"ทีดีอาร์ไอ" เผยผลศึกษาค่า "ไอซี" ค่ายมือถือเรียกเก็บนาทีละ 1 บาท สูงเกินต้นทุนจริงถึง 4 เท่า ต้นเหตุ "สงครามราคา" ลาโรง ระบุ 3 ค่ายมือถือเข้าข่าย "ฮั้วราคา" ทางอ้อม จี้ "กทช." เร่งตรวจสอบข้อมูล-พิทักษ์ประโยชน์ผู้บริโภค
ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ รองประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) เปิดเผยว่า ได้รวบรวมข้อมูลการเงินที่ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หลังจากเอไอเอส, ดีแทค และทรูมูฟเริ่มเรียกเก็บค่าเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม (อินเตอร์คอนเนกชั่น ชาร์จ : ไอซี) และบันทึกรายการในบัญชีจริงแล้วพบว่า ต้นทุนการเชื่อมต่อโครงข่ายน่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 0.27 บาทต่อนาที ดังนั้นค่าไอซีที่ผู้ให้บริการเรียกเก็บในอัตรานาทีละ 1 บาทจึงสูงเกินต้นทุนจริงถึง 4 เท่า
ทั้งนี้ ข้อมูลหลักที่ "ทีดีอาร์ไอ" นำมาใช้ในการวิจัยเป็นข้อมูลของ บมจ.โทเทิ่ล แอ็ค เซ็ส คอมมูนิเกชั่น (ดีแทค) ในไตรมาส 3 ของปี 2550 และไตรมาส 3 ปี 2551 โดยเป็นข้อมูลที่ละเอียดพอที่จะประมาณการต้นทุนในการให้บริการได้ แม้ตัวเลขของแต่ละบริษัทจะแตกต่างกันบ้าง แต่ไม่มากนัก และดีแทคเป็นค่ายที่อยู่ในระดับกลางของตลาดจึงเชื่อว่า ต้นทุนแต่ละรายใกล้เคียงตัวเลขที่ปรากฏในงานวิจัยนี้
สำหรับปัญหาที่เกิดจากการเก็บค่าไอซีสูงเกินจริง คือ ลดการแข่งขันระหว่างผู้ให้บริการทำให้ค่ายมือถือไม่กล้าตัดราคาเพื่อดึงดูดลูกค้า เพราะเกรงว่า หากมีลูกค้ามากจะเกิดการเรียกออกไปนอกโครงข่ายของตนเองมากทำให้ต้องจ่ายค่าไอซีมาก โดยค่าบริการต่อนาทีมีแนวโน้มสูงขึ้นจากปัจจุบันเฉลี่ยที่ 1.50 บาทต่อนาที ทั้งที่เมื่อคำนวณต้นทุนเฉลี่ยการให้บริการที่แท้จริง ไม่น่าเกิน 0.50-0.60 บาทต่อนาที
"กลายเป็นว่า ไอซีสูงเกินจริงทำให้ทุกค่ายฮั้วราคากันทางอ้อม เพราะแรงจูงใจในการตัดราคาลดลง การฮั้วราคาเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ กทช.ในฐานะผู้กำกับดูแลยังยอมรับให้เอกชนทำได้ โดยไม่เข้าไปตรวจสอบเท่ากับว่า กทช. มีฐานะไม่ต่างไปจากหัวหน้าคาร์เทล ร่วมมือกับค่ายมือถือให้เอาเปรียบผู้บริโภค"
ดร.สมเกียรติกล่าวต่อว่า อีกสิ่งที่ช่วยยืนยันคือ มีบริษัทผู้ให้บริการบางรายแจ้งนักลงทุนว่าหลังมีการเก็บค่าไอซีแล้วมีสัญญาณ ที่ดีในการแข่งขันด้านราคา เพราะเมื่อมีไอซีทำให้การแข่งราคาเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้นสงครามราคาอย่างในอดีตจะไม่เกิดขึ้น ซึ่งหลังเริ่มเก็บค่าไอซี ผู้ให้บริการทั้ง 3 รายต่างมีผลประกอบการดีขึ้น และมีโปรโมชั่น แปลกๆ เกิดขึ้น เช่น "ซิมรับสาย รับทรัพย์" ลูกค้าได้เงินคืนนาทีละ 50 สตางค์จากการรับสาย แสดงว่าต้นทุนค่าไอซีที่แท้จริง ไม่เพียงต่ำกว่านาทีละ 1 บาท แต่ยังต่ำกว่า 50 สตางค์อีกพอสมควร บริษัทจึงสามารถคืนเงินให้ลูกค้าได้
การที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนา คมแห่งชาติ (กทช.) ปล่อยให้เอกชนกำหนดอัตราตามที่ตกลงกันเองได้ขัดกับประกาศ กทช.ว่า ด้วยการใช้ และเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม พ.ศ.2549 ที่ระบุว่า ต้องอยู่ภายใต้อัตราที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ตนจึงต้องการให้ กทช. เรียกข้อมูลจากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทั้ง 3 รายใหญ่ที่อยู่ในระบบไอซี ได้แก่ เอไอเอส ดีแทค และทรูมูฟ เพื่อนำมาตรวจสอบว่า อัตราค่าไอซีปัจจุบันสอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริงหรือไม่
และแม้ว่า สัญญากำหนดอัตราค่าไอซีเป็นสัญญา 2 ฝ่ายที่เอกชนตกลงกันเองได้โดยอิสระ แต่เมื่อเป็นสัญญาที่เกิดขึ้นตามประกาศ กทช.ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขของ กทช.ที่สามารถเข้าไปควบคุมได้ ในต่างประเทศไม่ปล่อยให้เอกชนตกลงไอซีได้เอง แต่จะเรียกต้นทุนมาดูให้เอกชนพิสูจน์ เพราะผลประโยชน์ของค่ายมือถือย่อมไม่เท่ากับผลประโยชน์ของผู้บริโภค
"กทช. จะบอกว่า ไม่ได้ข้อมูลไม่ได้ ในฐานะผู้กำกับดูแลต้องเรียกข้อมูลมาดู ให้เอกชนพิสูจน์ให้ได ขอให้ กทช.ทำหน้าที่ตามประกาศของตัวเอง จริงๆ เมื่อมีซิมรับสายรับทรัพย์ออกมา กทช.ต้องรู้ตัวแล้วว่า ไม่ปกติ หาก ไม่ทำกลุ่มผู้บริโภคควรรวมตัวกันฟ้อง กทช. ว่าทำผิดกฎหมายของตัวเอง"
ดร.สมเกียรติระบุว่า ระบบไอซีเป็นแนวคิดที่ดี แต่นโยบายต้องชัดเจน แม้การใช้จะทำให้การโทร.ฟรีแบบบุฟเฟต์กลับมาไม่ได้ ถ้าอัตราค่าไอซีสมเหตุสมผล แม้จะมีการแยกค่าโทร.แบบใน-นอกโครงข่ายอยู่ ราคาก็จะสมเหตุสมผล และน่าจะลดลงจากอัตราปัจจุบัน
สำหรับแนวคิดในการรวม บมจ.ทีโอที และ บมจ. กสท โทรคมนาคมเข้าด้วยกันนั้น ตนเห็นว่า ไม่ช่วยลดต้นทุน หรือลดจำนวนพนักงานแต่กลับทำให้องค์กรยิ่งแย่ลง แม้ทรัพย์สินจะเพิ่มสูงขึ้น แต่หนี้สินก็จะสูงตามไปด้วย
http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02com01201151&day=2008-11-20§ionid=0209
จากคุณ :
HSOPA
- [
20 พ.ย. 51 00:20:02
]