Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com


    ความหละหลวมและการละเลยต่อกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ของ พนักงาน DTAC ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ซากๆ โดยที่ผู้บริหารก็ไม่คิดจะอุดรอยรั่ว

    ที่มาเล่าวันนี้ แค่อยากจะให้ท่านอื่นๆ ระมัดระวังตัว ไม่ตกเป็นเหยื่อรายต่อไปอย่าง จขกท. (ยาวค่ะ)

    เรื่องมีอยู่ว่า วันที่ 9 ม.ค. 52 พนักงานเร่งรัดหนี้สินของดีแทค โทรเข้าออฟฟิศ โทรมาแจ้งว่า
    จขกท. มียอดค้างชำระอยู่เป็นเงินประมาณ เจ็ดพัดกว่าบาท พอได้ยิน จขกท. ก็งงว่าไปเป็นหนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
    เพราะไม่เคยใช้ Post-paid เลย เบอร์ที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ก็เป็น Pre-paid ที่ใช้มา 6 ปีแล้ว
    บัตรปชช. ก็ไม่เคยทำหาย สำเนาทุกฉบับขีดทับหน้าบัตรแล้วเขียนกำกับตลอดว่าให้ไว้เพื่อใช้ทำอะไร

    สอบถามเพิ่มเติมจาก จนท. ดีแทคได้ความว่าชื่อที่ใช้จดทะเบียนเป็นชื่อ - สกุล วดป. เกิด
    และเลขบัตร ปชช. ของ จขกท. แต่ที่อยู่ที่แจ้งไว้เป็นที่อยู่อื่น ไม่ตรงตามบัตร ปชช. และ
    เป็นที่อยู่ที่ จขกท. ไม่รู้จัก

    เห็นทีว่าจะตกเป็นเหยื่อของคนชั่ว ก็เลยไปแจ้งความกับตำรวจ เพื่อนำใบบันทึกประจำวันไปร้องเรียนกับดีแทค
    พอไปถึงที่ศูนย์บริการดีแทค สาขา Fashion Island ก็ทำเรื่องร้องเรียนตามขั้นตอน
    จนท. ตวรจสอบเพิ่มเติมให้ พบว่าไม่ได้มีเพียงเบอร์นี้เบอร์เดียวที่ค้างชำระ แต่ยังมีเบอร์อื่นอีก 4 เบอร์
    ที่มียอดค้างชำระ โดยที่อยู่ในระบบก็เป็นที่อยู่ปลอมเช่นกัน (ที่อยู่เดียวกับเบอร์ที่โทรมาเร่งรัด)
    ก็เลยแจ้งให้พนักงานทำเรื่องทุกๆ เบอร์ไปพร้อมๆ กัน

    จนท. แจ้งว่าใช้เวลา 30 วัน ในการดำเนินการ แล้วจะมีเอกสารส่งไปที่บ้าน
    (ย้ำแล้วว่าต้องเป็นที่อยู่จริงของ จขกท.) จขกท. สอบถามว่าให้ติดต่อได้ที่ช่องทางไหน
    ถ้าอยากจะทราบเรื่องในระหว่างนี้ จนท. ก็บอกให้ติดต่อ call center ได้เลย

    เวลาล่วงเลยผ่านไป เกิน 30 วันทำการแล้ว ไม่มี feedback ใดๆ ทั้งสิ้น จขกท. จึงโทรไป
    สอบถาม call center (โทรไปวันที่  21 ก.พ. 52) call center แจ้ง
    ว่าในระบบลงไว้ว่าเพิ่งจะมีการส่งเอกสารจากทางศูนย์ Fashion Island เมื่อวันที่
    21 ม.ค. 52 ซึ่ง 30 วันทำการหลังจากส่งเอกสารก็น่าจะเป็น วันที่ 6 มี.ค. 52
    จขกท. ก็โอเคไม่ได้ว่าอะไร รอไปเรื่อยๆ ก็ไม่มีการติดต่อใดๆ จากทางดีแทค รอจนถึง
    วันที่ 18 เม.ย. 52 ทนไม่ไหวเลยโทรเข้า call center อีกครั้ง
    จนท. call center แจ้งว่า ในระบบมีการ record ลดค่าบริการเรียบร้อยแล้ว
    ตั้งแต่เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 52

    ก็โอเค พยายามใจเย็น สอบถามว่าทำไมไม่เห็นมีการแจ้ง หรือส่งเอกสารใดๆ ที่บอกว่าจะส่งให้เลย
    ก็เลยแจ้งความจำนงไปอีกครั้งว่า ต้องการให้มีการส่งเอกสารมายืนยันว่า จขกท. ไม่เคยมีการเปิด
    เบอร์และให้กำกับด้วยว่าเอกสารที่ใช้เปิดเบอร์นั้นเป็นเอกสารที่มีการปลอมแปลง พร้อมย้ำให้ส่งมาที่
    ที่อยู่จริง จนท. ก็รับปากจะดำเนินการให้ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเมื่อไหร่ เพราะต้องส่งเรื่องไปให้
    อีกหน่วยงานที่รับผิดชอบตรงนี้

    พร้อมกันนั้นได้ให้ตรวจสอบเบอร์ที่เป็นชื่อ จขกท. ทั้งหมด สรุปว่ามีทั้งหมด 8 เบอร์
    ยกเลิกไปแล้ว 7 เบอร์ เหลือ 1 เบอร์คือเบอร์เติมเงินที่ จขกท. ใช้จริง

    เรื่องก็หายไปตามระเบียบ จนวันที่ 15 มิ.ย. 52 เรื่องเดิมๆ เหมือนเดจาวูเกิดขึ้นอีกครั้ง
    เมื่อฝ่ายเร่งรัดโทรมาที่ออฟฟิศอีกแล้ว ทุกอย่างเหมือนที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 52 เป๊ะ
    เพียงแต่เป็นหนี้จำนวนที่น้อยกว่าคือประมาณ ห้าพันเก้า และเป็นคนละหมายเลขกับตอนแรก

    คราวนี้ โมโหมาก ถามคนที่โทรมาเร่งรัด ว่าเคยบอกไปแล้วว่าไม่ได้เปิดเบอร์ แล้วก็ไม่ได้ใช้เบอร็นี้
    ที่อยู่ที่ปลอมแปลงก็ที่อยู่เดิม ทำไมไม่ตรวจสอบ ก่อนจะโทรมาเร่งรัด ... เงียบ...
    ฝ่ายเร่งรัด ก็ตอบอะไรไม่ได้ บอกแค่ว่าได้รายชื่อมาก็ต้องโทร (กรรม)

    เราก็เลยโทรเข้า call center ถามว่าเบอร์นี้คืออะไร? ยังไง? ทำไมเกิดขึ้นอีก?
    แล้วไหนเอกสารที่เคยขอไปตอนเม.ย.ล่ะ ที่ถามไปทั้งหมด ไม่ได้คำตอบแม้แต่คำตอบเดียว
    พอให้ตรวจสอบ ในระบบ ก็ยังเป็นที่อยู่ปลอมของเดิมอีก จขกท. ก็บอกว่าแจ้งเปลี่ยนที่อยู่
    ไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ว่าทุกเบอร์ที่เป็นชื่อ จขกท. ให้เปลี่ยนมาเป็นที่อยู่จริงทั้งหมด
    call center บอกว่าให้ fax บัตร ปชช. มา จขกท. เลยถามว่า ทำไมคนที่
    ไม่ใช่ตัวจริง ไม่มีแม้กระทั่งบัตร ปชช. ยังให้เปิดเบอร์เลย ยอมให้ใช้ตั้งหลายเบอร์ ยอมให้เป็น
    หนี้หลายเดือน แต่ตัวจริงที่สามารถให้ข้อมูลได้ทุกอย่าง ถามข้อมูลส่วนตัวอะไร ก็ตอบได้หมด
    จะขอเปลี่ยนที่อยู่ แต่ไม่ให้เปลี่ยน ทีอย่างงี้จะขอดูบัตร ปชช. แบบนี้หมายความว่ายังไง? เงียบ...

    ถามว่า แล้วจะให้ทำยังไงต่อไป ก็เหมือนเดิม บอกว่าต้องไปแจ้งความ แล้วทำเรื่องกับศูนย์ดีแทค
    จขกท.เลยถามว่า แล้วจะต้องไปอีกกี่ครั้ง? ถ้าวันนี้ไป แล้ววันพรุ่งนี้โทรมาเร่งรัดเบอร์อื่นอีก
    แบบนี้ไม่ต้องไปทุกวันหรอ? แล้วเมื่อไร่จะจบ? ก็ไม่ได้รับคำตอบ  call center ชี้แจง
    ว่าต้องแจ้งทุกเบอร์ที่เสียหายในใบแจ้งความ จขกท. เลยถามกลับว่า แล้วจะรู้ได้ยังไงว่ามีเบอร์อะไรบ้าง?
    เมื่อต้นปีที่เกิดเรื่องก็โดนไปแล้ว 1 เบอร์ แล้วที่ไม่รู้อีก  4 รวมเป็น 5 เบอร์ แล้วดูซิ วันนี้ก็งอกมา
    อีก 1 เบอร์ แล้วจะรู้มั้ยล่ะว่าเบอร์ไหนจะตามมาอีก? ก็เงียบ ตอบอะไรไม่ได้อยู่ดี เห็นท่าว่าคุยไปก็
    เสียเวลา เลยขอคุยกับจนท.ศูนย์ Fashion Island

    call center ก็บอกติดต่อไม่ได้ ไม่มีเบอร์จะให้ โอนไปก็ไม่ได้ ก็เลยบอกว่างั้นให้ไปติดต่อมา
    ให้เรียบร้อย แล้วให้โทรกลับมาบอก จขกท. ก่อนเที่ยง ว่าจะให้ทำอย่างไรต่อไป
    (ตอนนั้นเวลา 10.00 น.)

    เที่ยงก็เงียบไม่ได้รับการติดต่อกลับ จขกท. ก็เลยไปแจ้งความ แล้วไปที่ Fashion
    Island ด้วยตัวเอง ขณะนั้นเป็นเวลาบ่ายสอง ขณะที่นั่งรอคิวอยู่ที่ Fashion Island
    หัวหน้า call center ก็โทรมาบอกว่า ตรวจสอบแล้วเป็นเอกสารปลอม จขกท. ไม่ต้อง
    ทำอะไร จะทำการยกหนี้ให้เองตามระบบ พร้อมกับแจ้งว่าจะส่งเอกสารที่ทวงถามไปให้ภายใน 7 วัน
    ก็จบไปในส่วนของ call center (แต่ก็สายเกินไป ต้องเสียทั้งงาน เสียทั้งเวลา
    เพราะได้มาถึงที่ Fashion Island เรียบร้อยแล้ว)

    พอถึงคิว ก็เลยทำเรื่องไปตามปกติ พร้อมสอบถามหลายๆ คำถามที่สงสัยว่า ในการเปิดเบอร์จดทะเบียน
    ไม่ต้องขอดูเอกสารเลยหรอ? ยอมให้เปิดเบอร์ง่ายๆ แบบนั้นเลยหรอ? แล้วไม่สงสัยเลยหรอว่าคน
    อะไรจะเปิดเบอร์ 4 - 5 เบอร์ในระยะเวลาห่างกันแค่ 2 เดือน? ไม่ดูเลยหรอว่าเบอร์ที่เปิดมา
    ก่อนก็เป็นหนี้ ไม่มาจ่าย?แล้วยอมให้เปิดเบอร์ที่ 2 3 4 5 ตามมาอีก หละหลวมขนาดนั้นเลยหรอ?
    แล้วตอนเปิดเบอร์ไม่โทรสอบถามหรอ ทั้งๆ ที่เห้นถึงความผิดปกติ? คำตอบที่ได้คือ ทางดีแทคมีกฎ
    แต่พนักงานไม่ทำ และยากจะควบคุม ซึ่งดีแทคเองก็รู้ เพราะเสียเงินในส่วนนี้ไปปีละจำนวนมาก
    และเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวก ก็เลยไม่ขอดูเอกสารประกอบการจดทะเบียนค่ะ

    ได้ฟังดังนั้นถึงกับอึ้ง หลังจากตั้งสติได้ เลยถามว่า แล้วเรื่องแบบนี้มันก็เคยเกิดขึ้นแล้ว ก่อนจะส่งเอกสาร
    ไปทางฝ่ายเร่งรัด ไม่ตรวจสอบเลยหรอ? จนท. บอกว่าคงหลุดไปถึงฝ่ายเร่งรัด ก่อนที่จะมีการ
    record case ของจขกท. ในระบบ ก็ถามต่อว่า แล้วหลังจากนี้จะมีอีกมั้ย?
    จนท. ยืนยันว่าจะไม่มีแล้วค่ะ(จขกท. ภาวนาขอให้ไม่มีอย่างที่รับปาก)

    และเพื่อให้หายข้องใจ เลยขอดูเอกสารที่ใช้เป็นสำเนาในการขอเปิดเบอร์ เพราะอยากจะเห็นว่าเป็นเอกสาร
    ที่เป็นลายเซ็น จขกท. ที่อาจจะหลุดรอดไปหรือไม่? อย่างไร? จะได้ป้องกันและระวังมากกว่าเดิม

    วันนี้ (20 มิ.ย. 52) จนท. Fashion Island ส่งมาให้ดูทางอีเมล์
    พร้อมโทรมาแจ้งว่า ไม่มีเอกสารแนบในส่วนของบัตร ปชช. นะคะ ได้ยินดังนั้น ก็เลยย้ำถามไปอีกครั้ง
    อย่างที่เคยถามไปแล้วว่า ไม่ขอดูบัตรตัวจริงไม่พอ นี่ถึงขนาดไม่มีสำเนาก็ยอมให้เปิดเบอร์หรอ?
    ก็ได้รับคำตอบแบบเดิมคือ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า

    อึ้งไปอีกรอบ เลยไม่มีอะไรจะถามต่อ เพราะถามไปก็คงได้รับคำตอบแบบเดิมๆ เลยจบการสนทนาแค่นั้น

    ที่สงสัยและอยากสอบถามผู้บริหารดีแทคคือ ทำไมถึงปล่อยให้มีช่องโหว่ขนาดนี้? รู้อยู่แก่ใจว่าเคสแบบนี้
    เกิดขึ้นไม่น้อยในแต่ละปี แต่ทำไมไม่อุดช่องโหว่? ทำไมปล่อยให้เกิดขึ้นซ้ำซาก? ทำไมไม่รัดกุม?
    ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็เป็นหนี้สูญของทางดีแทค

    ทางจขกท. ซึ่งเป็นลูกค้าของดีแทค ก็เสียเวลา เสียสุขภาพจิต หงุดหงิดใจ เสียงาน เสียภาพพจน์ที่ดีแทค
    โทรไปทวงหนี้ถึงที่ออฟฟิศทั้งๆ ที่เป็นหนี้ที่ไม่ได้ก่อ ที่สำคัญ  customer trust ที่เคยมีต่อ
    ดีแทคก็หมดไปพร้อมๆ กับการบอกเล่าต่อๆ ของจขกท. ให้กับญาติ มิตร ที่รู้จัก

    มาถึงตอนนี้ ดีแทคมีแต่เสีย กับเสีย ผู้บริหารน่าจะลงมือทำอะไรซักอย่างได้แล้ว ก่อนที่ทุกอย่างจะเกินเยียวยา
    เพราะมั่นใจเหลือเกินว่าเคสแบบนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับ จขกท. เพียงคนเดียว

    ปล. แก้ไข เว้นวรรค ตัดบรรทัด

    แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 52 20:35:32

    จากคุณ : --gIgEEg1g33-- - [ 20 มิ.ย. 52 20:29:00 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com