PANTIP.COM : T7238744 ### ได้ข่าวว่า moto ปิดแล้วครับ ### [เครื่องและอุปกรณ์เสริม]

ความคิดเห็นที่ 33

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2371 02 พ.ย. - 05 พ.ย. 2551

โมโตโรล่าเร่งยกเครื่องธุรกิจมือถือ หนุนแอนดรอยด์เป็นระบบปฏิบัติการหลัก
กล่าวได้ว่า ทุกๆ เครื่องของโทรศัพท์มือถือที่บริษัทจำหน่ายออกไปในช่วงไตรมาสที่แล้ว 28.1 ล้านเครื่องนั้น ขาดทุนเฉลี่ยเครื่องละ 12 ดอลลาร์สหรัฐฯ

"สัณชัย จา" นายใหม่โมโตโรล่าเร่งผ่าตัดยกเครื่องธุรกิจโทรศัพท์มือถือฝ่าคลื่นลมภาวะขาด ทุนที่เริ่มก่อตัวมาตั้งแต่ปี 2550 นอกจากการปรับปรุงขั้นตอนการผลิต ลดความซับซ้อน ซึ่งหมายรวมถึงการลดจำนวนระบบปฏิบัติการที่ใช้ในโทรศัพท์มือถือรุ่นต่างๆ ให้เหลือเพียง 3 ระบบหลักแล้ว ยังคาดหมายการเลิกจ้างอีกหลายอัตรา แหล่งข่าวใกล้ชิดแผนยกเครื่องเผย โทรศัพท์โมโตฯ รุ่นใหม่ในอนาคตจะใช้ระบบแอนดรอยด์ของกูเกิลมากยิ่งขึ้น โดยรุ่นแรกจะวางตลาดในปีหน้า

เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล รายงานว่า นาย สัณชัย จา หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งควบตำแหน่งประธานบริหารร่วมของบริษัท โมโตโรล่า อิงค์ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กำลังเดินหน้าปรับปรุงธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ประสบภาวะขาดทุนและการ แข่งขันที่ขับเคี่ยวยิ่งขึ้น โดยในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา (ไตรมาส 2) ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ของโมโตโรล่าขาดทุนถึง 337.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (กว่า 11,464 ล้านบาท) หรือกล่าวได้ว่า ทุกๆ เครื่องของโทรศัพท์มือถือที่บริษัทจำหน่ายออกไปในช่วงไตรมาสที่แล้ว 28.1 ล้านเครื่องนั้น ขาดทุนเฉลี่ยเครื่องละ 12 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวและเพิ่มขีดความสามารถในการทำ กำไรของแผนกดังกล่าว ผู้บริหารคนใหม่ของโมโตโรล่าจึงตัดสินใจปรับปรุงกระบวนการผลิตโดยลดความซับ ซ้อน และเลิกจ้างพนักงานบางส่วนเพิ่มเติมซึ่งยังไม่ได้รับการยืนยันว่าจะเป็นกี่ อัตรา แต่มีการคาดหมายว่าน่าจะเป็นจำนวนหลายพันอัตรา ทั้งนี้นับจากต้นปี 2550 เป็นต้นมา บริษัทได้ประกาศเลิกจ้างพนักงานไปแล้ว 10,000 อัตรา

++ ลดระบบปฏิบัติการเหลือเพียง 3 ระบบ

นอกจากนี้ แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดวงในของโมโตโรล่ายังเปิดเผยด้วยว่า นายสัณชัยมีแผนจะสนับสนุนให้มีการใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ของบริษัท กูเกิลฯ เป็นระบบปฏิบัติการในโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่ระดับไฮเอนด์ของบริษัทในอนาคต อันใกล้

รายงานระบุว่า นายสัณชัย จา เกิดในประเทศอินเดียและจบการศึกษาจากประเทศอังกฤษ ก่อนเข้าร่วมงานกับโมโตโรล่านั้น เขาดำรงตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ควอลคอม อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่และเขามีส่วนกำกับดูแลการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ช่วย การทำงานในระบบของกูเกิล

ดังนั้นเขาจึงสนับสนุนให้โทรศัพท์มือถือรุ่นอนาคตของโมโตโรล่าใช้ระบบ ปฏิบัติการแอนดรอยด์ของกูเกิลเป็นหลัก และจะใช้ระบบปฏิบัติการอื่นๆ อีกเพียง 2 ระบบเท่านั้นสำหรับโทรศัพท์รุ่นต่างๆ ของบริษัท เป้าหมายหลักก็เพื่อเร่งความเร็วในการพัฒนาโทรศัพท์รุ่นใหม่ๆ ออกสู่ตลาด เนื่องจากหนึ่งในปัญหาหลักในปัจจุบันของโมโตโรล่าก็คือ ความล่าช้าในการพัฒนาโทรศัพท์รุ่นใหม่เข้าตลาดนั่นเอง ซึ่งสาเหตุหนึ่งก็เป็นเพราะบริษัทใช้ระบบปฏิบัติการมากมายหลายระบบจนเกินไป ในการผลิตโทรศัพท์รุ่นต่างๆ

รายงานข่าวระบุว่า สัณชัยมีแผนจะเลิกใช้ระบบปฏิบัติการที่ใช้อยู่อย่างน้อย 4 ระบบ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่าอาจจะมีการยกเลิกโทรศัพท์บางรุ่นบางแบบ ที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา รวมทั้งการเลิกจ้างพนักงานพัฒนาโทรศัพท์รุ่นที่ได้รับผลกระทบด้วย แผนการดังกล่าวอาจส่งผลให้โมโตโรล่าประสบความล่าช้าในการพัฒนาโทรศัพท์รุ่น ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดในช่วงไตรมาสข้างหน้า

นับตั้งแต่ที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว สัณชัยมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาทางเทคนิคซึ่งรวมถึงการแก้ไขความยุ่งยากซับซ้อนใน ระบบซัพพลายเชน เดิมทีการผลิตโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นต่าง

ๆ ของบริษัท มีการใช้ระบบปฏิบัติการไม่ต่ำกว่า 6 ระบบ ซึ่งต่างจากคู่แข่งอย่างโนเกีย คอร์ปซึ่งใช้เพียง 2 ระบบ ดังนั้นในช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา สัณชัยจึงประกาศว่า เขาจะลดจำนวนระบบปฏิบัติการเหลือเพียง 3 ระบบเท่านั้น และบริษัทจะผลิตโทรศัพท์รุ่นใหม่ให้มีคุณสมบัติการทำงานเชื่อมโยงกับ อินเตอร์เน็ตและคุณสมบัติด้านมัลติมีเดียอื่นๆ โดยใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เป็นหลัก

ขณะเดียวกัน บริษัทจะพัฒนาโทรศัพท์มือถือที่มีคุณสมบัติรองรับการใช้งานเชิงธุรกิจซึ่ง ใช้ระบบปฏิบัติการวินโดว์ โมบาย (Windows Mobile) ของบริษัทไมโครซอฟท์(ปัจจุบัน โทรศัพท์สมาร์ทโฟนตระกูลคิว (Q) ของโมโตโรล่าใช้ระบบปฏิบัติการดังกล่าวอยู่แล้ว) ส่วนโทรศัพท์มือถือระดับโลว์เอนด์ซึ่งเจาะตลาดราคาถูก จะใช้ระบบปฏิบัติการพีทูเค (P2K) ของโมโตโรล่าเอง

++ เตรียมแยกธุรกิจโทรมือถือเป็นบริษัทใน 2 ปี

แหล่งข่าวใกล้ชิดวงในของบริษัทยังเปิดเผยด้วยว่า โทรศัพท์รุ่นใหม่ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ของโมโตโรล่าจะยังไม่เข้า ตลาดจนกว่าจะปีหน้า แต่นั่นก็หมายถึงการลงไปขับเคี่ยวในสังเวียนเดียวกับบริษัทคู่แข่งที่ใช้ ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์เช่นเดียวกัน เช่น บริษัท เอชทีซี คอร์ป แห่งไต้หวัน ที่เปิดตัวโทรศัพท์จีวัน (G1) เข้าตลาดสหรัฐฯ ไปแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ โดยความร่วมมือกับบริษัท ที-โมไบล์ ยูเอสเอ ทั้งนี้โมโตโรล่าอาจจะต้องเหนื่อยมากกว่าเนื่องจากเปิดตัวสินค้าเข้าตลาด หลังคู่แข่ง นอกจากนั้นยังต้องแข่งขันกับสมาร์ทโฟนรายอื่นๆ อย่างเช่น ไอโฟนของบริษัทแอปเปิล คอมพิวเตอร์ฯ และแบล็คเบอร์รีของบริษัท ริเสิร์ช อินโมชั่นฯ แต่โมโตโรล่าก็หวังว่า ลักษณะเปิดกว้างของระบบแอนดรอยด์จะจูงใจบริษัทต่างๆ ให้สนใจเข้ามาพัฒนาคุณสมบัติการใช้งานใหม่ๆ สำหรับโทรศัพท์ที่ใช้ระบบดังกล่าวมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยขยายความนิยมไปโดยปริยาย

รายงานระบุว่า การที่โมโตโรล่าเร่งปรับปรุงแผนกโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้สามารถพลิกฟื้นกลับมา ทำกำไรอีกครั้งเป็นเพราะบริษัทมีแผนจะแยกแผนกดังกล่าวออกมาเป็นบริษัทเอกเทศ ซึ่งแยกส่วนกับธุรกิจด้านอื่นของโมโตโรล่าซึ่งได้แก่ส่วนธุรกิจผลิตอุปกรณ์ แปลงสัญญาณสำหรับเคเบิลทีวี อุปกรณ์วิทยุสื่อสารและอื่นๆ

หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน คาดว่าการแยกส่วนธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ออกมาเป็นบริษัทจะเกิดขึ้นได้ภาย ในช่วงปลายปี 2553 และสัณชัยจะได้ค่าตอบแทนจากการนี้ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในกรอบเวลา 3 ปี พร้อมหุ้นในบริษัทใหม่ 3% แต่หากทำไม่สำเร็จก็ยังได้รับค่าเหนื่อยสำหรับความพยายามปรับโครงสร้าง บริษัท 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ดี

ที่มา:http://www.thannews.th.com/detialnews.php?id=M2923711&issue=2371

จากคุณ : he9ro - [ 24 พ.ย. 51 22:04:54 ]