ความคิดเห็นที่ 102
สวัสดีครับ ผมมีความเดือดเนื้อร้อนใจมาพุดให้เพื่อนๆ ที่ยังไม่เคยโดนพวกนี้เล่นงาน ผมมีความอึดอัดใจมากเกี่ยวกับการ จับลิขสิทธ์ซึ่งมีลักษณะเป็นการล่อซื้อหลอกให้ลงโปรแกรมเพลง และที่โดนจับไม่เหมือนกับกระทู้ข้างบนที่พูดมา ผมจะเล่าให้ฟัง คือร้านผมเป็นร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ รับประกอบ และขายคอมมือสอง และร้านอินเตอร์เน็ต-เกมส์ในตัว ซึ่งเป็นร้านเล็กๆ เรื่องก็มีอยู่ว่า ในวันที่เกิดเหตุ ประมาณ วันที่ 10 -15 ก.พ. 51 มีชายคนหนึ่ง แต่งตัวคล้ายกับพนักงานก่อสร้าง(ลักษณะอ้วนเตี้ยหัวล้านมีหนวดเครา) ซึ่งดูผิวเผินผมคิดว่าเป็นประเภทพวกหัวหน้าคุมก่อสร้างซึ่งคล้ายๆว่าเคยเห็นหน้า เข้ามาที่ร้านผมมาขอดูคอมมือสอง และสั่งซื้อด้วย ซึ่งตอนนั้นอินเตอร์เน็ตของผมใช้งานไม่ได้ ผมจึงไม่สามารถเช็คราคาให้ได้(คอมมือสองผมต้องสั่งซื้ออีกทีหนึ่ง) จึงบอกนายคนนั้นไปว่าเอางี้และกันเดี๋ยวขอนามบัตรคุณ ถ้าอินเตอร์เน็ตผมใช้ได้เมื่อไหร่จะโทรบอกเรื่องราคาให้ นายคนนั้นก็ให้เบอร์ผมโดยการโทรเข้ามือถือผมและบอกว่า ให้โทรหาเบอร์นี้ละกัน ซึ่งผมก็ไม่ได้เอะใจอะไรที่เขาไม่ได้ให้นามบัตร เพราะคิดว่าคงไม่มี อีกสองสามวันผ่านมา นายคนนั้นก็โทรหาผมว่าเช็คราคาได้หรือยัง ตอนนั้นก็ยังเช็คไม่ได้เน็ตล่มหลายวันเพราะมีการขโมยสายเคเบิลขององการ ตอนนั้นผมก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรจึงบอกเขาไปว่าโทรมาถามผมอีกละกัน พอเน็ตใช้งานได้ผมก็สามารถตรวจสอบราคาได้พอรทราบราคาผมก็โทรไปบอกนายคนนั้นว่าผมสามารถดูราคาให้ได้แล้วแต่คอมมือสองที่บริษัททีผมไปรับหมด ผมจึงบอกไปถ้าพี่จะเอาก็คงไม่มีให้และผมก็เสนอทางเลือกให้อีกทาง (ซึ่งวิธีในการขายคือเปรียบเทียบราคาให้ลูกค้าได้เลือก) คือเอาอย่างนี้คอมมือสองราคา 7,000 บาท กับมือหนึ่ง(ประกอบ) ราคา 11,000 บาท ทำไมพี่ไม่เอามือหนึ่งไปเลยละซึ่งผมแนะนำอย่างนี้ และนายคนนั้นก็ตกลง งั้นผมเอามือหนึ่งก็ได้ แต่คุณมีพวกเพลงคาราโอเกะไหม เพลงที่เค้าร้องกันอะ พูดในทำนองอยากได้ไว้ร้องกับลูกน้อง ซึ่งตอนนั้นผมได้ยินเสียงพูดแล้วคงไม่มีอะไรก็เลยตอบตกลงไป ก็บอกว่าได้ถ้าพี่ต้องการก็จะลงให้ แต่คอมฯ ชุดนี้ไม่มีลำโพงนะ เค้าก็บอกว่าเอาด้วย ผมก็เลยตีราคาคอมเพิ่ม เป็น 11,300 บาท เดี๋ยวผมจะลงให้ ตางคนต่างโอเค ผมก็เลยบอกว่าพี่ต้องวางมัดจำ 2,000 บาท นะ นายคนนั้นก็บอกตกลง พอวันที่ 21 ก.พ. 51 นายคนนั้นก็นำเงินมัดจำมาให้ตามนัด มาถึงตอนนั้ผมก็คิดว่าเค้าต้องการซื้อจริงๆ เพราะวางมัดจำ ก็เขียนบิลมัดจำตามปกติ และนัดวันให้มารับคอม แต่ก่อนออกจากร้าน นายคนนั้นก็ได้เข้ามากระซิบขอผมอีกว่า มีคลิบวีดีโอไหมขอแถมให้ผมหน่อยได้ไหม จะเอาไว้ดู ด้วยถ้อยคำขณะนั้นผมคงใจดีเกินไป และไม่ได้คิดอะไรหมายถึงไม่ได้คิดระวังอะไรจึงตอบตกลงไป(ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยลงโปรแกรมนิคหรือแถมคลิบอะไรให้ใครเลย) แต่คนนี้เป็นอะไรไม่รู้ ให้แบบง่าย ๆ ถึงวันที่ 24 ก.พ. 51 นายคนนั้นก็มารับคอมตามนัด ตอนเช้า ประมาณ 10.00 น. เข้ามาก็มาขอตรวจดู คอมว่าลงอะไรไปให้ และขอดูเพลงคาราโอเกะที่ให้ลงให้ และก็คลิบ ก็อีกนั้นแหละผมก็ไม่ได้เอะใจอะไร ทำไมต้อรีบดู คาราโอเกะ พอดูเสร็จแล้ว ก็มีกลุ่มคน 4 - 5 เข้ามาในร้าน และมีคนคนหนึ่ง มาแสดงตนทันที่ว่า เป็นผู้รับมอบอำนาจ ลิขสิทธิ์ มาจาก บริษัทชื่อดัง คือ บริษัท ท๊อบไลน์มิวสิก บริษัท นพพร ซิลเวอร์โกล์ด จำกัด และ ชัวออดิโอ้ มาดำเนินการจับกุม เวลานั้นไอ้คนที่สั่งซื้อคอมก็ออกตัวว่าเป็นหนึ่งในทีมงานของชุดจับกุมดังกล่าว และมีนายตำรวจนอกเครื่องแบบมาด้วย 2 นาย ตอนนั้นผมงงในเหตุการณ์ตั้งตัวไม่ทัน ก็ได้แต่พูดว่าทำกันอย่างนี้เลยหรอ เดี๋ยวนี้เค้าเอากันแบบนี้หรอ ในความรู้สึกตอนนั้นสุดทนจริงๆครับ เสียความรู้สึกแบบสุดๆ ทำไมก็เค้าสั่งซื้อคอมและขอให้ผมลงให้ แล้วมาแสดงตัวจับกุมว่าเป็น ผู้รับมอบจากเจ้าของลิขสิทธิ์ ซึ่งผมตั้งตัวไม่ทันเลย ในที่สุดเค้าก็ยึดของกลางและขอไปคุยกันที่โรงพัก ตอนนั้นผมยังคิดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งรอและปรึกษาญาติคนรู้จัก แต่ลืมนึกไปว่าน่าจะเรียกทนายมาด้วย ไม่ใช่ว่าลืมแต่ไม่เคยเรียกทนายไม่เคยเจอคดีแบบนี้มาก่อนก็เลยไม่รู้จักวิธีการ (ผมผิดพลาดอย่างมหัน) ต่อมาก็ได้ต่อรองกัน ซึ่งไอ้คนที่มาสั่งซื้อคอมผม(ลักษณะอ้วนเตี้ยหัวล้านมีหนวดเครา)ได้ออกตัวออกอาการโวยวายขู่อย่างนั้นจะเสียค่าปรับอย่างงี้ถ้าขึ้นศาล จะเป็นอย่างงี้ เบ่งมาก ซึ่งไอ้คนนี้แหละที่ผมรู้สึกว่าทำไมมันถึงทำอย่างนี้ เพื่อนๆครับ อยากถามว่าการกระทำของมันเข้าข่าย เป็นการกรรโชคทรัพย์ ไหมครับ เป็นวิธีการที่ผมไม่เคยเห็น ผมเสียความรู้สึกกับไอ้คนนี้มากที่สุด เพราะมันออกตัวเลย มันเป็นหนึ่งในขบวนการ และมันเปรียบเทียบลักษณะ การกระทำของมันว่าเหมือนการล่อซื้อยาเสพติด ท่านผู้รู้ทั้งหลายครับ ช่วยตอบทีครับลักษณะนี้เป็นการล่อซื้อหรอครับ หรือจูงใจให้ให้ผู้บริสุทธิ์กระทำความผิด และพวกนี้กระทำการโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วหรือครับ ทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำในลักษณะเป็นธุรกิจ หรือเผยแพรต่อสาธารณชน อยากขอคำแนะนำจากท่านผู้รู้ครับ วันนั้นผมต้องยอมเสียค่าปรับ เป็นจำนวนเงิน 3,3000 บาท ครับ บทเรียนนี้ราคาแพงมากครับ ผมก็ยอมรับ ผมโง่เองใครจะด่าผมก็ได้นะครับ แต่โดยวิธีการผมเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่ต้องการขายคอมและยอมแถมพวกนี้ให้ลูกค้าเพื่อเอาใจ และที่เศษมา 3,000 บาท ไม่ใช่ค่าอะไรเป็นค่าที่มันบอกว่า เรื่องคลิบสื่อลามก มันเป็นอีกคดีหนึ่งต้องเคลียกับตำรวจก็อีกนั่นแหละครับเป็นตำรวจในทีมงานของมัน ที่ผมติดใจอีกเรื่องคือเรื่องคลิบสื่อลามกผมให้เพราะมันขอ นี่เป็นการสมยอมกัน ถ้ามันแจ้งอีกคดีมันก็ต้องผิดใช่ไหมครับเพราะเป็นการสมยอมกัน ผมได้อ่าน พรบ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ในภายหลัง มาตรตรา 14 (๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้น ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ที่ผมให้ไปในนามบุคคล และเป็นคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ผมมีความผิดไหมครับถ้าไปต่อสู้ที่ศาลผมสามารถชนะความได้ไหมครับ ที่ผมยอมจ่าย 33,000 บาท ก็เพราะมีกรณีนี้และครับที่มันนำมาขู่บังคับ สุดท้ายนี้ผมขอคำแนะนำจากผู้รู้อะครับว่าผมพอจะมีวิธีใดบ้างที่จะสามารถ เอาเรื่องกับพวกนี้ได้ ไม่ให้ไปล่อซื้อในกรณีนี้กับคนอื่นอีก ถือว่ากรณีของผมเป็นตัวอย่างก็แล้วกันนะครับ ก็ที่ผมบอกแหละครับ ใครจะว่าผมโง่ก็ไม่เป็นไรเพราะผมไม่คิดไม่ฝันว่ามันจะมาในรูปแบบนี้จริงๆ ลืมบอกไปคอมที่มันสั่งซื้อมันให้คืนครับ ก็กลายเป็นว่าผมต้องเสีย 44,300 บาท รวมกับค่าคอมอะครับ ผมก็ยังคิดเสมออะครับ ว่าลงโปรแกรมพวกนี้ไปได้ยังไง เป็นบทเรียนราคาแพงมากครับ ถ้ากรณีนี้ผมผิดเต็มๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ากระบวนการนี้กระทำการมิชอบด้วยกฎหมาย สามารถฟ้องกลับเอาผิดกับบุคคลเหล่านี้ได้ไหมครับ ซึ่งผมมีหลักฐาน รายชื่อ ผู้รับมอบอำนาจจากลิขสิทธิ์ และ เบอร์โทรของไอ้คนที่มาติดต่อขอซื้อคอม อาจจะน้อยแต่สามารถเอาผิดได้ไหมครับ ขอคำแนะนำครับ ขอบคุณครับ
srv_may@hotmail.com
จากคุณ :
ผู้ถูกล่อลวง
- [
25 ก.พ. 51 23:20:25
A:117.47.55.60 X:
]
|
|
|