Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เสียความรู้สึกมาก ขอระบายหน่อย กับร้านว่าที่ชื่อว่า "ปิรันยา" ที่ FORTUNE  

เสียความรู้สึกมาก ขอระบายหน่อย กับร้านว่าที่ชื่อว่า "ปิรันยา" ที่ FORTUNE

ขอระบายความรู้สึกส่วนตัวหน่อยละกันนะคะ

ต้องบอกก่อนละกัน ว่าอันนี้คือความรู้สึกส่วนตัว ที่ได้ประสบพบเจอมากับตัวเอง สดสด ร้อนร้อน

และบอกก่อนเลยเหมือนกันว่า ไม่ได้จะบอกว่า ร้านนี้ดีหรือไม่ดี มาเล่าให้ฟัง เป็นอุทาหรณ์ ละกันนะคะ

เริ่มต้นเลยค่ะ ดิฉันได้โทรศัพท์มาหนึ่งเครื่องค่ะ

เป็นโทรศัพท์มาจากญี่ปุ่น SOFTBANK 730sc

รุ่นนี้อ่ะค่ะ http://www.youtube.com/watch?v=1x5UFiCl2-o

แล้วเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2553 เวลาประมาณ บ่ายสองโมงกว่า

ดิฉันได้ไปทำธุระซื้อของส่วนตัวที่ Lotus ตรง Fortune พอดี

แล้วก็กะจะเลยเอาโทรศัพท์ไปปลดล้อคซะหน่อย ออกมาจาก Lotus เห็นร้านอยู่ขวามือพอดี

เอาร้านไกล้ๆนี้ละกัน ชื่อร้านว่า "ปิรันยา" อยู่ข้างๆ ทางเข้า Lotus ชั้นสอง ทางซ้าย

"โทษนะคะ พี่ปลดล้อคโทรศัพท์ญี่ปุ่นรุ่นนี้ได้มั้ยคะ?" แล้วดิฉันก็เอา เครื่องตัว SOFTBANK 730sc ให้ดู

"ได้เลยน้อง เนี่ยะ มีคนเอามาให้ทำเหมือนกัน... เครื่องเหมือนกันเลย"

ในใจ ก็คิดว่า มีคนเอามาให้ทำเหมือนกันด้วย น่าจะทำได้แน่ๆ ก็เลยตัดสินใจที่จะทำร้านนี้ และถามราคาไป

"เท่าไรคะ?" ....... "400ครับ"

"ซ่อมแล้วใส่ sim บ้านเราใช้ได้เลยใช่มั้ย?" .......

"ใช่!! แต่ต้องรอวันนึงนะ หรือถ้าเร็วกว่านั้น เดียวพี่โทรไปบอก"

แล้วทางร้านก็บอกประมาณว่า มีโปรแกรมตัวเดิมอยู่ มันเก่าแล้ว แต่มีโปรแกรมตัวใหม่มาแล้ว

ก็คงน่าจะเป็น โปรแกรมที่ใช้ในการปลดล้อคล่ะมั้ง ทางด้านของเรา ก็โอเค ตกลงที่จะฝากเครื่องไว้

แล้วหลังจากนั้น ตกเย็น ประมาณห้าโมงกว่า ทางร้าน"ปิรันยา" ได้โทรมาว่าตอนนี้โทรศัพท์ปลดล้อคได้แล้ว

ในใจ ก็อยากจะไปเอาตอนนั้นเลย แต่ติดอยู่ที่ว่า ดิฉันเลิกงานสองทุ่มครึ่ง ออฟฟิศอยู่แถวอโศก ไกล้ๆ MRT

ก็เลยบอกไปว่า เดียวขอไปเอาหลังเลิกงานละกัน นั่ง MRT ไปแปบเดียว ร้านก็โอเคตกลง เดียวจะรอ

ความรู้สึกที่เสียตอนแรก กำลังจะมาถึงแล้วค่ะ

ดิฉันก็รีบไป เพื่อจะไปเอาให้ทัน ใช้เวลาเพียง ไม่น่าจะเกิน 15 นาที จาก สุขุมวิท ถึง Fortune สถานีพระราม9

มองดูนาฬิกา ยังไม่สามทุ่ม รีบๆเดินไปละกัน แต่พอไปถึงหน้าร้าน..... "ร้านปิด!!!"

ดิฉันเลยโทรเข้าไปที่เบอร์ตามนามบัตร ก็ได้คำตอบกลับมาว่า "ร้านปิดประตูแล้ว ก็คือปิดแล้วไงครับ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่"

อ้าว!! อะไรเนี่ย เมื่อกี้ยังบอกให้รออยู่เลย ไอ้เราก็กุลีกุจอรีบไปเกือบตาย คุยโทรศัพท์ส่งส่ง แล้วก็วางหูไปซะอย่างนั้น

ถามว่าหงุดหงิดมั้ย ก็หงุดหงิดอ่ะค่ะ ตามปกติ ก็คนมันรีบนี่นา...

อ๊ะ! ช่างมัน พรุ่งนี้มาเอาใหม่ก็ได้..... หนึ่งวันผ่านไป

พอมาถึงวันนี้ 13 มกราคม 2553 เวลาประมาณสองโมงครึ่ง

ก็ไปถึงที่ร้าน เพื่อที่จะไปเอาโทรศัพท์ พอไปถึงที่ร้าน คนเดิมที่คุยกับดิชั้น ก็ให้ลูกน้องในร้าน

ออกมาคุย "มาเอาโทรศัพท์เหรอ" แล้วดิฉัน ก็ยื่นใบรับของให้เขาไป

หลังจากนั้น ก็ได้โทรศัพท์มา ลอง test ใส่ sim ซักหน่อย

มาแล้วค่ะ ตอนสำคัญ... ปรากฎว่า โทรศัพท์ขึ้นว่า "NO SERVICE"

และในขณะที่ดิฉัน กำลัง test เครื่องอยู่นั้น ไม่มีใครสนใจดิฉันเลย

เราก็ยังงง เอ๊ะ ยังไง ก็เลยเรียกช่างคนเดิมที่คุยกัน และเป็นคนซ่อม

"พี่คะ ทำไมมันยังขึ้นเหมือนเดิม?"

"ซิมที่นี่กับซิมที่ญี่ปุ่นความถี่ไม่เท่ากัน" แล้วก็พูดต่ออีกว่า

"พี่ก้อเคยนะ เอาเครื่องเกาหลีมาใช้ก้อเป็นอย่างงี้แหละ"

อ้าวสรุปแล้วดิฉันต้องทำยังไงล่ะทีนี้... ปลดล้อค ไม่ได้ หรือว่ายังไง คิดในใจ....

ดิฉันก็เลยถามเค้าไปว่า มันใช้ไม่ได้ จะให้ทำยังไงต่อละทีนี้

"ลองใส่ sim ทิ้งไว้ซักคืนนึง"  .....  

อ้าวเวรกรรมละทีนี้ ซ่อมมาแล้วยังต้องมานั่งเสี่ยงดวงอีกว่าใช้ได้หรือเปล่า

"ทำไมพี่ไม่บอกหนูตั้งแต่ทีแรกล่ะ? พี่บอกเองว่า ใช้ได้ ไม่งั้นจะซ่อมทำไม"

เมื่อวานยังบอกว่า ทำได้ มีคนมาให้ทำเหมือนกัน แล้วตกลงว่ายังไงเนี่ย

หลังจากที่ยืนเถียงกัน และเราทำท่าไม่พอใจ แล้วทางร้านก็บอกมาว่า

"ปลดล็อคกับใช่ไม่ได้คนละเรื่อง คือปลดล้อคได้ แต่ถ้าใช้ไม่ได้ ไม่รับประกัน"

ดิฉันเลยถามไปอีก "อ้าวไหนตอนแรก พี่บอกว่า ใช้ได้แน่นอน"

เพราะเมื่อวาน ดิฉันก็ยังย้ำถามอยู่เหมือนกันว่า

ถ้าปลดล้อคแล้ว ใส่ sim ไทยได้ไหม ร้านก็ยังบอกว่าใช้ได้เลย

ดิฉันเลยบอกไปว่า "ถ้าอย่างนี้ เสียความรู้สึกนะ ถ้าบอกกันตั้งแต่ตอนซ่อมว่าปลดล็อกแล้วอาจจะใช้ไม่ได้นะน้อง จะไม่เสียดายเวลาเสียดายเงินเลย"

ร้านบอกกลับมา.... "จะพูดไม่ได้ว่าเสียความรู้สึก เพราะไม่ได้บอกว่าจะใช้ได้"

"ร้านไม่เคยรับปากใคร ว่าจะใช้ได้ แต่ปลดล้อคได้"

ทางด้านดิฉันเลยบอกไปว่า "แล้วไม่บอกตั้งแต่เมื่อวานล่ะ บอกสักนิดก็ได้ว่า อาจจะใช้ไม่ได้นะ อะไรก็ได้ว่ากันไป"

ร้าน : "ผมต้องบอกคุณครอบจักรวาลเลยเหรอ ผมจะบอกทำไม ถ้าไม่ถาม"

โอ้โห เป็นไงล่ะคะ กับคำตอบด้านบน.... ต่อเลยค่ะ

ดิฉัน : "ก็ไม่รู้เหมือนกัน sim ความถี่อะไรยังไง ไม่ใช่ช่างซ่อม คุณมีหน้าที่บริการลูกค้า ก็น่าจะต้องบอกในส่วนที่ลูกค้าต้องรู้สิ"

ร้าน : "น้องจะมาพูดไม่ได้นะ ว่าเสียความรู้สึก เพราะไม่ได้บอกว่าจะใช้ได้ หรือไม่ได้ ไม่เกี่ยวกัน"

ดิฉันเลยถามถึงที่เมื่อวานบอกว่า ซ่อมแล้วใช้ได้เลย ร้านตอบกลับมาว่า

"ไม่รู้ ต้องเสี่ยงเอาเอง แต่ทำให้แล้ว ถือว่าซ่อมแล้ว"

ร้าน : "ลองเอา sim ไทยโมบาย ใส่สิ ลองดูอาจจะได้"

ดิฉัน "อะไร sim ไทยโมบาย แล้วเบอร์ที่มีอยู่ล่ะ จะหมายความว่าให้เปลี่ยนเบอร์เลยหรือไง"

ร้าน : "อืม"

ในใจก็คิดจะเอายังไง ตอนแรก จะไม่จ่ายตังค์ แต่เราเป็นผู้หญิง คิดว่าไม่งั้นคงไม่จบง่ายๆแน่

เพราะสถาณการณ์เริ่มจะแย่แล้ว ทางร้านไม่ยอมเอาซะเลย ยืนยันอย่างเดียว ว่าได้ซ่อมให้แล้ว

แล้วชายคนนั้นก็เดินหนีไป ตะโกนบอกเด็กหน้าร้านว่า 400 เก็บตังค์มาด้วย

สุดท้าย ดิฉันเลยยอมจ่ายเงินไป 400 ช่างมันละกัน ไม่ตายหาใหม่ได้

แต่ที่แน่ๆ ร้านนี้ ดิฉันคงจะไม่ไปก้าวก่ายอีกแล้วล่ะค่ะ

ที่ตั้งกระทู้นี้มา เพื่อจะบอก ให้ทุกท่านได้รู้เป็นอุทาหรณ์ละกันนะคะ

ว่ายังไง ถ้าจะไปปลดล้อคหรือทำอะไรทำนองแบบนี้

ไม่ว่าจะร้านนี้!! หรือร้านอื่น.. ถามให้ชัดเจนก่อนละกันค่ะ

เพราะว่า เสียความรู้สึกมากมาก กับคำตอบแต่ละคำตอบที่ได้มา

จากผู้ให้บริการของร้าน... ลำพังเงิน400 ไม่เสียดายหรอกค่ะ

แต่ที่แน่ๆเสียทั้งเวลา เสียทั้งความรู้สึก

เอาเป็นว่าขอบคุณทุกท่านที่อ่านมาถึงตรงนี้ ทนอ่านดิฉันระบายมาจนถึงบรรทัดสุดท้าย ด้วยละกันนะคะ

ขอบคุณมากค่ะ... "ปิรันยา"

Ps. ใช้ user ของแฟน มาโพสค่ะ ขอบคุณห้องมาบุญครองด้วยค่ะ

จากคุณ : sutapin
เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 53 18:52:11




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com