ความคิดเห็นที่ 1 เหตุโบกมือลาไอซีทีจากปาก"สิทธิชัย" นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) รมว.ไอซีทีเผยเหตุโบกมือลานาวารัฐบาลขิงแก่ ระบุไม่อยากให้ 'สุรยุทธ์' มัวหมองจากการที่ ป.ป.ช. พาดพิงซุกหุ้นขณะรับตำแหน่ง ย้ำไม่คิดปกปิดเอกสารที่ส่งให้ก็ชี้แจงอย่างเต็มใจ แต่ไม่รู้กฎหมายการเมืองเรื่องถือครองและทรัพย์สินขณะดำรงตำแหน่ง เพราะไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ ลาออกด้วยวาจา นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เปิดเผยว่า ได้แจ้งต่อ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ด้วยวาจาผ่านทางโทรศัพท์ถึงการขอลาออกจากตำแหน่งและเสนอให้คุณหญิงทิพาวดี เมฆสววรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้ามาทำหน้าที่ รมว.ไอซีที แทน "เจตนาที่ผมจะลาออก เพราะไม่อยากให้รัฐบาลและนายกฯซึ่งชวนผมมาทำงาน ตองมามัวหมองในเรื่องนี้ ซึ่งผมต้องหารือกับนายกรัฐมนตรีหลังจากที่ท่านกลับมาจากอเมริกา" มูลเหตุทั้งหมดเกิดจากการที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีการออกประกาศแถลงการณ์จาก ป.ป.ช.ว่า นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รมว.ไอซีที นายอารีย์ วงศ์อารียะ รมช.มหาดไทยและนางอรนุช โอสถานุเคราะห์ รมช.พาณิชย์ได้กระทำผิดต่อผลบังคับทางกฎหมายในการเป็นรัฐมนตรีเรื่องการถือ หุ้นเกิน 5% ในห้างร้าน บริษัทหรือกิจการใดกิจการหนึ่ง ทั้งนี้ นายสิทธิชัย ได้มีการถือครอบครองหุ้นไว้คือ การถือหุ้นในมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร 16% และอุตสาหกรรมอวกาศไทย 31%(ปัจจุบันไม่ได้ดำเนินการแล้ว)และจากเอกสารปปช. ยังได้ระบุว่า การที่นายสิทธิชัยไม่ได้ดำเนินการโอนหุ้นให้นิติบุคคลอื่น ถึงแม้จะไม่ผิด แต่เป็นผลสืบเนื่องจากการที่ข้อบังคับของกฎหมายลูกในรัฐธรรมนูญปี 2540 ถึงแม้ในขณะนี้เรื่องดังกล่าวอาจจะไม่มีผลบังคับแล้ว แต่อาจจะเป็นความไม่เหมาะสม "เรื่องที่เกิดขึ้น ผมไม่ได้มีเจตนาจงใจหรือปกปิด แต่ผมไม่รู้ในรายละเอียดทางข้อบังคับทางกฎหมาย และ สิ่งที่ต้องกระทำจึงได้แจ้งรายงานไปแบบนั้น และ ไม่มีการโอนหุ้น โดยทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่ผมเองไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง" อย่างไรก็ตามขณะนี้นายสิทธิชัยจะยังคงทำหน้าที่รักษาการ รมว.ไอซีทีต่อไป และจะแถลงถึงสาเหตุการลาออกอย่างเป็นทางการในวันนี้ ด้านนายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ที่อเมริกาได้ขอหารืออีกครั้งในวันที่กลับมาคือ 29 กันยายนนี้ เพื่อความสบายใจ ในบทบัญญัติของกฎหมายลูกในรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 ระบุถึงผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าห้ามถือหุ้นเกิน 5% ในกิจการใด เพราะอาจเป็นเหตุของควาไม่เหมาะสมต่อตำแหน่งหน้าที่อันมีผลต่อการทำหน้าที่ เป็นรัฐมนตรี ที่สามารถให้คุณหรือประโยชน์ได้กับกิจการที่ตนเองมีส่วนได้เสีย อย่างไรก็ตามคณะรัฐมนตรีชุดนี้ที่เข้ามาทำงานด้วยรัฐธรรมนูญชั่วคราว ซึ่งไม่ได้เกี่ยวโยงกับรัฐธรรมนูญปี 2540 แต่เจตนาที่นายสิทธิชัยจะลาออกนั้นเพื่อความสบายใจว่าไม่ได้เป็นส่วนหนึ่ง ของเหตุที่ทำให้เกิดข้อครหาในรัฐบาล "กิจการที่ผมถือหุ้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของไอซีที แต่อย่างใดเลย" นายสิทธิชัยกล่าวอีกว่า การลาออกจากตำแหน่ง รมว.ไอซีที คงไม่กระทบต่ออุตสาหกรรมและโครงการต่างในหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ อย่าง บริษัท ทีโอที หรือ บริษัท กสท โทรคมนาคม แต่อย่างใด เนื่องจากโครงการต่างๆที่ทำอยู่ยังไม่ได้อยู่ในลำดับของการตัดสินใจได้ อย่างเช่น โครงการพัฒนาโครงข่าย โทรศัพท์เคลื่อนที่ ระบบ1900 MHz ของกิจการร่วมค้าไทยโมบาย เป็นการลงทุนในโครงข่าย 3G ซึ่งมีกลุ่มประเทศต่างชาติเสนอตัวมาลงทุนโครงข่ายให้ ทีโอที กู้ระยะยาว แต่คงไม่สามารถเข้าพิจารณาทันรัฐบาลนี้ ขณะที่ปัญหาเรื่องรายได้ของ ทีโอที และ กสท มีอัตราที่ลดลงต่อเนื่องก็เป็นปัญหามานาน และต้องฟื้นการทำรายได้อย่างจริงจัง โดยจะเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัท เป็นผู้ดำเนินการแก้ไขและวางรูปแบบนโยบาย มอบหมายให้ดำเนินการ ส่วนการแก้สัญญาสัมปทานซึ่งเขาได้เปิดประเด็นว่า มีการแก้ไขและต่ออายุโดยผิดพ.ร.บ.ร่วมการงาน2535 ตามที่กฤษฏีกาชี้มูลเพราะไม่ผ่านคณะรัฐมนตรี ขณะนี้ยังอยู่กระบวนการตั้งคณะกรรมการเจรจา "ในช่วง4 ถึง 5 เดือนนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำอะไรกับสัมปทานที่มีปัญหา และทำให้ ทีโอที หรือ กสท ให้ดีขึ้น เห็นภาพในทันทีได้" อย่างไรก็ตามผลงานที่นายสิทธิชัยสามารถดำเนินการ แก้ไขระบบการเมืองที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระทำไว้ คือเรื่องภาษีสรรพสามิตโทรคมนาคม โดยนายสิทธิชัย ได้ผลักดันเข้าสู่ ครม. หารือจนทำให้เกิดการยกเลิกการจัดเก็บภาษีสรรสามิต ทำให้ ทีโอที และ กสท ได้รับส่วนแบ่งรายได้อย่างเต็มที่ โดยที่รัฐไม่เสียประโยชน์ต่อเอกชน. ข่าว : CyberBiz แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 50 21:27:23 จากคุณ : mrtech - [ 21 ก.ย. 50 21:26:50 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถึงแม้ไม่ชอบที่ท่านเคยให้นโยบายและสัมภาษณ์หลายๆครั้ง แต่ ครั้งนี้สนับสนุนครับ อยากให้คนไทยนักการเมืองไทยเป็นอย่างนี้บ้าง รู้สึกตัวว่าผิดแล้วรีบแสดงความรับผิดชอบ ลาออกเลย แบบญี่ปุ่นอะไรทำนองนี้ อย่าหน้าด้านหน้าทนกันนักเลย รอบิลหรือใบเสร็จหรือ อีกกี่ชาติถึงจะเจอล่ะเนี่ย จากคุณ : YKK - [ 21 ก.ย. 50 22:35:52 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จริงๆแล้ว  เป็นคนธรรมดา สบายกว่ากันเยอะเลย จากคุณ : kobu - [ 21 ก.ย. 50 22:45:17 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เหอะ ผิดอะไรตอนเค้าจะเลือกตั้งกันแล้ว จริงๆตอนก้าวเข้ามา ก็ควร clear ให้รู้แล้วรู้รอดให้ถูกต้องตามกฎหมายเสียก่อนด้วยซ้ำ จะมา spirit อะไรตอนเหลือเวลาในตำแหน่งไม่กี่วัน กว่าจะออกไปได้ เฮ้อ... ปล more info @ http://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P5841084/P5841084.html แก้ไขเมื่อ 22 ก.ย. 50 01:11:22 จากคุณ : FreshPhone (เฟรซโฟน) - [ 22 ก.ย. 50 00:18:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เห็นด้วยกับคุน เฟรซโฟนครับ กว่าจะออกไปได้ แหมไม่ออกก่อนวันเลือกตัง 1 วันเลยล่ะ จากคุณ : JzGuy - [ 22 ก.ย. 50 00:46:50 A:125.24.42.253 X: TicketID:126399 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ออกไปดีละ เต่าล้านปี แต่ก่อนมีข่าวว่าปิดเวบไปทั่ว ทั้งๆที่ตัวเองบอกว่าไม่เล่นเน็ต ไม่อ่านเมลล์ เต่าล้านปี ออกไป จากคุณ : music2boylove - [ 22 ก.ย. 50 00:54:47 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น 1. บอกมาว่า ไม่ได้ศึกษาข้อกฎหมายให้ดีก่อน >> แล้วมารณรงค์ให้รับรัฐธรรมนูญ ปี 50 ได้อย่างไร เพราะข้อกฎหมายทั้งหมดก็อยู่ในนั้น (ความผิดตาม มาตรา ๒๖๙) 2. อ้างว่ายังไงก็ไม่ผิด เพราะมี บทเฉพาะกาล >> ยิ่งเห็นได้ชัดว่า ศึกษากฎหมายมาเป็นอย่างดี นอกจากนี้ ผลของการรับ รัฐธรรมนูญ ปี 50 เริ่มทำงานแล้ว คุ้มครองให้กับรัฐมนตรีชุดปัจจุบันนี้ทุกคนเลย >> มาตราดังกล่าวคือ มาตรา ๒๙๘ บอกว่า "มิให้นำบทบัญญัติมาตรา ๑๗๑ วรรคสอง  มาตรา ๑๗๒  มาตรา ๑๗๔ และมาตรา ๑๘๒ (๔) (๗) และ (๘) มาใช้บังคับกับการดำรงตำแหน่ง      นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้" >> และ มาตรา ๑๘๒ (๗) บอกว่า ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว เมื่อ (๗) กระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา ๒๖๗ มาตรา ๒๖๘ หรือมาตรา ๒๖๙ >> ส่วนมาตราที่บอกความผิดคือ มาตรา ๒๖๙  นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต้องไม่เป็นหุ้นส่วนหรือ   ผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือไม่คงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทต่อไป จากคุณ : นายแมงเม่า - [ 22 ก.ย. 50 08:13:54 ]