CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ...ข้อควรรู้เกี่ยวกับแสงแดด...

    1. ทำผิวสีแทนแบบปลอดภัย....ลืมกันไปได้เลยครับกับความคิดนี้เพราะไม่มีการทำผิวสีแทนแบบไหน
    หรอกที่ปลอดภัยจริงๆ ไม่ว่าจะโดยตรงจากแสงแดดหรือแม้จากเครื่อง Tanning Booth ก็ตามทีถึงแม้ว่าคุณจะทำแบบค่อยเป็นค่อยไปและไม่มีการไหม้ของผิว แต่อันตรายยังคงเกิดกับสุขภาพผิวของคุณอย่างเงียบๆ


         2. อันตรายอันร้ายกาจจากUVB....คุณจะได้รับอันตรายทันที ทุกครั้งเมื่อต้องแสงแดดเพราะมันจะเล่นงานกับผิวคุณได้อย่างรวดเร็วแค่ภายในนาทีแรกที่คุณเดินออกจากที่ร่ม


        3. ภัยเงียบจากUVA....รังสีUVประเภทนี้มันจะเล่นงานคุณอย่างเงียบๆโดยที่คุณไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่า
    กำลังโดนมันเล่นงานกับผิวคุณอยู่ และมันก็เป็นตัวการสำคัญของริ้วรอยและที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือโรคมะเร็ง
    ผิวหนังเลยหล่ะครับมันสามารถตามมาทำร้ายคุณได้แม้ว่าคุณจะอยู่ในอาคารเพราะUVAสามารถทะลุ
    ผ่านกระจกเข้ามาได้หากไม่มีการเคลือบสารป้องกันรังสีUVไว้


        4. วันนี้อากาศดีจังไม่มีแดดเลย....ช้าก่อนครับ! คุณกำลังมองข้ามอะไรบางอย่าง ถึงแม้ในวันนี้มีเมฆมาก และไม่มีแสงแดดแต่รู้มั้ยว่ารังสีUVตัวร้ายมันยังคงจ้องจะเล่นงานผิวคุณอยู่นะครับ


        5. แดดร้อนจังไปนั่งพักที่ร่มดีกว่า....การที่คุณนั่งหลบแดดอยู่ในที่ร่ม มันช่วยคุณให้พ้นจากอันตรายจากแสงแดดได้บ้างบางส่วน แต่ทว่าสิ่งที่อยู่รอบๆตัวคุณไม่ว่าจะเป็นน้ำ พื้นซีเมนต์ หญ้า ล้วนรวมตัวกันกลั่นแกล้งคุณซะนี่ เพราะมันสามารถสะท้อนรังสีUV สู่ผิวคุณได้นะจะบอกให้


        6. ยิ่งสูงยิ่งหนาว....แน่หล่ะยิ่งอยู่ในที่สูงอากาศก็เย็นสบายกว่าข้างล่าง แต่รู้มั้ยว่ายิ่งขึ้นสูงไปเท่าไหร่คุณก็เหมือนป็นแมงเม่าวิ่งเข้ากองไฟ เพราะความสูงขึ้นไปทุกๆ 1000ฟุตความเข้มของรังสีUVจะเพิ่มขึ้น4%
       

        7. ค่า SPF มีความหมายยังไงบอกอะไรเราบ้างนะ....อ้างอิงจากองค์การอาหารและยา (USA) ค่า SPF หรือ Sunscreen Protection Factor เป็นตัวเลขที่บ่งบอกว่าคุณจะสามารถอยู่กลางแสงแดดได้นานแค่ไหนก่อนที่
    ผิวคุณจะถูกเผาซะก่อน มีวิธีคำนวณง่ายๆว่า ผลิตภัณฑ์กันแดดตามค่าSPF ต่างๆสามารถยืดเวลาให้คุณอยู่
    กลางแดดได้นานเท่าไหร่โดยที่ผิวคุณไม่ไหม้ คือ (เวลาปกติที่คุณสามารถโดนแดดได้ก่อนจะเริ่มรู้สึกแสบ-
    นาที) x (ค่า SPF) ยกตัวอย่างเช่นปกติคุณสามรถอยู่กลางแสงแดดได้ 10นาทีก่อนจะรู้สึกแสบผิว ถ้าคุณใช้ครีมกันแดดที่มีค่าSPF15 นั้นแสดงว่าคุณสามารถอยู่กลางแดดเพิ่มขึ้นได้เป็นเวลา = 10 x 15 = 150 นาทีหรือประมาณ 2ชั่วโมงครึ่งนั้นเอง แต่ถ้าคุณว่ายน้ำหรือทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออกเยอะ คุณต้องใช้ผลิตภัณฑ์กันแดดแบบที่เป็นแบบ water-resistant ซึ่งจะปกป้องคุณได้ประมาณ 40-80นาที ก่อนที่คุณจะต้องทาซ้ำเพื่อรักษาระดับการป้องกันไว้


        8. ครีมกันแดดที่ดีก็ต้องมีค่าSPFสูงๆหน่ะซิ....จริงๆแล้วค่าSPF มีความสำคัญก็จริง แต่มันก็เป็นแค่ตัววัดที่บ่งบอกว่ามันกันรังสี UVB ได้เท่าไหร่ แต่อย่าลืมว่าคุณยังมี UVAภัยร้ายในเงามืดอีกตัวนะ ฉะนั้นคุณ
    อย่าชะล้าใจไปหล่ะว่าคุณทาครีมกันแดดแล้วคุณจะปลอดภัยจากแสงแดดถ้าครีมกันแดดนั้นไม่มีส่วนผสมที่
    สามารถกันรังสีได้ครบทุกช่วงระยะคลื่น (Full Spectrum Coverage) แล้วที่สำคัญมันไม่มีตัวเลขบอกคุณ
    หรอกว่าผลิตภัณฑ์นั้นๆ กันUVAหรือกันได้ครบหรือไม่ คุณต้องสังเกตุเอาจากส่วนผสมที่ออกฤทธิ์หรือ
    Active Ingredients (ย้ำว่าต้องเป็น Active Ingredients นะ ไม่งั้นไม่นับ) ว่ามีส่วนผสมต่อไปนี้ตัวใดตัวหนึ่งอยู่หรือไม่
    - Zinc Oxide
    - Titanium Dioxide
    - Avobenzone (หรือ Parsol 1789 หรือ Butyl Methoxydibenzoylmethane)
    - Mexoryl SX
    - Tinosorb
    มีสารบางตัวเช่น Oxybenzone (หรือ Benzophenone-3) ที่สามารถดูดซับรังสี UVAได้บ้าง แต่ไม่
    ดีเหมือนสารต่างๆที่บอกมาข้างต้น ฉะนั้นทุกครั้งก่อนซื้อครีมกันแดดก็ควรจะต้องดูส่วนผสมด้วยทุกครั้งไม่
    เฉพาะค่าSPF นะครับ
     

        9. มองลึกเข้าไปอีกนิดกับ UVA และUVB...อ้างอิงจากองค์การอาการและยา (USA) รังสีUVA จะอยู่ในช่วงคลื่น 315-400 นาโนเมตร และรังสีUVB จะอยู่ในช่วงคลื่น 280-315 นาโนเมตร ทีนี้มาดูกันว่าสารที่ออกฤทธิ์กันแดดแต่ละตัวทำงานได้ในช่วงความคลื่นเท่าไหร่กันบ้างนะครับ
    - Padimate O, 290-315 นาโนเมตร
    - Benzophenones, 250-350 นาโนเมตร
    - Octyl methoxycinnamate, 290-320 นาโนเมตร
    - Avobenzone, 320-400 นาโนเมตร
    - Oxybenzone 270 to 350 นาโนเมตร
    - Titanium dioxide, 290-700 นาโนเมตร
    - Zinc oxide, 290-700 นาโนเมตร
     

        10. ครีมกันแดดแบบกันน้ำ....ไม่มีครีมกันแดดไหนที่กันน้ำได้จริงๆหรอก องค์การอาหารและยาของสหรัฐได้ออกกฏระเบียบห้ามใช้คำว่า Water Proof กับผลิตภัณฑ์กันแดด แต่ให้ใช้คำว่า Water Resistant แทนซึ่งหมายความว่าคุณต้องทามันซ้ำหากคุณว่ายน้ำ หรือมีกิจกรรมที่มีเหงื่อออกเยอะ คุณต้องทาครีมกันแดด
    ประเภทนี้ซื้อทุกๆ 40นาที หรืออาจจะ 80นาทีในกรณีที่ครีมกันแดดนั้นระบุว่า Very Water-Resistant
       

        11. ครีมกันแดดยิ่งมีค่าSPFยิ่งสูงก็ดีหน่ะซิ....แต่ความจริงแล้วครีมที่มีค่า SPF 2 สามารถกันUVBได้ 50%
    ส่วน SPF 10 สามารถกรองUVBออกไปได้ 85% ในขณะที่ SPF 15 สามารถต้านUVBได้ 95% และSPF 30
    สามารถต้านUVBได้ 97% ส่วนระดับค่าSPFที่มากกว่า30 ไม่ได้ช่วยป้องกันคุณจากรังสีUVBได้มากขึ้นแต่อย่างใด แต่มันแค่ทำให้คุณอยู่กลางแดดได้นานมากขึ้นไปอีกโดยที่ผิวไม่ไหม้ก็แค่นั้นเอง กล่าวคือแม้ว่าครีมกันแดดจะมีค่าSPFซัก50 แต่มันก็ยังมี UV อีก3% ที่สามารถผ่านเข้าไปทำร้ายผิวคุณได้ (กำลังจะมีกฎ
    ระเบียบใหม่ที่ยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการขององค์การอาหารและยาของสหรัฐ ระบุไว้ว่าจะไม่อนุญาติให้ระบุค่าSPF มากกว่า SPF30+) นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมทั้งๆที่คุณทาครีมกันแดดไว้อย่างหนาแล้วก็ตามแต่
    ผิวคุณก็ยังคล้ำขึ้นอยู่ดี


        12. เวลาที่เหมาะสมในการทาครีมกันแดด....คุณควรจะทาครีมกันแดดประมาณ15-20นาทีก่อนที่คุณจะ
    ต้องไปเผชิญกับแสงแดดเพื่อที่จะให้ครีมกันแดดนั้นมีเวลาซึมและกระจายตัวในผิวคุณซะก่อน
       

        13. งก!!! ครีมกันแดด....อย่างกครีมกันแดดกันเลยนะครับ มีรายงานจากนักวิชาการด้านโรคผิวหนังว่ามี
    คนจำนวนไม่น้อยทาครีมกันแดดในปริมาณแค่50%ของปริมาณที่แนะนำ นั่นเท่ากับว่าคนเหล่านั้นได้รับการปกป้องจากแสงแดดแค่ครึ่งหนึ่งของค่าSPF ที่ระบุไว้  นี่ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่จะพูดได้ว่า ครีมกันแดดราคา
    แพงนั้นที่จริงแล้วอันตรายยิ่งนัก เพราะผู้ใช้มักจะเสียดายที่จะทาครีมกันแดดในปริมาณมาก กลัวสิ้นเปลืองฉะนั้นเราไม่จำเป็นต้องใช้ครีมกันแดดที่มีราคาแพง เพราะเท่ากับว่าเรากำลังทำร้ายผิวทางอ้อมโดนไม่รู้ตัว
    อย่าเสียดายโดยใช่เหตุเลยครับ ไม่งั้นเราก็แค่หาครีมกันแดดที่ไม่แพงนักแต่มีส่วนผสมที่กันได้ครบทั้ง UVA และ UVB แล้วเราสามารถทาได้ในปริมาณเยอะอย่างสบายใจสบายกระเป๋าน่าจะดีกว่านะครับ


        14. AHA, BHA, Retin-A, Renova, Differin....ผู้ที่ใช้สิ่งเหล่านี้หรือสารประกอบวิตามิน A (Retinoid)อย่างอื่น รู้มั้ยครับว่าสารเหล่านี้มันจะทำให้ผิวคุณไวต่อแสงแดดมากขึ้น เพราะสารเหล่านี้จะไปผลัดเอา
    เซลล์ผิวชั้นบนออกคุณจึงมีโอกาสเสี่ยงจากภัยร้ายของแสงแดดมากกว่าคนอื่น แม้จะโดนแดดเพียงเล็กน้อยแต่อย่าเพิ่งตกใจเพราะมันก็จะไม่เป็นปัญหากับคุณ ถ้าคุณรู้จักเลือกและใช้ครีมกันแดดอย่างฉลาดและถูกต้อง


        15. 1+1 = 2 ....แน่หล่ะหนึ่งบวกหนึ่งก็เท่ากับสอง แต่คุณอย่ามามั่วนิ่มใช้หลักคณิตศาสตร์นี้กับครีมกัน
    แดดหล่ะ ไม่ใช่ว่าคุณทาครีมตัวนึงมีค่าSPF8 อีกตัว SPF15 แล้วจะกลายเป็นว่าคุณจะได้รับการปกป้องใน
    ระดับ SPF23 ฉะนั้นถ้าคุณต้องที่จะได้รับการปกป้องจากค่าSPF 30 ก็ควรจะใช้ครีมตัวเดียวที่มีค่าSPF 30 ไปเลยจะดีกว่า


        16. แย่แล้ว!!! ผิวไหม้จากการโดนแดด....แน่นอนครับแย่จริงๆ แต่คุณรู้มั้ยว่าอาการผิวไหม้แดดจะยังคง
    เกิดขึ้นอีกนาน 12-24 ชม.หลังจากอาการไหม้ในครั้งแรก แล้วคุณจะทำยังไงดีหล่ะเพื่อบรรเทาอาการผิว
    ไหม้แดดก่อนอื่นขอบอกไว้เลยว่าการเอาครีมพวกMoisturizer ทั่วๆไปมาโป๊ะทาที่ผิวอย่างหนาเตอะนั้น
    นอกจากจะไม่ช่วยคุณแล้ว มันกลับจะทำให้อาการคุณเป็นหนักขึ้น เพราะมันจะไปกักเอาความร้อนที่ผิว
    ไว้ทำให้อาการไหม้รุนแรงขึ้นกว่าเดิม แต่สิ่งที่ควรทำก็คือให้รีบเอาน้ำเย็น (แต่ไม่ใช่เย็นจัดหรือน้ำแข็ง
    เพราะถ้าคุณขืนเอาน้ำแข็งไปประคบตรงผิวโดยตรงหล่ะก็มันก็จะกลายเป็นการไหม้อย่างอื่น ทีนี้ยิ่งแย่เข้าไปอีก) หรือจะให้ดีก็ว่านหางจระเข้มาโป๊ะไว้ที่ผิวบริเวณนั้น ทำซ้ำไปซ้ำมาหลายๆครั้ง ซัก2-3 ชั่วโมง และ
    คุณอาจจะต้องได้รับยาที่ลดการอักเสบจากแผลไหม้ เช้น Aspirin แต่ถ้าคุณไม่แน่ใจก็ควรจะปรึกษาแพทย์
    น่าจะดีที่สุด


        17. แย่จัง ผิวแพ้ง่าย....หากคุณมีผิวแพ่ง่าย หรือกำลังเลือกซื้อครีมกันแดดให้เด็กๆ เพื่อป้องกันการแพ้
    สำหรับผิวบอบบางแต่ก็ยังสามารถกันแดดได้ครบ คุณควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มี Titanium dioxide และ/หรือ
    Zinc oxide เป็นActive Ingredients เพราะสารเหล่านี้ไม่ได้เป็นสารเคมีและจะทำให้ผิวระคายเคืองน้อยที่
    สุดในบรรดาสารออกฤทธ์ตัวอื่นๆ


    ....Q & A ในการทาครีมกันแดด....

        Q...เราควรจะทาครีมกันแดดในขั้นตอนไหนดีของการบำรุงผิวประจำวัน
        A...หลักการง่ายๆ ของการทาครีมกันแดดก็คือควรจะทาเป็นตัวสุดท้ายหลังจากที่คุณทาครีมบำรุงต่างๆ
    เรียบร้อยแล้ว แต่หากคุณทาครีมกันแดดก่อนแล้วตามด้วยMoisturizer หรือครีมแต้มสิว นั่นเท่ากับว่าคุณได้
    ลดประสิทธิภาพของครีมกันแดดของคุณไปแล้วโดยไม่รู้ตัว
     
        Q...แล้วการทารองพื้นที่ไม่ผสมสารกันแดดหล่ะ
        A...หากรองพื้นของคุณเป็นแบบบางเบา แบบน้ำ แบบTinted หรือแบบMoisturizer (ที่ไม่ผสมสารกันแดด)
    การที่คุณทารองพื้นเหล่านี้หลังครีมกันแดดมันก็เป็นไปได้ว่าประสิทธิภาพของครีมกันแดดก็จะลดลงด้วย
    แต่อย่างไรก็ตามถ้าคุณใช้รองพื้นแบบทั่วไป แบบ cream to powder แบบครีม หรือแบบแป้งอัดแข็งผสมรอง
    พื้นและคุณลงรองพื้นเหล่านี้อย่างเบามือและไม่ไปถูกับผิวมากนัก มันก็มีโอกาสน้อยหรือแทบจะไม่มีเลย
    ที่ครีมกันแดดที่คุณทาไปนั้นจะถูกลดประสิทธิภาพลง
       
        Q...ถ้าใช้รองพื้นที่ผสมสารกันแดดโดยไม่ใช้ครีมกันแดดหล่ะ
    A...มีเทคนิคอยู่ที่คุณต้องทารองพื้นเหล่านั้นอย่างทั่วถึงและในปริมาณที่มากพอ ถ้าคุณทาเพียงบางๆ คุณก็จะไม่ได้รับการปกป้องจากแสงแดดได้เต็มที่เท่ากับที่ระบุไว้ที่ผลิตภัณฑ์ และอย่าลืมทาครีมกันแดด(ไม่ใช่
    รองพื้น)ที่คอและบริเวณโดนแดดอื่นๆ ด้วยนะครับ

        Q...แล้วเราจะใช้แค่แแป้งที่มีค่าSPFระบุอยู่ด้วยได้หรือเปล่า
    A...เป็นไปได้อยากที่การทาแป้งที่มีค่าSPFด้วยจะช่วยปกป้องใบหน้าคุณจากแสงแดด เพราะไม่มีทางที่คุณจะทามันได้ทั่วถึงทั้งใบหน้า แต่การใช้แป้งผสมสารกันแดดจะเหมาะมากว่าสำหรับการเติมระหว่างวัน
    เพื่อช่วยเพิ่มหรือรักษาระดับของประสิทธิภาพในการกันแดดเอาไว้

        Q...ครีมกันแดดสำหรับผิวมัน
        A...การหาครีมกันแดดซักตัวที่เหมาะกับผิวมันนั้นยากมาก เพราะส่วนผสมบางตัวที่ใช้ในครีมกันแดด
    นั้นมันไม่ดีกับคนผิวมันเลย และตัวครีมกันแดดเองก็สามารถทำให้ระคายเคือง หรือแม้กระทั้ง Titanium
    dioxide และ Zinc oxide เองก็สามารถไอุดตันตามรูขุมขนได้เช่นกัน แล้วจะทำอย่างไรหล่ะ คำตอบที่ดีที่สุด
    คือ "ทดลอง" เรายังคงต้องหาครีมกันแดดและทดลองใช้เองจริงๆ จึงจะรู้ว่ามันดีกับผิวของเราหรือไม่


    อ้างอิงข้อมูลจาก www.cosmeticscop.com
    แปลและเรียบเรียงใหม่โดย...อ้วนท้วน...


    ...อ้วนท้วน...
    \(^o^)//

    จากคุณ : MyLoveMyBabe - [ 30 ก.ย. 48 13:04:53 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป