ความคิดเห็นที่ 1 โดยมาก คนที่จะเข้าใจในระดับนี้ มักจะเรียนที่เมืองนอกทั้งนั้น หรือไม่ก็อย่างคุณแอนดรูว์ การที่จะท่องให้ได้ขนาดนั้น ในเมืองไทยก็ทำได้นะ เพียงว่า ในการอ่านหนังสือนั้น มันไม่ได้ใช้คำที่ตรงตัวเหมือนที่เราเรียนกัน อย่างคำว่า plant ที่แปลว่าต้นไม้ ในบางครั้ง ก็อาจจะแปลได้ว่าโรงงานไง อ่านเยอะๆ มันน่าจะดีขึ้นบ้าง จากคุณ : ไกด์ไม่เก่า - [ 3 ธ.ค. 48 13:40:07 ]

ความคิดเห็นที่ 2 เอ่อ ...เราใช้วิธีอ่านประโยคใกล้เคียงแล้วสรุปใจความเอาค่ะ ว่าประโยคนั้นควรจะมีความหมายว่าอย่างไร เราไม่เคยไปเรียนเมืองนอก นอกจากไปเรียนภาษานิด ๆ หน่อย ๆ แต่เราอาศัยอ่านหนังสือภาษาอังกฤษเยอะ ๆ ค่ะ ตอนเรียนก็อ่านพวก Student weekly ตอนนี้ก็ซื้อหนังสือภาษาอังกฤษมาอ่านเรื่อย ๆ จากคุณ : ชาบุ - [ 3 ธ.ค. 48 13:57:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อยากจะเก่งสิ่งไหน..ก็ต้องอดทนฝึกฝนอันนั้นอ่ะคะ. ภาษาทุกภาษาวิธีเรียนก็ ฟัง..พูด..อ่าน..เขียน.. ทำบ่อย ๆ ฝึกบ่อย ๆ ถ้ากลัวยาก..ก็เริ่มง่าย ๆ ก่อน. เช่นนิทานก็อ่านของเด็ก ๆ คิดแบบเด็ก ๆ ไปก่อน.. ใช้ศัพท์ง่าย ๆ จะได้ไม่ท้อ.. ไม่มีใครเก่งมาแต่เกิดหรอกค่ะ... จากคุณ : ukako - [ 3 ธ.ค. 48 13:58:27 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่ต้องซีเรียสค่ะ การอ่านให้เข้าใจความหมายไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องจบนอกหรือมีเพื่อนเป็นฝรั่งหรือเป็นหนอนหนังสือ การอ่านให้เข้าใจนั้นคุณแค่ดูจากหัวข้อเรื่องที่อ่านกับคำรอบข้างก็จะสามารถเดาได้ว่าเนื้อหาจะเกี่ยวกับอะไร เหมือน หน.1ที่บอกว่า plant แปลได้หลายอย่างก็เป็นอีกตัวอย่างที่บอกได้ว่าคำรอบข้างสำคัญกว่าคำแปลที่เราเคยชินส่วนเรื่องการพูดก็เช่นเดียวกันค่ะถ้าอยากพูดได้เร็วๆ ก็ขยันหาพวกหนังมาดูที่เป็นซาวด์แทรค หรือฟังพวกวิทยุที่ดีเจพูดเป็นอังกฤษ บางคลื่นก็พูดทั้งไทยทั้งอังกฤษลองฟังดูอ่ะค่ะพวก 105.5 เพราะการดูหนังฟังเพลงจะทำให้เราสามารถออกสำเนียงและเสียงที่ถูกต้องได้ อย่าลืมนะคะการจะเก่งอังกฤษได้ต้องค่อยๆฝึกฝนอย่าวิตกมากเกินไปแล้วจะดีเอง จากคุณ : หมูทองน้องรัก - [ 3 ธ.ค. 48 14:11:29 A:61.91.136.204 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 ใช้มาก ๆ เข้าเดี๋ยวก็ได้เองครับ --------------------------------- หลายหนไปที่ผมอ่านไม่รู้เรื่อง อ่านไปอ่านมาเล่าเรื่อง+วิเคราะห์ได้เสร็จสรรพ จากคุณ : ตวงสิทธิ์ - [ 3 ธ.ค. 48 14:22:08 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ฝึกฝนมาเรื่อยๆ ใช้ในชีวิตประจำวัน การเรียนช่วยได้ แต่ไม่มาก ยกตัวอย่าง เราเรียนจบเอกอังกฤษมา ตอนจบใหม่ๆ พูดไม่ได้ ฟังไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจเลย แต่พอฝึกฝนเรื่อยๆ มันก็เข้าใจ เหมือนเด็กหัดพูดนะแหละค่ะ จากคุณ : Cool_Kookai - [ 3 ธ.ค. 48 14:59:53 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ฝึกฝนบ่อยๆ ใช้บ่อยๆ ทั้ง ฟัง พูด อ่าน เขียน รับรอง ต้องค่อยๆ ดีขึ้นค่ะ อย่างน้อย ถ้ารู้ศัพท์เยอะ ก็ช่วยได้เยอะค่ะ เห็นด้วยกับความเห็นข้างบนทุกอันค่ะ ไม่มีใครเก่งมาแต่เกิดนะคะ สู้ๆ นะคะ จากคุณ : noopiglet - [ 3 ธ.ค. 48 15:02:50 ]

ความคิดเห็นที่ 8 อ่านเยอะๆ จำเยอะๆค่ะ สังเกตเก่งๆด้วย ตามบทสนทนาตามหนังหรือหนังสือ บางทีก็จากคนที่เราคุยด้วยมักจะมีแพลมๆออกมาเสมอค่ะ จากคุณ : Cuddle - [ 3 ธ.ค. 48 15:26:30 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จากคำถามแยกได้สองประเด็นนะครับ 1. การอ่าน คือถ้าคุณอ่านมากๆ ศัพท์มันจะวนเวียนอยู่แต่เรื่องเดิม ใช้เวลาอ่านวันละ2-3 บทความสัก 3 เดือนคุณก็จะเข้าใจ trick นิดคือเริ่มแรกมันจะยากแล้วเราจะท้อ ลองหาเรื่องที่เรารู้เนื้อหามันอยุ่แล้ว แล้วอ่านซ้ำที่เป็นภาษาอังกฤษ รูปประโยคบางอันที่เราไม่เข้าใจเราจะพอเดาได้และคุ้นเคยไปเอง 2. การพูด ผมคิดว่าแต่ละคนมันมีรูปประโยคที่เราพูดบ่อยๆไม่มากหรอกนะครับ พอคุณชินมันก็จะพูดออกไปเองโดยอัตโนมัติได้เอง(ทั้งที่บางครั้งแค่คิดเอง)ปัญหาคือในช่วงแรกๆเราไม่มีรูปประโยคเหล่านั้นในหัวเราเลยมากกว่า trick เหมือนกัน ลองร้องเพลงดิครับ หาเนื้อเพลงมา แปลความหมายเพื่อจะได้เข้าใจว่าที่เค้าร้องเนี้ยะมีเนื้อหาอย่างไร แล้วหัดร้องตาม เปิดฟังร้องตามแบบไม่มีเนื้อ สุดท้ายเราจะร้องได้ มันจะเป้นการช่วยฝึกลิ้น และฝึกให้เราจำรูปประโยคในการที่เราจะสื่อความหมายอย่างนั้น เติมให้เรื่องการฟัง ก่อนที่จะคุณจะฟังได้ดี อย่างน้อยผมเชื่อว่าเราต้องมีพื้นฐานจาก 1+2 ก่อน เพราะบางครั้งเค้าพูดออกมาแล้วเรายังแปลมันออกมาเป็นรูปคำหรือประโยคได้มันก็คงยากที่เราจะเข้าใจว่าเค้าพูดว่าอะไร trick ครับ ถ้าข้อ 1+2 คุณดีพอแล้ว ลองดูหนังที่ชอบสักเรื่องให้เข้าใจเรื่องทั้งหมดก่อน แล้วครั้งที่สองลองดูแบบไม่มี sub ดิ คราวนี้ลองแกะดูว่าเค้าใช้รูปประโยคว่ายังไงในการเล่าเนื้อหาตอนนั้น จากคุณ : SoS (the symbol of solitude) - [ 3 ธ.ค. 48 16:29:29 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ใช้มากๆคะ แต่ถ้าขยันๆก็พอจะไหวนะคะ ส่วนมากถ้าอยากได้เร็วๆ สำเนียงเพราะ ก็ต้องไปเรียนที่นู้นหนะคะ ยังไงก็สู้ๆนะคะ จากคุณ : ไชโป๊ - [ 3 ธ.ค. 48 16:44:17 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ดิฉันพูดภาษาอังกฤษได้ดี พูดสำเนียงอเมริกัน แต่ดิฉันไม่ได้เรียนเมืองนอก ที่บ้านไม่มีปัญญาส่ง เรียนก็ไม่เก่งขนาดจะไปสอบชิงทุน แต่ที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ คือหาหนังสืออ่านเล่นมาอ่านค่ะ บวกกับดูหนังบ่อยๆ ภาษาหนังมักเป็นคำพูดที่เราใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ ตอนเป็นวัยรุ่นมีเพื่อนต่างชาติคบกันเป็นกลุ่มใหญ่ ก็ได้ใช้ภาษาอังกฤษ ตอนแรกก็ผิดมั่งถูกมั่ง แต่มันพัฒนามาเรื่อยๆ อ่านหนังสือจดศัพท์ไปเรื่อยๆ ได้เองค่ะ บาง ประโยคเราไม่ต้องเข้าใจทั้งหมดทุกคำ แต่โดยรวมเราสามารถเข้าใจได้ พอเริ่มทำงาน บางทีต้องสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษ เราก็เรียนรู้ไปเรื่อยๆ แต่ต้องใช้บ่อยๆ ค่ะ หัดพูดให้ได้สำเนียงตามที่เราได้ยินจากทีวี สำเนียงดีหัดได้ ไม่ต้องเรียนเมืองนอกก็ทำได้ แต่ต้องใส่ใจ พอถึงจุดที่คุณไม่ต้องคิดเป็นภาษาไทยในหัวแล้ว คุณก็เก่งแล้วค่ะ เพราะเวลาได้ยินภาษอังกฤษ หรืออ่านอังกฤษคุณจะเข้าใจได้เลยรวดเดียว ถึงขั้นนั้นคุณจะรู้ว่า คุณมาถึงจุดที่ดีแล้ว อ่านเยอะๆ ช่วยได้มากค่ะ จากคุณ : mrs.night owl - [ 3 ธ.ค. 48 17:06:31 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อาศัยอ่านมาก ๆ ครับ อ่านจากง่าย ๆ ก่อน แล้วค่อย ๆ พัฒนาไปในระดับที่ยากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะถ้า คนเริ่มใหม่ ไปอ่านอะไร ที่ยากเกินความสามารถที่เรามี แล้วอาจจะทำให้เราเสียกำลังใจจน ขี้เกียจท้อถอยไปเลยก็ได้ ผมคิดว่า เราควรเริ่มจากสิ่งที่เราสนใจเสียก่อน จะทำให้เรารู้สึกสนุกกับการอ่านยิ่งขึ้น เช่น ตอนผมเด็ก ๆ ฟุตบอลอังกฤษเป็นสิ่งที่ผมสนใจ และ ผมก็จะหาบทความเรื่องฟุตบอล มาอ่าน ถึงแม้ว่าจะไม่รู้ศัพท์ ทุกตัว แต่อย่างน้อย ความสนใจ หรือความคลั่งไคล้ ก็ทำให้ผมพอ จะเดา ๆ ความหมายของคำบางคำได้ ถ้าเป็นเพื่อน ๆ ผู้หญิงที่ผมรู้จัก โดยมาก ก็ ดูหนัง ฟังเพลง อ่านบทความแฟชั่นดารา ความสวยความงาม อะไรพวกนี้อะครับ เหมือนว่าจะช่วยได้บ้างเหมือนกัน (มีเพื่อนรุ่นน้องผมคนนึง พูดภาษาอังกฤษ สำเนียงอเมริกันมาก จนนึกว่าไปอยู่อเมริกา แต่เด็ก แต่ปรากฎ ว่าไม่ใช่ เธอเองจบ โรงเรียนไทย นี่แหละ เพียงแต่ นั่งดู ยูบีซี ทั้งวัน ตั้งแต่ เด็ก ๆ) จากนั้นเมื่อผมเรียนหนังสือในระดับมหาวิทยาลัย หลักสูตรได้บังคับให้ผมอ่านและเขียนในสิ่งที่ผมไม่ได้ชอบและไม่ได้สนใจเลย (ไม่ว่าจะอังกฤษหรือไทยหรือแม้แต่ภาษาที่สามที่สี่) ผลที่ได้รับก็คือ ผมมีคลังคำ ที่เพิ่มขึ้น มุมมองที่ต่างออกไป นอกเหนือจากเรื่องฟุตบอลที่ผมสนใจ แต่ พูดแบบตรง ๆ ในระดับมาตรฐานเพื่อน ๆ ที่เรียนมาด้วยกันผมก้ยังถือเป็นคนที่อ่านน้อยอยู่ดี เพราะขี้เกียจ ถ้าหากคุณประสงค์จะเป็น "นักอ่าน" ที่ดี คุณก็ต้อง "อ่านไม่เลือก" อย่าอ่านเฉพาะสิ่งที่ตนสนใจ หรือหนังสือที่อยู่ในสาขาที่ตนถนัดเท่านั้น ผลพลอยได้ที่เราจะได้รับจากการอ่านไม่เลือกก็คือการพัฒนาแนวความคิด เปิดโลกของเราให้กว้างขึ้น ทำให้เราเข้าใจผู้อื่น ไม่เป็นคนที่มีจิตใจคับแคบ อีกด้วย นอกจากการ "ฝืน" อ่านจะพัฒนาทักษะ ในการอ่านของเราเอง ยิ่งอ่านมากยิ่งอ่านเก่ง แล้ว ยังช่วยพัฒนาทักษะอื่น ๆ เช่นการเขียน (การพูดและการฟังก็มีส่วนบ้างแต่ไม่มาก) นักเขียนที่เก่ง ๆ ของโลกล้วนแล้วแต่เป็นนักอ่านตัวยงทั้งสิ้นครับ สรุปคือ ถ้าอยากอ่านภาษาอังกฤษ (หรือภาษาอะไรก็แล้วแต่) ให้รู้เรื่องมากขึ้น ก็ยิ่งต้องฝึกอ่าน ครับ ยิ่งอ่านมากก็ยิ่งอ่านเก่ง และนอกจากจะอ่านเก่ง แล้วยังอาจจะเขียนเก่ง พูดเก่ง และฟังเก่งอีกด้วย ปล. แก้ไข หลายครั้ง เพราะพิมพ์ผิดหลายที ขออภัยด้วยครับ ^^ แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 48 17:40:07 แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 48 17:36:56 แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 48 17:34:43 แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 48 17:25:30 แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 48 17:21:14 จากคุณ : เชษฐภัทร - [ 3 ธ.ค. 48 17:19:26 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ก่อนอื่นต้องคิดเป็นภาษาอังกฤษให้ได้ก่อนนะครับ เพราะว่ารูปประโยคของภาษาอังกฤษกับภาษาไทยเนี่ย มันจะวางสลับที่กันครับ บางทีประโยคของอังกฤษก็แปลให้เป็นภาษาไทยลำบาก ดังนั้น ถ้ายังอ่านหรือฟังภาษาอังกฤษแล้วต้องแปลกลับเป็นภาษาไทยก็จะไม่เข้าใจ หรือเข้าใจช้ามากๆได้ครับ เคล็ดลับก็คือ ฟังบ่อย อ่านบ่อย ดูบ่อยนั่นแหล่ะครับ จริงๆแล้ว นักเรียนที่จบม. 6 ของบ้านเราทุกคน (ที่ไม่ได้จบแบบอ.ปล่อยผ่าน) มีความรู้ในทางไวย์กรที่จะสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างสบายเลยครับ เพียงแต่ไม่สามารถพัฒนาให้คิดเป็นภาษาอังกฤษได้เท่านั้น ลองคิดดูซิครับ ทำไมบางคนถึงทำข้อสอบภาษาอังกฤษได้เกือบเต็ม แต่ว่าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จากคุณ : kobee - [ 3 ธ.ค. 48 18:04:13 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ของเราอ่านตำราเอาค่ะ สมัยเรียนปริญญาตรี แรกๆก็ยากหน่อย ก็ค่อยๆแยกดูว่าประธานอยู่ไหน กริยาคืออะไร กรรมคืออะไร เพื่อจะได้รู้ว่าใคร ทำอะไร ที่ไหน แล้วก็พัฒนามาดูพวกคำขยายนาม ขยายกิริยา ส่วนขยายต่างๆ ก็จะช่วยให้เข้าใจเนื้อหาได้ละเอียดขึ้น อ่านเยอะๆจนเห็นปุ๊บรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหตุการณ์บ้าง ทีนี้พอเราเริ่มชินแล้ว มันก็ไม่ยากที่เราจะสร้างประโยคเอง เพราะเรารู้แล้วว่าหลักคืออะไร จากการอ่านก็จะได้การเขียนเพิ่มเข้ามาด้วย แต่ว่าภาษาตำราเนี่ย มันเป็นภาษาที่เกลาให้อ่านง่ายแล้ว ให้คนที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่ก็สามารถอ่านเข้าใจง่าย มันจะคนละเรื่องกับภาษานิยาย ซึ่งเต็มไปด้วยสำนวน แสลง ตอนเราอ่านนิยาย เราก็เหมือนต้องเรียนรู้ใหม่เหมือนกัน แต่เพราะว่ามีพื้นฐานมาบ้างแล้ว ก็ช่วยให้เรียนรู้ได้ไวขึ้น ตอนนี้อ่านรู้เรื่องแล้วค่ะ (แต่ถนัดอังกฤษแบบอังกฤษมากกว่าอังกฤษแบบอเมริกันนะ) ส่วนพูดหรือฟังเนี่ยก็ต้องฝึกอีกต่างหากนะคะ มันเป็นทักษะที่แยกกันค่ะ เราอ่านได้เขียนพอได้ แต่พูดเนี่ย แย่มากเลยค่ะ ^^" จากคุณ : มณฑารัตน์ - [ 3 ธ.ค. 48 18:19:53 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณสำหรับทุกความคิดเห็นที่ดีๆมีสาระมาก กะว่าจะไปหาซื้อหนังสือที่เป็นภาษาอังกฤษมาอ่านบ้างแล้ว คงไม่ช้าไปมั่ง จากคุณ : บลัชออน (บลัชออน) - [ 3 ธ.ค. 48 18:53:31 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ลืมถามอีกอย่างหนึ่งคือถ้าอ่านพูดได้ แต่เขียนไม่ได้จะผิดไหมเนี่ยแปลกไหม เพราะคิดไปมาแล้วเราลืมหมดเลยพวกประร กรรม กริยา แกรม่าต่างๆ การใช้คำสงสัยคงเริมใหม่เสียดายที่ตอนประถมไม่ตั้งใจแต่ยังดีที่ตอนนี้ปวชยังพอมีเวลา จากคุณ : บลัชออน (บลัชออน) - [ 3 ธ.ค. 48 19:00:23 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ความสามารถทางภาษาเป็นทักษะครับ ยิ่งฝึกเยอะ ยิ่งได้เยอะ จากคุณ : ช่างไฟ - [ 3 ธ.ค. 48 20:23:30 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอแบ่งประสบการณ์บ้างนะครับ เคยไปเรียนต่อที่เมืองนอก ทำงานร้านอาหาร ก็สื่อสารกันรู้เรื่องแล้ว แต่พอไปทำงานบริษัทที่มีแต่ฝรั่งล้วนๆ เลยเข้าใจเลยครับ ว่าที่คิดว่าตัวเองพูดได้ฝรั่งเข้าใจ สำเนียงได้ ไปวันแรกเค้าฟังสำเนียงเราไม่ออกเลย เพราะคนที่ทำงานบางคนเค้าไม่ได้ไปร้านอาหารที่คนเอเซียทำงาน เค้าไม่คุ้นกันสำเนียงแปร่งๆของคนเอเซีย เราก็ใช้เวลาปรับตัวนานมากกกกกก ทำงานที่นั่นมา6-7ปี คำใหม่ๆที่เราไม่เคยพูดมาก่อน เพื่อนๆฝรั่งก็ยังฟังสำเนียงเราไม่ออก เพราะเราไม่เคยพูด มันเน้นเสียงไม่ถูก แต่เดี๋ยวนี้ดีขึ้นมากครับ จะเจอคำแสลงบ่อยมาก คำลามกบ้าง สิ่งที่เราไม่เคยเรียนรู้จากหนังสือ หรือทีวี แต่เพื่อนๆมันพูดกัน ก็ดีครับได้เรียนรู้ไปเรื่อยๆ ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่มีค่ามากๆ ตอนนี้ก็ยังไม่เก่งนะครับ แต่ผมก็ยังต้องเรียนรู้ไปเรื่อยๆครับ สนุกดี ฝึกบ่อยๆเด๋วก็ฟังได้เองครับ จากคุณ : Anisten (juin11) - [ 3 ธ.ค. 48 21:23:56 ]

ความคิดเห็นที่ 19 "ลืมถามอีกอย่างหนึ่งคือถ้าอ่านพูดได้ แต่เขียนไม่ได้จะผิดไหมเนี่ยแปลกไหม เพราะคิดไปมาแล้วเราลืมหมดเลยพวกประร กรรม กริยา แกรม่าต่างๆ" เขียนไม่ได้ก็ไม่แปลกหรอกครับ เด็กม.ปลาย หรือแม้แต่ คนที่เอ็นเข้ามหาวิทยาลัย พูดไทย ได้ แต่เขียนความเรียงภาษาไทยไม่ได้ ก็มีให้เห็นกันเยอะแยะ ไม่ต้องไปมองเรื่องภาษาที่สองอย่างภาษาอังกฤษเลย เพราะว่าการเขียน ก็เป็นทักษะ อย่างหนึ่ง เหมือนอย่างที่คุณช่างไฟ พูดนะครับ ยิ่งฝึกมาก ก็ยิ่งเก่งมาก ไม่ฝึก หรือไม่เคยเขียน ก็คงเป็นไปไม่ได้ ที่จะเขียนได้ดี เพียงชั่วข้ามคืน สมัยผมหัดเขียนใหม่ ๆ ผมจะ จับประโยคของนักเขียนที่ผมชอบ มาเป็นโครงสร้าง แล้วดัดแปลงเล็กน้อย ครับ เมื่อ "ดัดแปลง" จนคล่อง แล้ว  ลักษณะและความมีชีวิตชีวาของภาษา ความมีอิสระ ลูกเล่นต่าง ๆ รวมถึงความเป็นตัวของตัวเองก็จะค่อย ๆ ออกมาครับ แต่ใช้เวลา และความอดทนค่อนข้างมาก แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 48 21:48:30 แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 48 21:47:34 แก้ไขเมื่อ 03 ธ.ค. 48 21:45:43 จากคุณ : เชษฐภัทร - [ 3 ธ.ค. 48 21:44:50 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์จริงๆค่ะ ขอแอบเอาเทคนิคต่างๆไปใช้บ้างนะคะ จากคุณ : หูฟังข้างเดียว - [ 3 ธ.ค. 48 22:36:57 A:58.8.186.89 X: TicketID:016953 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ดิฉันนี่แหละค่ะ พูดได้ อ่านได้  แต่เขียนได้เลวร้ายมาก คืออ่นแล้วเลยว่า ยายคนนี้ไม่ได้เกิดและเติบโตในประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ เขียนถูก สะกดถูก แต่เขียนแล้วมันไม่สละสลวยสวยงาม กระท่อนกระแท่น เเหมือนเด็ก อยากแก้เหมือนกัน อยากดีขึ้น แต่ดูเหมือนไม่มีหวังเลยค่ะ จากคุณ : mrs.night owl - [ 3 ธ.ค. 48 22:40:39 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เราเริ่มจากฟังเพลงค่ะ ฟังไป เอาเนื้อร้องมาร้องตาม แล้วก็ไปเปิดดิกชันนารีแปลความหมายในเนื้อร้อง (แบบว่าอยากอิน) ค่อยๆ ฝึกไปค่ะ ของอย่างนี้ใช้เวลา การที่ดูหนัง ฟังเพลง ช่วยได้เย๊อะ ฝึกให้มันเคยชิน ให้เหมือนกับว่าภาษาอังกฤษอยู่กับเรา แล้วต่อไปก็จะคล่องเอง :) ขอให้โชคดีค่ะ จากคุณ : น้องแหนมเนือง - [ 4 ธ.ค. 48 00:11:16 ]

ความคิดเห็นที่ 23 พยายามอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นต่างประเทศเข้าไว้ เดี๋ยวก็จะค่อยๆซึมซับไปเอง อ่าน ฟัง ให้มากๆ พูดเขียน จะค่อยๆตามมา แหม..นี่น่าจะเขียนเป็นภาษาอังกฤษ แต่ขี้เกียจผูกประโยคน่ะค่ะ เอิ๊กกกก.... จากคุณ : PatPDX - [ 4 ธ.ค. 48 03:31:44 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่เก่งแต่อยากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นค่ะ เราเริ่มจากรักการอ่าน อ่านทุกอย่างยกเว้นที่ยอมแพ้คือกลอนแต่ก็อ่านนะ ถ้าขี้เกียจท่องศัพท์ เวลาอ่านก็เลือกเรื่องคล้ายๆกันมาอ่าน อ่านบ่อยๆเจอคำเดิมๆมันจำได้ เดาได้มากขึ้นไปเอง เชื่อมโยงไปสู่การเขียนคือบางครั้งประโยคไหนถูกใจมาก เราสามารถจำไปใช้ในการเขียนได้ด้วย ข้อสำคัญ เวลาเริ่มต้นอย่าเลือกเรื่องยากเกิน จะหมดกำลังใจไปก่อน เลือกเรื่องที่อยู่ในความสนใจ ที่มีพื้นความรู้อยู่ยิ่งดี จะเกิดการเชื่อมโยงความรู้ในสมองไปเอง แต่ถ้าเราสังเกตและพยายามเชื่อมโยงความรู้ที่ได้ด้วยก็จะยิ่งไวมากขึ้น เดี๋ยวนี้เราไม่เคยท่องศัพท์แล้วแต่ก็รู้ศัพท์มากขึ้นทุกวัน(แต่ถ้าเริ่มต้นก็ต้องมีการท่องเหมือนกันนะ เพื่อสะสมคลังความรู้ไว้เป็นทุนในการอ่าน) เทียบกับการพูด ถ้าได้ฟังมากเท่าไรก็ยิ่งเพิ่มต้นทุนในการพูดมากเท่านั้นแบบที่ไม่ต้องใช้สมองคิดมากเพราะมันคือความคุ้นเคย ทั้งวิธีการเรียบเรียงคำพูด ทั้งการออกเสียงคำศัพท์ แต่..ยังมีแต่.. ถ้าไม่อ้าปากก็พูดไม่ได้จ้า.. ถ้าไม่ฝึกพูดก็จะไม่คุ้นปาก ขยับปาก ออกเสียงไม่ถูก ไม่มีความมั่นใจ ดังนั้นถ้าจะประหยัดเวลาก็พูดตามไปด้วยเวลาฟัง (บางครั้งยังอ่านเนื้อเรื่องออกเสียงด้วยนะ) เปิดดิคก็ออกเสียงทุกครั้ง  จะไม่ต้องจำ มันเกิดขึ้นเอง แต่...แต่อีกแล้ว..แต่ต้องในปริมาณที่มากพอนะจ๊ะ ตอบไม่ได้ว่าเท่าไร แต่ละคนไม่เหมือนกันจ้า ทุกอย่างทำด้วยความรัก ความสนใจจะไม่รู้สึกเหนื่อยหรือท้อถอย ชื่นชมตัวเองเวลาทำได้เพิ่มขึ้น ทำบ่อยๆก็ดีไปเอง จากคุณ : พอดี - [ 4 ธ.ค. 48 07:42:23 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่ได้จบนอกค่ะ เรียนภาษาอังกฤษแบบครูพักลักจำ ทำเว่อร์อ่านนสพ. ภาษาอังกฤษเข้าไป ชอบเสนอหน้าคุยกับชาวต่างชาติบ่อยๆสมัยเรียนค่ะ จนถึงชีวิตการทำงานก็ชอบอ่านชอบดูคนอื่นเขาเขียน เขาคุยกัน grammar ผิดๆถูกๆก็ใช้กันไป สุดท้ายได้ไปเรียนอยู่ที่นึงค่ะ ทำให้ grammar ของเราดีขึ้นจิงๆ อยากทราบสถานที่ติดต่อหลังไมค์นะคะ จากคุณ : ไมยากจัง - [ 4 ธ.ค. 48 18:57:44 ]

ความคิดเห็นที่ 26 หลายๆ คนถามเหมือนกัน ว่าทำไมถึงเก่ง eng (จริงๆ ไม่ได้เก่งหรอก ก็พอได้แหละ) เราว่าเป็นเพราะตั้งแต่เด็กๆ แล้ว เราดูหนัง ฟังเพลง เป็น eng ตลอด พากย์ไทยไม่เคยดู จนเริ่มกระเถิบมา chat กับฝรั่ง ในเวปของฝรั่ง ตอนนั้นถึงขั้นคิดเป็นภาษาอังกฤษไปเลย แต่แกรมม่าเราไม่ได้เรื่องมากๆ บางทีก็อาศัยดูที่ฝรั่งเค้าพิมน่ะ แล้วลอก + ดูประโยคมา ไปๆ มาๆ มันก็พอถูไถ เริ่มเข้าม.ปลายก็หาหนังสือภาษาอังกฤษอ่านบ้าง แต่เป็นนิยายนะ เพราะชอบอ่านนิยาย แหะๆ ถ้าจะให้เข้าใจง่ายขึ้น ก็หาเล่มที่มีแปลไทยแล้ว อ่านภาคไทยก่อนก็ได้ แล้วค่อยไปอ่าน eng ทีหลัง ทีนี้ก็จะเข้าใจมากขึ้น ตอนนี้ก็ยังเขียนไม่ค่อยเก่งเหมือนเดิม อาศัยว่าพอพูดได้ อ่านออก ฟังรู้เรื่อง ก็พอใช้ได้แล้วล่ะค่ะ มีเพื่อนหลายคนบอกให้สอนเคล็ดลับให้ หรือให้สอนอย่างงั้นอย่างงี้ ให้ตาย ! เราสอนไม่ได้หรอก มันฝังมากับเราตั้งแต่เด็กๆแล้ว เราแทบไม่มีอะไรในหัวเลย การใช้ภาษานี่เหมือนเป็นสัญชาตยานล้วนๆ เลยค่ะ จากคุณ : zezari - [ 4 ธ.ค. 48 21:47:09 ]

ความคิดเห็นที่ 27 หัดพูดบ่อยๆค่ะ --> พูดคนเดียวหรือพูดกับเพื่อนก็ได้ เอาประโยคง่ายๆก่อน แล้วพลิกแพลงทีหลัง สู้ๆ นะคะ จากคุณ : Rita Cafe' (Rita Cafe') - [ 4 ธ.ค. 48 21:53:23 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่จำเป็นต้องเรียนเมืองนอกหรอกค่ะ แค่ใช้ภาษาให้มากๆแล้วจะได้เองโดยไม่รู้ตัว เพียงแต่ว่าอาจจะยากเล็กน้อยถ้าไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมบังคับ ก่อนหน้าเรามาเรียนอังกฤษ ภาษาก็พอใช้ได้แล้วค่ะ ชอบเล่นเกมส์ (ตอนนั้นชอบ Metal Gear มากขนาดจำบทพูดได้หมด เราก็เลียนแบบสำเนียงมา) ดูหนัง ดูข่าว (อยากได้สำเนียงอะไรก็เลือกเอา CNN หรือ BBC) แชทก็พอช่วยได้แต่เราเฉยๆนะ ชอบจับผิดเวลาฝรั่งพิมพ์มามากกว่า (เพราะพิมพ์ผิดกันเยอะมาก ทั้งศัพท์ ทั้งแกรมม่าร์ ฝรั่งนี่แหละ) แล้วเราก็คิดเอาว่าที่ถูกมันน่าจะเป็นอะไร  แชทนี่น่าจะช่วยเรื่องการคิดเป็นภาษาอังกฤษให้เร็วขึ้นมากกว่าอย่างอื่น  ศัพท์ไม่เคยท่อง เพราะตัวเองคิดว่าศัพท์ในโลกนี้มีเป็นหมื่นเป็นแสน ให้ตายคงไม่รู้ทุกคำหรอก เดาเอาจาก context ถูกบ้าง ผิดบ้างก็เรียนไปเรื่อยๆ แล้วจะได้เองค่ะ จากคุณ : pervpanda - [ วันพ่อแห่งชาติ 19:53:18 ]

ความคิดเห็นที่ 29 เราก้อเหมือนกับคห.ข้างบนค่ะ ใช้ทุกอย่าง เขียนทุกอย่าง ให้เป็นอังกฤษ แต่โชคดีหน่อย ตรงที่มีอาจารย์ใจดีชาวอเมริกัน คอยเป็นเทรนเนอร์ให้ แถมยังไม่คิดสะตังค์ด้วยล่ะ ตอนนี้เลยกลายเป็นเพื่อนกันไปแล้ว เราเลยสบายไปเลย ได้เพื่อน ได้ภาษาด้วย ก้อขอให้จขกท.อย่ากลัวที่จะพูด กล้าคุยกับชาวต่างชาติ ผิดหรือถูก ไม่ต้องสนใจ ขอให้คุยกันแล้วเข้าใจ เดี๋ยวภาษาอังกฤษคุณก้อจะพัฒนาขึ้นเอง ที่สำคัญ ต้องอ่านศัพท์ให้มากๆ เมื่อเรารู้ศัพท์มากเท่าไหร่ ก้อคุยได้สบายแล้วล่ะ.........(ทำอยู่จ้า) จากคุณ : Mona Lisa Smile - [ วันพ่อแห่งชาติ 22:26:25 ]