แม้วัยรุ่นในทุกยุคทุกสมัยจะถูกมองว่าเป็นวัยสร้างปัญหา แต่หากตัดมายาคติชนิดนี้ออกไปแล้วหันมามองข้อเท็จจริงกันที่เกิดขึ้นทั่วโลก เราก็แทบจะปฏิเสธไม่ได้ว่า พัฒนาการของพฤติกรรมในหมู่วัยรุ่นได้เปลี่ยนแปลงแบบมีนัยสำคัญหากเปรียบเทียบกับหลายยุคที่ผ่านมา
ในที่นี้เรามิได้ประสงค์จะกล่าวถึงพฤติกรรมของวัยรุ่นในเชิงปัจเจกบุคคล หากแต่ตั้งใจจะกล่าวถึงพฤติกรรมของวัยรุ่นในภาพรวมในฐานะเป็นเครื่องชี้วัดหรือฉายภาพให้เห็นวัฒนธรรมของสังคมในอนาคต เพราะวัยรุ่นทั้งหลายในยุคนี้จะขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่กุมสภาพเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
เราจะปฏิเสธได้อย่างไรว่า วัยรุ่นที่เราเห็นในวันนี้ ได้ก่อให้เกิดสภาพความไม่มั่นคงในสังคมอนาคตอย่างร้ายแรงให้กับผู้ใหญ่ในรุ่นนี้ พูดง่ายๆ คือ หากลองมองตาและถามผู้ใหญ่ในวันนี้หรือให้วาดภาพสังคมในอนาคต ผู้ใหญ่ในวันนี้ล้วนแต่กังวลต่ออนาคตของสังคมที่จะมีลูกหลานของเขาใช้ชีวิตอยู่กับมันมากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป กระทั่งอาจกล่าวได้ว่า ผู้ใหญ่ในวันนี้หลายคนคงจะได้ถามตัวเองบ้างแล้วว่า เขาได้ทำอะไรไปกับสังคมหรือ? จึงทำให้วัยรุ่นทั่วโลกก่อพฤติกรรมอันน่ากังวล ซึ่งเชื่อได้เลยว่า นั่นเป็นคำถามที่ยากจะตอบได้ ภายใต้ความซับซ้อนของโลกใบนี้
แม้การจลาจลที่เกิดขึ้นทั่วฝรั่งเศส จะเกิดขึ้นจากเหตุที่มาจากสภาพการกดขี่ผู้อพยพเข้าเมืองชนิดหนึ่ง แต่ผู้ก่อการจลาจลส่วนใหญ่ล้วนเกิดขึ้นจากคนในวัยหนุ่มสาว
เด็กวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งราว 14 คนในกัมพูชา โดยสมาชิกอายุน้อยที่สุดมีวัยเพียงสิบขวบ ทำดาบซามูไรและนำออกมายกพวกทำร้ายกัน
ที่สหรัฐอเมริกา นักเรียนมัธยม ถือปืนบุกโรงเรียนเก่า ยิงครูใหญ่ ผู้ช่วยครูใหญ่ เสียชีวิต
ที่ญี่ปุ่นสุดโหด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมเด็กสาววัย 16 ปี คนหนึ่ง เนื่องจากเธอพยายามฆ่าแม่ของเธอด้วยยาเบื่อหนู พร้อมกับบรรยายสภาพของคุณแม่ที่มีร่างกายทรุดโทรมลง ผ่านทางบล็อกบนอินเตอร์เน็ต
ที่ประเทศไทย นักเรียนมหาวิทยาลัยอันดับ 1 และมหาวิทยาลัยชั้นนำภาคตะวันออก ฆ่าตัวตายเพราะอกหัก
และที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กลุ่มเยาวชน กลายเป็นกลุ่มหลักที่ก่อเหตุการณ์ความไม่สงบ
ทั้งหมดนี้เกิดในช่วง 1 สัปดาห์เท่านั้น ว่ากันแบบตรงไปตรงมา ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับเด็กไทย เลือกที่จะทำร้ายตัวเอง และอาจจะยังไม่ก้าวล่วงไปทำร้ายคนอื่น ในกรณีสามจังหวัดใต้ จะอย่างไรเราก็ต้องยอมรับว่า มีเหตุผลในเชิงคุณค่าบางประการที่ทำให้เยาวชนก่อเหตุร้ายขึ้น กระนั้นเมื่อเราแก้ปัญหาเยาวชนที่ภาคใต้ลงไปได้ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า เราจะไม่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์สังหารหรือทำร้ายผู้อื่นเพียงเพราะเขาไม่เหมือนเรา หรือเพียงเพราะเด็กไม่พอใจ
โลกจำต้องมีคำตอบต่อปรากฏการณ์เหล่านี้ และเรามิได้ปรารถนาให้กล่าวโทษไปที่เยาวชน เพราะการกล่าวโทษเช่นนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรมากไปกว่า การหลีกหนีในความผิดบาปของยุคสมัยที่มีตัวเราแต่ละคนมีส่วนร่วมอยู่ด้วย
เรามิได้ปรารถนาที่จะให้โทษสื่อ โฆษณา เกม หลักสูตรการสอน การอบรมของพ่อแม่ เพราะการแก้ปัญหาที่จำกัดเฉพาะเรื่องราวระดับนี้ ไม่ได้มีความหมายอะไรมากไปกว่า การแก้ปัญหาแบบฉาบฉวย และหลายครั้งก็กลายเป็นการทำร้ายหรือการตัดแขนขาของเด็ก
อย่างน้อยองค์กรรัฐและองค์กรโลกบาลต่างๆ น่าจะได้ศึกษาและทำความจริงให้ปรากฏว่า ปรากฏการณ์ผ่านพฤติกรรมของวัยรุ่นในยุคสมัยนี้ ไม่ได้แตกต่างไปจากวัยรุ่นในยุคก่อนๆ หรือไม่ได้มีนัยยะสำคัญอะไรที่จะชี้วัดถึงความมั่นคงในอนาคตของคนในยุคหน้า
แต่แน่ละเรามักจะเชื่อกันว่า ความรุนแรงเหล่านี้จะหมดไปเมื่อเยาวชนเหล่านี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ภายใต้วัยของเขาที่ไม่มีระบบ คุณค่า กำกับอยู่ หรือมีเพียงไม่กี่รูปแบบ จะทำให้เขาเป็นอย่างไรเมื่อเขาเติบโตไปเป็นนักธุรกิจและนักการเมือง
โลกจะมั่งคั่งด้วยการค้าเสรี มีทุนนิยมเป็นศาสนา มีโฆษณาเป็นศาสดา มีธรรมะเป็นบริโภคนิยม แต่จะเต็มไปด้วยความไม่ปลอดภัยอย่างนั้นหรือ
จากคุณ :
ต่อไปจะไปทางไหนกันดี
- [
13 พ.ย. 48 14:41:08
A:61.91.112.44 X: TicketID:111275
]