ที่เราเคยตั้งกระทู้ไว้ที่นี่ค่ะ
http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L3789630/L3789630.html
(ใครมีล็อกอินช่วยทำลิงค์ให้หน่อยนะคะ)
แล้วการตัดสินใจและความอดทนของเรามันก็สัมฤทธิ์ผลค่ะ เค้าขอเราแต่งงาน
พอเราออนไลน์ (หลังจากที่หายตัวไป 2 วันอย่างไร้ร่องรอย) เค้าก็เลยส่งข้อความมาถาม
ว่าเป็นอะไรหรือเปล่าเป็นห่วง นึกว่ามีอะไรเกิดขึ้น เราก็ยังแบบ อารมณ์ผู้หญิงน่ะ
อะไรเนี่ย เธอยังไม่รู้อีกเหรอ ว่าชั้นรอมาจะ 2 ปี อาจจะถึงเวลาที่ควรจะเลิกรอแล้ว
เราก็เลยแบบ..ถามคำตอบคำ (ก็ยังใจอ่อนคุยด้วยอยู่ดี แต่ไม่คุยเล่นปรกติเหมือนทุกที)
แล้วอยู่ดี ๆ เค้าขอแต่งงานค่ะ (!??)
เค้าบอกว่าเมื่อก่อนเค้าก็ไม่คิดจริง ๆ เรื่องแต่งงาน เพราะอยู่ตัวคนเดียวมานานแล้ว
ก็ไม่เห็นมันจะเป็นอะไร เค้าอยู่ได้ แต่มาตอนนี้มันไม่เหมือนเดิมแล้ว พอเราหายไป
เค้าก็รู้สึกเฉา ๆ คือเราเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของกันและกันไปแล้วน่ะ พอคนนึงหายไป
มันก็จะแบบ เฮ่ย ชักไม่ดีแฮะ เค้าก็เลยเริ่มคิด แล้วก็เลยรู้ว่า เค้าอยู่คนเดียวได้ก็จริง
แต่ในที่สุดแล้วอยากอยู่กับเรามากกว่า แล้วที่ผ่าน ๆ มาที่เลิกกันไป ไม่ใช่เค้าไม่คิด
เค้าก็คิดมาตลอดเหมือนกันว่าเค้าอยากใช้ชีวิตร่วมกันเราหรือเปล่า คำตอบก็คือใช่
(หลังจากไปคิดมาเกือบ 2 ปีน่ะ!!)
เราก็อึ้ง ๆ ปนโล่งใจแล้วก็ดีใจค่ะ ที่เค้าตัดสินใจซะที ดีใจที่รอ
หลังจากอุปสรรคล้านแปดที่ฝ่าฟันมาเกือบ 2 ปี (ไม่รวมอีก 2 ปีตอนที่เป็นแฟนกัน)
เพราะตอนที่เราเลิกกัน ดิฉันวีนแตกสุด ๆ ค่ะ ว่าเราทำอะไรผิด
แค่อยู่ไกลกันแค่นี้เค้ายอมแพ้ง่าย ๆ เลยเหรอ ชั้นผิดตรงไหน ฯลฯ
แต่เราก็มั่นใจว่ารักคนนี้อ่ะค่ะ เลยยังรอ ทำทุกอย่างให้เค้าเห็นว่าเราอ่ะรอได้ ลำบากแค่ไหน
เราก็รับได้ โดยที่ไม่ได้ไปกดดันเค้า หรือ ทำให้มันดราม่าเกินเหตุ คือเรียกว่ายังไงดีล่ะ
เรา เสมอต้นเสมอปลาย น่ะค่ะ คือเมื่อก่อนตอนที่เป็นแฟน ดูแลเค้ายังไง เลิกกันแล้วเราก็
ยังดูแลเค้าอยู่เหมือนเดิม ถึงจะห่างกันก็ตาม อย่างเช่น ส่งการ์ดไปให้ ส่งหนังสือภาษาไทย
ไปให้ (เค้าเรียนภาษาไทยด้วยตัวเองค่ะ) เตือนเค้าเวลาใกล้ ๆ วันเกิดเพื่อนหรือญาติสนิท
(เราจดไว้หมดอ่ะค่ะ บางคนเราก็จำได้)
แต่เราก็ไม่ได้ปิดตัวเองนะคะ เรายังคงไปเที่ยว ตะลอน ๆ ต่างจังหวัดของเราอยู่คนเดียว บางทีก็ไปทะเลเฮฮากับเพื่อน แต่กับเค้าเรายังเหมือนเดิม ไม่ได้อยากเอาชนะ
แต่ใจมันไปหาคนอื่นไม่ได้แล้ว แต่ก็เรียกได้ว่า"ยอม"ที่จะถอยออกมาจากเค้า 2-3 ก้าว
แต่ก็ดูอยู่ห่าง ๆ ให้เวลาเค้าไปเลยอย่างที่เค้าต้องการ (แต่พอถึงจุด ๆ นึงแล้วเราก็ต้อง
เตรียมตัวหันหลังเดินจากไปจริง ๆ เหมือนกัน ตรงนี้แหละวัดใจ เพราะถ้าเราไปแล้วเค้าไม่รั้ง
ก็คือต้องตัดใจไปเลย ซึ่งก็ดีเหมือนกัน เสียใจมากหน่อยแต่ไม่ต้องทนช้ำใจตลอดไป)
แต่กรณีของเราเราโชคดีค่ะ ที่ในที่สุดเค้าก็บอกว่าเค้าเลือกที่จะอยู่กับเรา...
ไม่ใช่เพราะหาคนอื่นไม่ได้ ไม่ใช่เพราะรักหลงหรืออะไร แต่คบกันมานาน มันผูกพันธ์
กันไปแล้ว มันมากกว่าคำว่าแฟนจริง ๆ เราเพิ่งเข้าใจคำว่า อย่าแต่งกับคนที่เราอยู่ด้วยได้
แต่แต่งกับคนที่เราอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเค้า นั่นเป็นเหตุผลที่เรารอให้เค้าคิดตั้งเกือบ 2 ปี
แล้วเราก็ไม่เคยเสียใจ (ถึงแม้ว่าถ้าเค้าจะเลือกที่จะไปก็ตาม)
แล้วเค้าก็ถามว่าทำไมไปคุยกับน้องสาวเค้าเรื่องนี้ คุยกับเค้าก็ได้นี่นา เราก็บอกเค้าไปว่า
เราไม่อยากทำตัวเหมือนพยายามจับเค้าแต่งงาน เราอยากให้เค้าขอเองเมื่อเค้ารู้สึกว่า
อยากแต่งกับเราจริง ๆ ไม่ใช่แต่งเพราะเราบีบคั้นจนต้องแต่ง เราเลยคุยกับน้องสาวเค้า
เพื่อปรึกษาเฉย ๆ ค่ะ ไม่ได้บอกให้น้องเค้าไปไซโคพี่ชายให้แต่งกะเราแต่อย่างใด
เพราะถ้างั้นแต่งไปเราก็ไม่ดีใจหรอก เหมือนไปจับผู้ชายให้แต่งด้วยทั้ง ๆ ที่เค้าไม่เต็มใจ
แต่เค้าก็ยังมีแอบสับสนนะ คือเราก็ถามว่า แน่ใจเหรอ ที่ขอแต่งเนี่ย ไม่ใช่เพราะว่า
กลัวหาคนอื่นไม่ได้นะถึงได้มาขอเนี่ย..
เค้าก็บอกว่า แม้กระทั่งตอนซื้อบ้าน (เค้าเพิ่งซื้อบ้านค่ะ) ยังไม่แน่ใจเลย ตอนเข้าเรียนมหาลัย
จะเลือกคณะ ก็ยังไม่มั่นใจเลย คุณก็รู้จักผมดี ว่ามีข้อเสียตรงนี้แหละ ตั้งแต่แม่ตายไปเนี่ย
ก็ทำอะไรไม่ค่อยถูก กลัวพลาด กลัวผิดไปทุกเรื่อง
แต่เรื่องเรา เค้าบอกว่า เค้าไปนั่งคิดดูแล้ว แล้วเค้าก็มั่นใจ ถ้าเราเข้มแข็ง ไว้ใจเค้า ที่ไม่มี
อะไรจะให้นอกจากว่าจะอยู่เป็นเพื่อนเราไปจนตาย เค้าก็อยากแต่งกับเราค่ะ
เมื่อวานนี้เค้าไปบอกคุณพ่อเค้า กับน้องชายแล้วค่ะ ตื่นเต้นกันใหญ่ ทางเรายังไม่ได้บอกใคร
เพราะอยากรอให้เค้ามาที่นี่ก่อนแล้วค่อยพาไปบอกพ่อกับแม่ เพื่อนสนิทเราก็รู้แค่คนสองคน
เราถือว่าเพื่อน ๆ พี่ ๆ เป็นเพื่อนสนิทเราด้วยนะคะ เราเลยอยากมาบอกจ้ะ
เราอยากขอบคุณเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกคนที่ห้องนี้ที่ตอนนั้นที่เรามาโพสท์ปรึกษา
หลาย ๆ คนเข้ามาให้กำลังใจ บางคนก็แสดงความห่วงใยหวังดี ซึ่งเราก็ซึ้งจริง ๆ นะ
แม้ว่าเราจะไม่เคยรู้จักหน้าค่าตากัน แต่วันนั้นเราไม่มีใครจะหันไปปรึกษาได้เลยจริง ๆ
เราก็ได้กำลังใจมากมายจากพี่ ๆ เพื่อน ๆ ที่นี่ ทำให้เรามีแรงฮึดที่จะสู้ต่อ
จนวันนี้มันก็มาถึงจริง ๆ ค่ะ
โดยเฉพาะ เพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่เป็นผู้หญิงด้วยกัน เรารู้สึกว่า เออ เราเหมือนมีพี่สาว
น้องสาวให้กำลังใจ แล้วได้รู้ว่าในบางเรื่องผู้หญิงเราก็อดทนกว่าผู้ชายจริง ๆ นะ
ส่วนเพื่อน ๆ พี่ ๆ ผู้ชายก็ขอขอบคุณด้วยนะคะที่ให้เราได้เห็นมุมมองของผู้ชายด้วย
สำหรับคนที่มีปัญหาคล้าย ๆ กับเรา ไม่ว่าคนรักจะอยู่ไกล หรือปัญหาที่อีกฝ่ายสับสน หรืออะไรก็แล้วแต่ เราก็อยากเป็นกำลังใจให้ด้วยอ่ะค่ะ เพราะกว่าเราจะข้ามผ่านมันมาได้
เราเสียน้ำตาไปไม่รู้กี่ปี๊บ จวนเจียนจะเลิกเด็ดขาดอยู่ก็หลายหน แต่เราก็ไม่ถอยอะค่ะ
แล้วก็คนที่ไม่รู้ว่าเราอยู่ในฐานะอะไรสำหรับเค้า.. ทางออกเดียวคือต้องถามค่ะ ถามตรงๆ
พอถามแล้วเค้าไม่รู้ ให้ถอยห่างออกมาเลยค่ะ ตรงนี้แหละ จะรู้ใจตัวเองทั้งคู่ว่ามันจะเป็นยังไง
ต่อไป
ถึงมันจะไม่ง่ายซะทีเดียว แต่เราก็ต้อง "อดทน" อ่ะค่ะ คำเดียวจริง ๆ ถ้าแน่ใจว่ารักคนนี้จริงๆ
อีกไม่กี่เดือนเค้าจะมาเมืองไทยเพื่อคุยกับคุณพ่อคุณแม่เรา แล้วเราคงจะแต่งงานปีหน้านี้แล้วค่ะ
ก็....ไม่รู้จะพูดยังไงดีอ่ะค่ะ...แต่.."ขอบคุณ" จริง ๆ ค่ะ ขอบคุณ...
ขอบคุณและไหว้งาม ๆ อีกซักครั้ง...จากใจจริง..
จากคุณ :
คนที่รอ
- [
10 ต.ค. 48 13:04:32
A:61.90.82.254 X: TicketID:109144
]