่เราไม่ใช่ ฐานะทางบ้านเราดี นี่ ทำไมต้องหลอกท่าน เราอึ้งทำไมเพื่อนเราถึงได้ทำกับเราเช่นนี้ ทำกับเราที่บ้าน แล้วยังจะมาทำลายเราอีกเหรอ เราเป็นเด็กโกหกงั้นหรือ เราบอกท่านว่าให้เราชี้แจงได้มั้ย เราก็เล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบว่าหากหนูรวย หนูก็คงได้เรียนแล้ว ไม่ต้องมาลำบากอย่างนี้ ท่านก็นิ่ง เราจึงบอกท่านไปว่า เวลามันจะพิสุทธิ์ หนูจะตอบแทนที่ท่านได้กรุณาช่วยเหลือ ให้ที่พักอาศัย ส่งหนูให้เรียนจนจบ หนูจะตอบแทนหากท่านแก่ตัวมา ท่านก็นิ่งเฉยและเปลี่ยนเรื่องคุย เราจึงเกิดคำถามกับเพื่อนคนนี้ดังนี้ค่ะ 1.เพื่อนเราคิดอย่างไรคะ เค้าอิจฉาเราหรือเปล่า เนื่องจากตอนนี้เราทำธุรกิจ ด้วยเงินก้อนแรกเพียง แสนบาทและงอกมาเป็นตอนนี้เกือบล้าน 2.ถามเค้าว่าทำไมต้องพูดแบบนี้กับท่าน เค้าบอกไม่ได้พูด และไม่รู้เรื่องด้วย เค้าโกหกหรือเปล่า 3.เพื่อนแบบนี้สมควรหรือไม่ที่จะคบหา 4.เค้าพูดทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเค้าที่ดี ๆทั้งนั้นไม่ว่าเรื่องเรียน เรื่องทำงาน หรืออุปนิสัยให้ท่านฟังแต่กับเราเค้าอ้างว่าไม่ค่อยได้รู้จักนิสัยใจคอเค้า ว่าเค้าเป็นคนอย่างไรคะ 5.เค้าเคยมาที่บ้านพักเราและเคยคิดจะปล้ำเรา แต่ไม่สำเร็จเราวิ่งออกมาก นอกห้อง ก่อนตั้ง 2 ครั้ง เรื่องนี้เราเก็บเป็นความลับตลอด โดยไม่ได้พูดให้ใครฟังเลย เค้าดูถูกเรามากใช่มั้ยคะ เพื่อนกันมีบ้างมั้ยคะที่กระทำกันแบบนี้ จากคุณ : เจ้าของกระทู้ - [ 28 ส.ค. 48 17:17:02 A:202.41.179.225 X: TicketID:079747 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เลิกคบไปเถอค่ะคนแบบนี้ ไม่ต้องไปคุยหรือเสวนาด้วย เสียเวลา เปลืองน้ำลาย และเสียจิตใจกันเปล่าๆ คุณไม่จำเป็นต้องแคร์ เพราะที่คุณมีอยู่ทุกวันนี้เพราะตัวคุณเอง จากคุณ : ....... - [ 28 ส.ค. 48 17:25:23 A:61.90.112.90 X: TicketID:101084 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เลิกคบค่ะ จะเสียเวลาทำไม คุณอยู่มาได้ทุกวันนี้ก็เพราะตัวเอง คนเรามันอิจฉาเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว คุณเคยแย่กว่าเค้าแล้ววันนึงคุณดีกว่าเค้าก็รับไม่ได้เป็นธรรมดา เคยได้ยินไหมคะ ถ้าคิดอยู่เป็นคนต้องอยู่ให้คนอิจฉา อย่าอยู่ให้คนเขาสมน้ำหน้า เอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : ถั่วหวาน - [ 28 ส.ค. 48 17:34:16 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตอนนี้มีหนุ่มมาจีบก็คบไป 2 ปีจะเข้าปีที่ 3 เค้าก็อยากไปเที่ยวที่บ้านเรา เราก็บ่ายเบี่ยงอ้างไม่พร้อม เนื่องจาก กลัวชาวบ้านเค้าจะนินทาเอา ก็ปรึกษาเค้าเค้าพูดออกมาให้เจ็บใจมาก ว่า อยากได้หลายอันจริงนะ อันเดียวมันไม่พอเหรอ มักมากจริง ๆ เราร้องไห้เลยนึกไม่ถึงกับคำพูดที่เจ็บแสบ อีกทั้งกลับบ้านทีไร ชาวบ้านก็ถามเรื่อยว่า ไม่พาผัวมาด้วยเหรอ ผัวแกน่ะ ใคร ๆก็ว่าแก่กันทั้งนั้น อายุเท่าไรหล่ะ เราว่าจะทำอย่างไรที่จะเปลี่ยนความคิดพวกชาวบ้าน ดีคะ เราอายเค้าเหลือเกิน จากคุณ : เจ้าของกระทู้ - [ 28 ส.ค. 48 17:37:24 A:202.41.179.225 X: TicketID:079747 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เพื่อนคุณเขาอิจฉาครับ     นิสัยคนไท่ยส่วนมากขี้อิจฉา   เลิกคบครับ  อยู่ห่างๆไว้ จากคุณ : ส้มน้ำตาล - [ 28 ส.ค. 48 19:25:42 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อย่าสนใจเลยครับ เลิกคบเพื่อนคนนั้น เเละไม่ต้องสนใจปากชาวบ้าน กาลเวลาจะพิสูจน์ ว่าคุณเป็นคนยังไง สนใจเเต่ความรู้สึกของ พ่อ เเม่ หรือคนในครอบครัวเราก็พอครับ คุณมีดีกว่าเขานะ เขาถึงได้อิจฉาคุณ เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : Antique - [ 28 ส.ค. 48 19:27:29 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เราว่าคุณน่ะคงเลิกคบไม่ได้หรอก เพราะคนบ้านเดียวกันใช่ไหม แต่วาคบห่างๆแล้วกันค่ะ ถ้าคุณพอตั้งตัวได้แล้ว คุณไม่ต้องให้ผู้ใหญ่ช่วยเหลือเรื่องเงินได้ไหม เพราะว่าหากคนอื่นรู้ว่ามีคนอายุมากช่วยเหลือเงินเรื่องเงินทอง ยังไงก็คนคิดว่าคุณมีคนเลี้ยงน่ะค่ะ ส่วนหนุ่มที่คบมา 2 ปีจะ 3 ปี ไว้ตอนที่จะหมั้นหมายแล้วค่อยพาไปให้ที่บ้านรู้จักก็ได้ค่ะ จากคุณ : la-la-bell - [ 28 ส.ค. 48 21:52:27 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ใช่ค่ะคนในหมู่บ้านเดียวกัน เล่นอาบน้ำคลองมาด้วยกัน เล่นขายข้าวแกงมาด้วยกัน ทั้งหญิงและชายรวมกลุ่มก็ 5 คน ทั้งหมดแอนตี้ เราหมดเลย โดยพวกเค้า ก็ยังคบหากันตามปกติ กับเราเค้าไม่อยากคุยด้วย เพื่อนหญิงก็ใช่ย่อย ตอนเราเรียนก็ว่า "หงอกเต็มหัวยังอยากจะไปนั่งเรียนอีก " ทุกวันนี้ เวลามีงานบุญที่ในหมู่บ้านเราก็ต้องเก็บตัวเงียบไม่อยากเจอพวกเค้า เนื่องจากหากเราอยู่ตรงนั้นจะไม่มี พวกเค้าอยู่ตรงนั้นเลย ทำให้เราคิดว่าทำไมจิตใจพวกเค้าคับแคบจัง แม่เราก็สังเกตุพฤติกรรมเราเหมือนกัน เค้าว่าทำไมพวกเค้า ไม่เคยมาชวนแกไป เที่ยว ไม่เห็นพวกเค้ามาบ้านเราเลยนะ แม้งานที่บ้านมีก็ไม่มากัน เกิดทะเลาะกันเหรอ เราเงียบบอกแม่ ว่า ไม่มีอะไรหรอกแม่ เค้าไม่อยากมาก็ไม่เห็นเป็นไรเลย แม่ว่าเค้าไม่เคยถามแม่เลยนะ ว่าแกเป็นไง มาบ้านหรือเปล่า เห็นแม่เค้าก็ทัก แต่ไม่ถามเรื่องแกเลย เราอยากเล่าให้ฟัง แต่ก็ไม่หรอกเดี๋ยว ผู้ใหญ่เค้าจะไม่สบายเปล่า ๆ เรื่องเงินเราก็ไม่ได้พึ่งท่านแล้วจะมี ก็ล่าสุด เป็นการกู้โดยให้ดอกเบี้ยแก่ท่าน เราก็ยืมท่านมีสัญญากู้ยืม แสนเดียว นอกนั้น เราก็อาศัยยืมจากบัตรเครดิตบ้าง หากหมุนไม่ทันจริง ๆ( เนื่องจากขายให้ราชการ เงินจะช้า ) และ ตอนนี้กิจการขยายไปมาก เราก็อาศัยกู้แบงค์ โดยให้อาจารย์ที่ตอนเรียนอยู่เป็นผู้ค้ำประกันให้ แต่ที่อยู่อาศัยก็ยังเป็นของท่านอยู่ เราคิดว่าวันหนึ่งเราก็คงจะขอซื้อต่อจากท่าน ท่านอยากเห็นเราประสบความสำเร็จทุก ๆ ด้าน ท่านบอกเรามาอย่างนี้ สิ่งหนึ่งเราจะลืมท่านไม่ได้คือ ตอบแทนพระคุณ ซึ่งตอนนี้ท่านอายุ มากแล้ว 70 กว่าปีแล้วค่ะ จากคุณ : เจ้าของกระทู้ - [ 29 ส.ค. 48 09:55:01 A:202.41.179.225 X: TicketID:079747 ]

ความคิดเห็นที่ 13 มาอีกครั้ง อยากแนะนำแนะคะ ก่อนอื่นพาตัวเองออกมาจากผู้มีพระคุณก่อน หาที่อยู่ใหม่ ไปเยี่ยมเป็นครั้งคราว ปีใหม่ วันเกิด ฯ แต่ใช้วิธีโทรไปถามไถ่ความเป็นอยู่ บ่อย ๆ  คิดว่าคุณคงมีเพื่อนใหม่ ๆ บ้าง คนไหนคบได้ก็เลือกคบไว้ เพื่อนที่บ้าน ห่าง ๆ ก็ดีแล้วค่ะ ไม่จำเป็นกับชีวิต เอาตัวเองให้พ้นจากวงจรพวกนั้น แล้วผู้ชายที่คบอยู่ถ้าเค้าพูดอย่างนั้นกับคุณก็ทบทวนใหม่คิดให้ดี จำเป็นต้องมีเค้าหรือเปล่า อย่าเข้าข้างตัวเอง  เอาใจช่วยค่ะ จากคุณ : ถั่วหวาน - [ 30 ส.ค. 48 18:48:32 ]