CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    ### Aidsใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด ### (นำมาโพสต์ใหม่ เพื่อเตือนใจ)

    เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับผมนี้เป็นเรื่องจริง ซึ่งผมเองก็ไม่เคยคาดคิดว่ามันจะใกล้ตัวได้ขนาดนี้ นั่นก็คือเรื่องของโรคเอดส์ .... ผมเองก็เป็นคนนึงที่ใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นทั่วไปในสมัยเรียนมหาวิทยาลัย มีแฟนคบกัน เลิกกัน แล้วก็มีแฟนใหม่ ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานกับเพื่อน โดยที่ไม่เคยคิดถึงว่าจะมีเรื่องราวร้าย ๆ ว่ามันจะสามารถเกิดขึ้นกับตัวเราได้ เพราะผมเองก็เรียนอยู่ในมหาลัยเอกชนชื่อดัง (ขอสงวนนามไม่บอกนะครับ) มีสังคมและกลุ่มเพื่อนที่ดี เที่ยวกลางคืนกันบ้าง ตามสถานที่ ที่วัยรุ่นทั่วไปเค้าไปกัน (แถวทองหล่อ เอกมัย สุขุมวิท)


    จนกระทั่งวันนึง ผมก็ได้พบกับ ผู้หญิงคนนี้ ซึ่งเธอเองก็เป็นคนน่ารัก ยอมรับนะครับว่าเจอกันในที่เที่ยว ซึ่งครั้งนั้นเธอไปเที่ยวในงานวันเกิดของเพื่อน แล้วเราก็ได้รู้จักกัน จนสนิทสนมและก็ได้คบหากัน ซึ่งหลังจากนั้น เราก็มีอะไรกัน ตามประสาคนทั่วไป ... เราคบกันโดยที่ ป้องกันบ้างไม่ได้ป้องกันบ้าง ด้วยถุงยางอนามัย เพราะผมเองมั่นใจในตัวผมก็เพราะว่า ผมเองเป็นคนที่ตรวจเลือดประจำปีอยู่แล้ว และปรกติจะเป็นคนที่ป้องกันตัวตลอดอยู่แล้ว และผมเองก็เชื่อใจเธอ เพราะเธอเองเป็นคน อ่อนหวาน น่ารัก เรียบร้อย และไม่ใช่ ญ ประเภท ที่เที่ยวกลางคืนอย่างช่ำชอง จึงทำให้ผมไว้วางใจในตัวเธอ (ซึ่งนี่เป็นความคิดที่ผิดมหันต์ อย่างมาก อยากให้ทุกท่านได้รู้ไว้เป็นอุทาหรณ์)... แต่ส่วนใหญ่ ผมจะป้องกันโดยการใช้ถุงยางอนามัยมากกว่า ประมาณ ร้อยละ 90 เพราะไม่อยากเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ และไม่อยากให้เธอทานยาคุมเพราะว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพเธอในระยะยาว (อย่างน้อยนี่ก็คือความคิดของผม) ผมคบกับเธอได้เกือบปี จนกระทั่งมีอยู่คืนนึง ซึ่งผมนั้นได้ไปเที่ยวกับเพื่อนแล้วก็ไปหาเธอตามปรกติ ซึ่งคืนนั้นผมยอมรับว่าผมเมา เพราะปรกติผมจะไม่ค่อยดื่มเหล้า เพราะเป็นคนคออ่อน จึงทำให้ขาดสติ และไม่ได้ป้องกันกับเธอในคืนนั้น และได้สัมผัสกับประจำเดือนเธอ ... แล้วในวันรุ่งขึ้นซึ่งผมจำได้ว่าเป็นวันเสาร์ ซึ่งไม่ทราบว่าด้วยเหตุใด จึงมีเหตุที่ทำให้ผมนั้น รู้สึกเป็นกังวลใจอย่างมาก (รู้สึกไม่สบายใจแบบแปลก ๆ ในวันนั้น) ผมจึงได้ชวนเธอไปตรวจเลือดกัน ซึ่งเธอเอง ก็ยอมไปตรวจแต่โดยดี เพราะคิดว่าไม่มีอะไร โดยที่ผมเองไม่ได้ตรวจด้วย ....


    ผมพาเธอไปตรวจที่ รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งก็ไปเจาะเลือดปรกติ เจาะ Anti-HIV และรอรับผล ... วันนั้น ผมเองก็ไม่ทราบว่าเป็นอะไร ความกังวลยังมีอยู่อย่างไม่ขาดหาย แต่ผมคิดว่าผมฟุ้งซ่านทำไมเนี่ย เพราะโดยนิสัยส่วนตัวนั้นผมเองก็เป็นคนที่ชอบคิดมากอยู่แล้ว จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกิน 1 ชม. แล้ว สังเกตว่าทำไมมันนานผิดปรกติ ผมจึงพาแฟนเข้าไปถามนางพยาบาล ปรากฏว่าคำตอบที่ได้รับ ทำให้ผมรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างมาก นั่นคือ ตอนนี้ ทางแล็ปเค้าต้องนำเลือดไปปั่นเพื่อที่จะตรวจยืนยันผล (เพราะตอนที่ผมเคยตรวจคือ ตรวจแล้วก็รอรับผลเลย ไม่เคยมีการยืนยัน) ซึ่งตอนนั้นผมก็เริ่มกังวลแต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะผมเองก็ไม่เคยตรวจที่นี่ และคิดว่าอาจเป็นเรื่องของระบบ จนกระทั่งผลเลือดออกมาหลังจากรอผลเป็นระยะเวลา เกือบ 3 ชม. โดยที่แฟนผมเข้าไปนานผิดปรกติ จนเธอเดินออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก และเธอก็ได้บอกผมว่า กลัวมั้ย ทำใจดี ๆ นะ .............ผลเลือดออกมาเป็น บวก ... ณ วินาทีนั้น ผมรู้สึกช็อคเหมือนสายฟ้าฟาด ตัวชา และมึนไปหมด แต่ก็ฝืนพูดกับเธอไปว่า อย่ามาล้อเล่นน่า บ้าเหรอ จะติดมาจากไหน (ตอนที่พิมพ์อยู่นี้ผมยังจำความรู้สึกของวันนั้น และทุก ๆ ถ้อยคำที่เธอกล่าวมาได้) ... แต่เธอก็บอกว่ามันเป็นเรื่องจริง ซึ่งดูจากสีหน้าแล้วจะรู้ได้เลยครับว่าไม่มีทางล้อเล่นแน่นอน ซึ่งวินาทีนั้นผมเสียใจมาก ตอนแรก ๆ คิดด้วยว่า ผมเองเป็นคนที่อาจทำให้เธอติด หรือถึงจะไม่ใช่ก็ตาม แต่ผมก็เคยมีอะไรกับเธอโดยที่ไม่ป้องกัน จึงคิดว่าคงจะไม่รอดแน่นอน ผมจึงตัดสินใจขับรถออกจากรพ. ซึ่งตอนนั้นเรา 2 คนก็ได้นั่ง เงียบ ๆ อยู่ในรถ โดยที่ผมได้แต่ขอโทษเธอ จนกระทั่งผมลองมาคิดไตร่ตรอง ว่าผมเองก็ได้ตรวจเลือดครั้งสุดท้ายก่อนหน้านี้มา เป็นเวลา 1 ปี ก่อนที่จะได้มาคบกัน และคิดว่ามันเป็นไปได้เหรอที่ว่าเราเป็นตัวต้นเหตุ

    ณ วินาทีนั้น ผมจึงตัดสินใจเลี้ยวรถกลับไปรพ.เดิม เพราะยังไงความจริงก็คือความจริง ผมจึงขอเจาะเลือดด้วย ปรากฏว่าหลังจากรอผลเพียงแค่ 30 นาที หมอก็ได้เรียกตัวผมเข้าไปแล้วบอกว่า ผลเลือดผมเป็นปรกตินะ ตอนแรกผมงงมาก ผมจึงถามหมอว่าเป็นไปได้ยังไง หรือว่าคุณหมอตรวจแฟนผมผิดพลาด และผมเองก็ได้เล่าความเสี่ยงให้หมอฟัง (แต่หมอผู้ที่ดูผลเลือดของผมและแฟน เป็นหมออายุรกรรมนะครับ ไม่ใช่หมอด้านโรคติดเชื้อ) คุณหมอก็ตอบว่า ทางแล็ปเค้าได้ตรวจยืนยันแล้ว ไม่น่าจะผิดพลาด แล้วเค้าก็ได้อธิบายว่า การที่มีอะไรกับผู้ติดเชื้อนั้น โดยที่ไมได้ป้องกัน ถือว่าเป็นความเสี่ยง(สูง) ซึ่ง คุณอาจติดหรือไม่ติดก็ได้ ซึ่งตอนนั้นผมก็พูดไรไม่ออก เพราะว่าผมพึ่งมีอะไรกับเธอไปเมื่อวาน และสัมผัสประจำเดือนเธอเต็ม ๆ .... หลังจากที่นั่งซักพัก ผมจึงนึกขึ้นมาได้ว่า โดยปรกติ จะมียาต้าน(ที่ผู้ติดเชื้อทานกัน) ซึ่งเค้าให้ทานภายใน 24 ชม. นับจากความเสี่ยงที่มี โดยส่วนใหญ่แพทย์จะจ่ายให้ผู้หญิงที่ถูกกระทำชำเรา หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่ถูกเข็มทิ่มตำ (ในต่างประเทศเรียกว่า PEP) ผมจึงได้ถามคุณหมอว่าเป็นไปได้ไหม ที่จะจ่ายยาให้ผมเพื่อที่จะทานป้องกัน เพราะผมได้สัมผัสกับเลือดเธอเต็ม ๆ คุณหมอก็ได้บอกว่า ไม่มีประโยชน์เพราะผมเอง ไม่ได้ป้องกันกับเธอประมาณ 1-2 ครั้ง ในช่วง 3 เดือนก่อนที่ จะมาตรวจ ... ผมจึงได้เถียงกับคุณหมอว่า ก่อนหน้านั้น ผมเองก็ไม่ได้ป้องกัน จึงอาจเป็นไปได้ว่า 1-2 ครั้งนั้น ที่ไม่ได้ป้องกันล่าสุด ถือว่าอาจจะไม่ติด แต่ครั้งล่าสุด ซึ่งผมได้สัมผัสกับเลือดเต็ม ๆ นั้น ถือว่ามีความเสี่ยงมาก จึงอยากให้หมอจ่ายยาต้านให้ผม และคุณหมอจึงได้ตัดสินใจโทรปรึกษาหมอด้านโรคติดเชื้อ และได้ตกลงจ่ายยาต้านให้กับผม (อาจเป็นเพราะเป็น รพ.เอกชน ... เพราะโดยปรกติ รพ.รัฐ จะไม่จ่ายยาต้านให้คนปรกตินะครับ)


    ผมเองก็ได้ทานยาเป็นระยะเวลา 1 เดือนครึ่ง (จริง ๆ หมอเค้าให้ทานแค่ 28 วันน่ะครับ) ในช่วงเวลาที่จะรอผลเลือดในอีก 3 และ 6 เดือนข้างหน้า เป็นสิ่งที่ทรมานจิตใจผมอย่างที่สุด แทบไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้ ต้องมาเจอเรื่องเช่นนี้ ไม่อยากเชื่อว่าเรื่องเช่นนี้ จะใกล้ตัวเราขนาดนี้ เป็นช่วงเวลาที่เรียกได้ว่าเป็นบทเรียนชีวิตที่สุด ๆ จริง ๆ ในเรื่องของความประมาท เพราะผมเองก็ศึกษาในเรื่องพวกนี้มาพอสมควร และคิดว่าการที่เราอยู่ในสังคมเช่นนี้ คบผู้หญิงโดยดูเพียงแค่ภายนอก รูปร่างหน้าตา สถานะ เลยทำให้คิดว่าน่าจะเป็นคนที่สะอาดปลอดโรค เป็นสิ่งที่คิดผิดมหันต์ จนกระทั่ง ระยะเวลาผ่านไป เธอเองก็เริ่มทำใจได้ ในขณะที่ตัวผมเอง ก็เครียดขึ้นเรื่อย ๆ เพราะความฟุ้งซ่าน ทำงานแทบไม่ได้ (บางครั้งก็อาศัยเรื่องงานนี่แหละครับ ที่ทำให้มันลืม ๆ ไปบ้าง) จนกระทั่ง หลังจากนั้น 6 และ 10 สัปดาห์ ผมก็ได้ไปตรวจแบบ Rapid test ที่คลินิกนิรนาม (ซึ่ง มันยังไม่ถึงเวลาแต่ผมก็ดันทุรังไปตรวจ เพราะฟุ้งซ่านมาก ๆ ) ผลออกมาเป็นลบ แต่ก็เท่ากับว่าเสียเงินฟรี เพราะมาเร็วไป และผมเองก็ได้ไปตรวจ PCR มาตอนระยะเวลา 1 เดือน นับจากวันที่หยุดยาต้าน ตามที่เคยมีหมอแนะนำไว้ (ผมหาหมอด้านโรคติดเชื้อหลายคนมาก) ผลออกมาเป็นลบ ซึ่งก็ทำให้รู้สึกเบาใจได้อย่างมาก เพราะว่าเป็นการตรวจหาเชื้อในกระแสเลือดโดยตรง แต่มีคุณหมอบางท่านก็บอกว่ายังเบาใจไม่ได้ เพราะว่าผมเป็นเคสที่ ทานยาต้านป้องกัน (โดยปรกติ แทบจะถือได้ว่า 100% แล้วนะครับ เพียงแต่ผมเป็นเคสที่ได้รับยาต้าน) ประกอบกับ PCR นั้น ไม่ใช่การตรวจซึ่งใช้ในการวินิจฉัย คุณหมอจึงได้นัดผมมาตรวจอีก นั้นก็คือ ตอน 3 เดือนนับจากหยุดยาต้าน (นี่คือโทษของการหา หมอหลายคน เวลาทับซ้อนกันครับ) เพราะหมอบางคน ก็บอกว่า 3 เดือน และ 6 เดือน นับจากเสี่ยง บางคนก็บอกว่า 3 เดือน 6 เดือน นับจากหยุดยา .... สรุปก็คือ ผมทำตาม หมอทั้ง 2 ท่านที่แนะนำ และทำตามคำแนะนำของ CDC (กรมป้องกันและควบคุมโรคติดต่อ ของอเมริกา) คือ ตรวจ 3 เดือน 4 เดือนครึ่ง และ 6 เดือน โดย ผลที่ 4 เดือนครึ่งของผม ทั้ง PCR Antibody P24Antigen ผลออกมาเป็นลบหมด และผลเลือดที่ 6 เดือนครึ่ง คือ PCR และ Antibody นั้น ผลก็ออกมาเป็นลบ ก็ทำให้โล่งใจเป็นอย่างมาก อยากบอกว่าความรู้สึกเหมือนได้เกิดใหม่เลยนะครับ (จริง ๆ นะ) มองท้องฟ้า มองหมา มองต้นไม้ มองผู้คน มองอะไรต่าง ๆ รู้สึกดีไปหมด รู้สึกอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ว่าชีวิตนั้นมีค่าขนาดไหน เดี๋ยวนี้กลายเป็นคนใจเย็นลงมาก ๆ แล้วครับ จากที่เมื่อก่อนเป็นคนใจร้อน อืม ... ขออธิบายเรื่องตรวจเลือดนิดนึง เพื่อความเข้าใจอะครับ โดยปรกติที่เราไปตรวจ HIV นั้นหมอเค้าจะให้ตรวจแบบ หา Antibody นั่นคือ ภูมิคุ้มกันที่สร้างขึ้นต่อเชื้อ HIV โดยมากรอ 3 เดือน ซึ่งหากผลเป็นลบ ก็หมายความว่าไม่เจอภูมิคุ้มกัน หรือว่าอาจมาตรวจเร็วไป ซึ่งภูมิยังไม่ได้สร้าง .... ส่วนการตรวจ PCR นั้น เป็นการตรวจหาเชื้อในกระแสเลือดโดยตรง ตรวจได้ตั้งแต่ 2 สัปดาห์ขึ้นไป (หมอบอก) ตรวจได้ตามรพ.ใหญ่ ๆ ที่มี Lab PCR เท่านั้น ค่าตรวจค่อนข้างแพง ความไวสูง หากได้ผลบวกอาจช็อคได้ และไม่ได้นับเป็นการตรวจแบบวินิจฉัย (ถ้าผลออกมาเป็นลบ ก็ถือว่าแนวโน้มดี) ข้อดีคือรู้ผลเร็ว ไม่ต้องรอ 3 เดือน สำหรับคนที่เครียดมาก ๆ (แต่ยังไงหมอเค้าก็จะนัดมาตรวจยืนยันด้วย Antibody ที่ 3 เดือนอยู่ดีล่ะครับ) ข้อเสียอีกอย่างคือผลอาจคลาดเคลื่อนได้ หากมีการทานยาต้านป้องกัน เพราะยาต้านจะไปฆ่าเชื้อในกระแสเลือด แม้ผู้ติดเชื้อที่ทานยาต้าน ยังอาจสามารถตรวจออกมาผลเป็นลบได้

    จากคุณ : Tatee - [ 21 ธ.ค. 48 04:18:05 A:58.9.128.13 X: ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป