ความคิดเห็นที่ 2
search หาข้อมูลมาให้จ้า
สื่อสารไร้พรมแดน ตอนที่ 1 โดย :รัศมีดารา
[18 ม.ค. 2542 21:51:04] หากคุณสนใจอยากทราบเกี่ยวกับเรื่องของระบบโทรคมนาคมต่างๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ (Cellular phone), วิทยุติดตามตัว (Pager), การสื่อสารผ่านดาวเทียม (Satellite communication) และอื่นๆ เชิญทางนี้ค่ะ เรื่องที่ท่านกำลังจะได้อ่านต่อไปนี้ได้นำมาจากบทความที่คุณพ่อของดิฉันเขียนขึ้น และได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสาร "สารชาวฟ้า" ซึ่งดิฉันเห็นว่ามีประโยชน์สำหรับเราๆ ทุกคน จึงขอนำมาลงให้ทุกๆ คนได้อ่านกันนะคะ หากมีข้อแนะนำหรือติชมประการใดก็เชิญเลยค่ะ
------------------------------------------------------- การสื่อสารยุคโลกไร้พรมแดน ตอนที่ 1 โดย พล.อ.ท. วีระ กัณหะสิริ
เมื่อคนในโลกเพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้ทรัพยากรที่มีอยู่ไม่เพียงพอกับความต้องการ จึงต้องแย่งกันกินแย่งกันใช้ มีการค้นคิดวิธีการต่างๆ ที่จะ หาสิ่งทดแทนเพื่อตอบสนองความต้องการของคน ในขณะเดียวกันต้องหาวิธีการที่จะทำให้ทำงานได้สะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มปริมาณในการผลิต ระบบสื่อสารโทรคมนาคมเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้โลกเจริญก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ก่อให้เกิดการผลิตที่เร็วและเพิ่มจำนวนมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน ทำให้เราสามารถสื่อถึงกันได้ไม่ว่าจะอยู่บนฟ้า ในน้ำ หรือใต้ดิน ทำให้รู้สึกว่าโลกนี้แคบลงถนัดใจ ความก้าวหน้าในการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ สามารถทำให้มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม กินไฟน้อยกว่า และทำงานได้มากกว่าแต่ก่อน จึงทำให้เครื่องมือสื่อสารโทรคมนาคมพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีสูงทำให้ผู้บริโภคตามไม่ทัน จึงเป็นช่องทางให้ผู้ประกอบการสื่อสารโทรคมนาคมเอาเปรียบผู้บริโภค มีการโฆษณาชวนเชื่อแอบแฝงไว้ด้วยการเอาเปรียบตลอดเวลา หากท่านตามไม่ทัน เงินของท่านก็จะไหลไปเข้ากระเป๋าผู้ประกอบการ ตามการรุมเร้าและชักชวนของการโฆษณา ความมุ่งหมายของบทความนี้เพื่อที่จะให้ผู้อ่านมีความเข้าใจในเรื่องของระบบโทรคมนาคมอย่างง่ายๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ (Cellular phone), วิทยุติดตามตัว (Pager), โทรศัพท์ผ่านดาวเทียม INMARSAT และอื่นๆ เพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกใช้ให้คุ้มกับเงินที่เสียไป และประการสำคัญที่สุดเพื่อให้ทราบว่า ประโยชน์จากการใช้ดาวเทียมในทางพลเรือนกับทางทหารนั้นต่างกันตรงไหน โดยจะไม่กล่าวถึงในรายละเอียดทางด้านเทคนิคมากจนเกินไปนัก เพื่อไม่ให้ผู้อ่านที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านนี้ต้องสับสน แต่ถ้าหากท่านใดสนใจในรายละเอียดเพิ่มเติมก็สอบถามกันเข้ามาได้ครับ
โทรศัพท์มือถือ (Cellular Phone)
มีหลายคนถามว่าจะเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือแบบไหนหรือยี่ห้ออะไรดี ผมตอบไปตรงๆ เลยว่า ไม่มีระบบไหนหรือยี่ห้อไหนดีที่สุด ทุกระบบมีข้อดีและข้อเสียต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าท่านต้องการใช้งานแบบไหน แล้วเลือกให้ตรงกับความต้องการ นั่นแหละจะเป็นระบบที่ดีที่สุดสำหรับท่าน
ระบบโทรศัพท์มือถือ
โทรศัพท์มือถือในบ้านเรามีอยู่ 6 ระบบ เรียกตามภาษาชาวบ้านคือ - ระบบ 470 เมกกะเฮิร์ท NMT เป็นระบบแรกที่เข้ามาใช้งานในบ้านเรา ใช้งานได้ทั่วประเทศ แม้แต่อยู่ตามชนบทระดับหมู่บ้านก็ใช้งานได้ หากสัญญาณรับส่งไม่ดี กำลังอ่อน ให้ใช้เสาอากาศสูงก็จะใช้งานได้ผล ระบบนี้เหมาสำหรับติดใช้งานในยานพาหนะเพื่อเดินทาง เคยใช้บนเครื่องบินได้ผลดีมาก แต่ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในกรุงเทพฯ ส่วนตัวเครื่องมักจะมีขนาดใหญ่ น้ำหนักมาก และราคาสูง - ระบบ 800 เมกกะเฮิร์ท World Phone เป็นระบบอะนาล็อก (Analog) เหมาะที่จะใช้งานในเมือง เช่น กรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ๆ ตามต่างจังหวัด ในชนบทระดับหมู่บ้านหลายแห่งไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องจากไม่มีสถานีรับส่งสัญญาณ - ระบบ 800 เมกกะเฮิร์ทของกสท. มีการทำงานของระบบเหมือนกับของ World Phone และใช้งานร่วมกันได้ แต่มีการบริการที่แตกต่างกันออกไป - ระบบ 900 เมกกะเฮิร์ท NMT เป็นระบบอะนาล็อก เหมาะที่จะใช้งานในเมือง เช่น กรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ๆ ตามต่างจังหวัด ในชนบทระดับหมู่บ้านหลายแห่งไม่สามารถใช้งานได้ เนื่องจากไม่มีสถานีรับส่งสัญญาณ ขีดความสามารถของระบบคล้ายคลึงกับระบบ 800 จะมีข้อเด่นที่แตกต่างกันในเรื่องการให้บริการต่างๆ - ระบบ 900 เมกกะเฮิร์ท GSM และ ระบบ 1800 เมกกะเฮิร์ท PCN ทั้งสองระบบนี้เป็นระบบดิจิตอล (Digital) มีขีดความสามารถในการให้บริการไม่ต่างกัน เหมาะที่จะใช้งานในเมืองใหญ่ๆ และต่างจังหวัดบางแห่งเท่านั้น มีการโฆษณาว่าสามารถนำไปใช้ในต่างประเทศได้ ตามความเป็นจริงแล้วการ์ดที่ใช้กับเครื่อง (SIM CARD) เท่านั้นที่สามารถนำไปเสียบกับเครื่องของต่างประเทศได้ เพื่อความสะดวกในการเรียกเก็บเงิน การนำการ์ดของโทรศัพท์ไปใช้ก็เหมือนกับการนำบัตรเครดิตไปใช้ต่างประเทศนั่นเอง ยกเว้นประเทศที่มีระบบการใช้และความถี่เหมือนบ้านเรา จึงจะเอาเครื่องไปใช้ได้
สำหรับตัวเครื่องมือถือนั้นไม่ว่าจะเป็นระบบใดๆ ทุกยี่ห้อจะทำออกขายทั้งนั้น ถ้าท่านใช้ตัวเครื่องในระบบดิจิตอลจะกินไฟน้อยกว่าระบบอะนาล็อก เครื่องมือถือที่เล็กๆ ย่อมมีกำลังส่งน้อย ทำให้ผู้ที่ท่านติดต่อด้วยได้ยินท่านไม่ถนัด แต่ท่านจะได้ยินเขาชัดเจนดีเพราะสถานีแม่มีกำลังส่งสูง โปรดระลึกไว้ว่ายี่ห้อที่มีการโฆษณามาก มีการแจกแถมมาก หากท่านเลือกไว้ใช้โดยไม่ได้พิจารณาให้เหมาะสมกับความต้องการ ท่านจะได้แต่ความภาคภูมิใจในระยะแรกๆ แต่ในภายหลังท่านอาจจะได้รับความเสียใจเป็นของกำนัลแทน
การคิดเงินค่าใช้โทรศัพท์
การคิดเงินในแต่ละเดือนนั้นจะประกอบด้วย ค่าเช่าวงจร คิดเป็นรายเดือน เดือนละ 500 บาท และ ค่าใช้ (Air time) คิดตามเวลาเป็นนาที เศษของนาทีคิดเป็น 1 นาที และแบ่งเป็นพื้นที่คือ พื้นที่เดียวกันเสียนาทีละ 3 บาท ติดต่อต่างพื้นที่แต่เขตติดกันเสียนาทีละ 8 บาท และติดต่อต่างพื้นที่ในเขตไม่ติดกันเสียนาทีละ 12 บาท แต่ผมอยากจะบอกว่ามันไม่ง่ายอย่างนั้น การใช้มือถือโทรหากัน แม้จะอยู่ในพื้นที่เดียวกันก็ตาม หากเป็นเครื่องต่างระบบกันแล้ว การคิดราคาจะแตกต่างกันมากจนน่าตกใจทีเดียว! เนื่องจากการคิดราคาจะถือจากจุดที่ท่านซื้อเครื่องเป็นจุดที่ท่านอยู่ในการโทรออก ไม่ว่าในขณะนั้นท่านจะอยู่ในส่วนไหนของประเทศก็ตาม ดังตัวอย่างต่อไปนี้ คุณกนกวรรณซื้อมือถือระบบ 800 จากเชียงใหม่ ส่วนคุณปรีชาซื้อมือถือระบบ 900 จากกรุงเทพฯ ทั้งสองคนไปเที่ยวอุบลราชธานีด้วยกัน ในขณะที่อยู่อุบลใช้มือถือโทรหากัน แม้ว่าจะอยู่ห่างกันแค่เอื้อมก็ตาม ผู้ที่หมุนไปหาจะต้องเสียค่าโทรถึงนาทีละ 12 บาท แต่ถ้าทั้งสองใช้มือถือระบบเดียวกันไม่ว่าจะเป็น 800 หรือ 900 ก็ตาม จะเสียค่าโทรเพียงนาทีละ 3 บาท เท่านั้น การใช้โทรศัพท์บ้าน (โทรศัพท์ปกติของทศท.) โทรไปหามือถือ จากตัวอย่างที่แล้ว ใครก็ตามที่อยู่ในกรุงเทพฯ ใช้โทรศัพท์บ้านโทรไปหามือถือของคุณปรีชา ไม่ว่าคุณปรีชาจะอยู่ที่เชียงใหม่ หรืออยู่ที่ใดในประเทศไทยก็ตาม ผู้ที่หมุนไปจะเสียค่าโทรนาทีละ 3 บาท เท่านั้น แต่ถ้าหากว่าคุณปรีชาใช้เครื่องของการสื่อสารและซื้อที่กรุงเทพฯ ผู้ที่หมุนไปจะเสียค่าโทรเพียง 3 บาท ไม่ว่าจะพูดนานแค่ไหนก็ตาม หากผู้นั้นหมุนผ่านส่วนกลางของกสท. นี่คือการให้บริการที่แตกต่างกัน
ข้อเตือนใจสำหรับผู้ที่ใช้โทรศัพท์มือถือ
1. ถ้าไม่แน่ใจว่าเครื่องที่จะโทรไปหาอยู่ในพื้นที่เดียวกันหรือไม่ ไม่ควรใช้มือถือโทรเข้าหากันเพราะอาจเสียเงินมากกว่าที่คิด ควรใช้โทรศัพท์บ้านจะดีกว่า ดังตัวอย่างต่อไปนี้ ผมและเพื่อนซื้อมือถือที่กรุงเทพฯ และเป็นระบบเดียวกัน เราทำงานที่เดียวกัน ตอนเช้ายังคุยกันอยู่ ตอนสายผมบินไปเชียงใหม่ พอใกล้เที่ยงเพื่อนผมซึ่งอยู่ที่กรุงเทพฯ และไม่ทราบว่าตอนนี้ผมอยู่ที่เชียงใหม่แล้ว ใช้มือถือโทรเข้ามือถือผมเพื่อชวนไปทานอาหารกลางวัน เพื่อนผมต้องเสียค่าโทรนาทีละ 12 บาท แต่ถ้าเขาใช้เครื่องบ้านโทรหาผม เขาจะเสียนาทีละ 3 บาทตามปกติ 2. ใช้มือถือท่านถูกดักฟังได้และท่านไม่มีโอกาสรู้ 3. การจูน (tune) หรือ ก็อปปี้ (copy) เบอร์ แม้แต่ก็อปปี้ SIM CARD ยังทำได้อยู่ และง่ายเสียด้วย 4. การนำเครื่องไปซ่อมที่ร้านที่ไม่ใช่ตัวแทน ท่านอาจถูกก็อปปี้เบอร์ได้ 5. ใช้มือถือโทรเข้าหาโทรศัพท์บ้าน จะเป็นทางไกลหรือทางใกล้ก็ตาม แม้ว่าปลายทางจะไม่มีผู้รับสาย มือถือยังต้องเสียค่า Air time 6. โทรศัพท์มือถือเขาทำไว้สำหรับใช้เวลาเคลื่อนที่ ดังนั้นบางครั้งท่านอยู่บ้านทั้งวันและเปิดมือถือไว้ ท่านอาจไม่ได้ยินใครเรียกเข้ามาเลย ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วมีผู้เรียกเข้ามา แต่เบอร์ของท่านถูกสถานีแม่ข่ายลืมเพราะท่านไม่ได้เคลื่อนที่ ดังนั้นแม่ข่ายจึงตอบกลับไปหาผู้หมุนว่าไม่สามารถติดต่อได้ ในทางตรงกันข้าม หากท่านจะใช้มือถือของท่านหมุนออกเมื่อใดจะสามารถใช้งานได้ทันที 7. การใช้มือถือโทรไปต่างประเทศ นอกจากท่านจะเสียค่าโทรต่างประเทศให้กสท.แล้ว ท่านยังจะต้องเสียค่า Air time ให้กับเจ้าของเครือข่าย (Service provider) อีกต่อหนึ่งด้วย
เห็นหรือยังครับว่ามือถือแต่ละระบบนั้นไม่เหมือนกัน ยังมีรายละเอียดที่แอบแฝงอยู่อีกมาก ซึ่งผู้บริโภคล้วนแล้วแต่เสียเปรียบทั้งสิ้น เช่น เมื่อถูกตัดสาย เราใช้งานไม่ได้ แต่ยังจะต้องเสียค่าเช่ารายเดือนอยู่ หรือหากท่านไม่พอใจการให้บริการจะบอกเลิกใช้ เขาไม่รับคืนเครื่องนะครับ จะได้คืนเพียงเงินค่าประกันการใช้ 3,000 บาท เท่านั้น และหากต่อมาเกิดกลับใจจะใช้ของเดิมอีก ท่านจะต้องซื้อเครื่องใหม่ จะนำเครื่องเก่ามาใช้ไม่ได้ เป็นการบังคับขายของใหม่นั่นเอง ก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อหรือเลือกใช้ระบบใด โปรดเลือกให้ดีนะครับ สงสัยในรายละเอียดอะไร คุยกันได้ครับ ขอให้ท่านมีความสนุกสนานในการใช้มือถือนะครับ แล้วคราวหน้าเราจะคุยกันด้วยเรื่องอะไรนั้นโปรดติดตามตอนต่อไปครับ ------------------------------------------------------- http://www.geocities.com/Athens/Troy/2909/Stories/communicate1.html
จากคุณ :
Aliansastor
- [
24 เม.ย. 50 12:26:59
]
|
|
|