จุดจบของการโดนขโมย Blackberry เครื่องศูนย์ AIS
|
|
สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อวานตอนบ่ายที่เราได้ไปเดินซื้อของที่แพลตตินั่ม ถึงแม้ว่าจะอ่านกระทู้ใน pantip แล้ว ระมัดระวังอย่างดีที่สุดแล้ว ก็ยังโดนมิจฉาชีพ(ระดับมืออาชีพ) ขโมย Blackberry มือถือเครื่องที่แพงที่สุดในชีวิต ซึ่งเป็นของขวัญคุณแม่ได้มอบให้กับเราเป็นของขวัญที่เราเป็นเด็กดีและตั้งใจเรียนไป
ด้วยความตกใจอย่างมาก ทำให้เราได้พยายามทำทุกวิถีทางที่เด็กคนนึงจะสามารถตามมือถือกลับมาได้ ขั้นแรกเราได้ไปแจ้ง รปภ.ของแพลตตินั่ม เขาพาเราไปเขียนใบแจ้งความหาย และบอกว่าว่าจะติดต่อกลับถ้าได้คืน ซึ่งภายในวันเดียวกันนั้น ก็เพิ่งมีคนมาแจ้งว่าโดนล้วงกระเป๋าไปอีก 1 เครื่อง
หลังจากแจ้งกับทางห้าง ระหว่างเรานั่งรถกลับบ้าน เราก็ได้พยายามติดต่อ call center 1175 เพื่อสอบถามว่าโทรศัพท์หายสามารถทำอะไรได้บ้าง กว่าจะติดต่อคุยได้ก็ประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง พนักงานไม่ว่างรับสายตลอดเวลา พอได้คุยกับทางพนักงาน ก็ได้คำตอบที่รู้ดีอยู่แล้ว ว่าไม่สามารถทำอะไรได้เลย
กลับมาบ้านมาตั้งกระทู้ถามว่าเราสามารถทำอะไรได้มั้ย ทาง CC ก็ตอบว่าทำได้แค่ระงับเท่านั้น เราตัดสินใจให้คุณพ่อพาไปแจ้งความ และเดินทางไปที่ศูนย์เซ็นทรัลปิ่นเกล้าที่ที่เราไปซื้อโทรศัพท์ ทางพนักงานก็ตอบกลับเหมือนเดิมว่า "ไม่สามารถทำอะไรได้ทั้งนั้น" ให้เราไปติดต่อฝ่ายนิติของทาง AIS เอง เอกสารก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง ให้โทรไปติดต่อเอง ซึ่งเค้าก็ได้ให้เบอร์ฝ่ายนิติ ตึกชินวัตรมา ซึ่งตอนนั้นก็เป็นเวลาทุ่มกว่าๆแล้ว โทรไปก็ไม่มีนิติกรอยู่แล้ว
จนเมื่อเช้า ด้วยความที่นอนไม่หลับ ตื่นมานั่งหาข้อมูลว่า BB หายสามารถตามเครื่องได้มั้ย คือในใจมีความหวังตลอด แม้มันจะน้อยนิดก็ตาม(เพราะพอทราบมาว่าเครื่องของผู้บริหารAISเคยหายและตามกลับมาได้) เราจึงโทรไปหาฝ่ายนิติ ซึ่งสิ่งที่เราได้รับกลับมา คือ น้ำเสียงที่แย่มาก เค้าได้บอกแต่เพียงว่าให้ไปหาตำรวจอีกครั้ง ให้ตำรวจเขียนเลขอีมี่ และเราอยากจะตรวจอะไรก็ให้บอกไปตำรวจไป ซึ่งเราก็เป็นเด็กคนนึง ความรู้ทางกฏหมายก็ไม่มี มาหาข้อมูลใน net บางคนก็บอกว่าเลขอีมี่สามารถเอาไปล็อคเครื่องได้ ซึ่งเรากลัวว่าถ้าล็อคเครื่องไปแล้ว จะไม่สามารถแอนพินหรือติดต่อกะคนที่เอาไปใช้ได้อีก จึงโทรไปหาฝ่ายนิติอีกครั้งเพื่อสอบถาม แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ "ความรำคาญ" ที่ทางฝ่ายนิติได้มอบให้ โดยกล่าวน้ำเสียงกระแทกว่า "ทางเราไม่ได้เอาไปล็อก แต่จะเอาไปตรวจสอบ" และให้เราบอกตำรวจให้เขียนทุกค่ายด้วยทั้ง Ais Dtac และ True เพราะเค้าไม่ได้โคกัน เราต้องจัดการเองทั้งหมด
หลังจากวางหูโทรศัพท์ นั่งคิดทบทวนดู มือถือเครื่องนึงสำหรับบางคนอาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องแค่นิดเดียว ไม่ได้ใส่ใจ แต่สำหรับเรามันมีค่าทางจิตใจมากนะคะ อย่างน้อยมันก็เป็นตัวแทนที่แสดงว่าเราเป็นเด็กดี ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดี คุณแม่จึงได้มอบของขวัญนี้ให้แก่เรา อะไรที่เราสามารถทำได้ สามารถที่จะเอามันคืนมาได้ เราก็อยากจะทำให้ดีที่สุด ปกติใช้บริการกับ AIS มาตลอด ทุกคนก็บริการเราดีเสมอ แต่พอมาเจอกับฝ่ายนิติแบบนี้ พูดจริงๆว่าตอนนี้ท้อมาก และดูเค้าไม่ได้คิดอยากจะช่วยเราเลยแม้แต่นิดเดียว เราก็คงไม่ไปรบกวนเค้าอีกแล้วล่ะคะ ก็คงต้องทำใจ สิ่งที่ทำได้ก็คงรอคนที่เอาเครื่องไปเปิด service แล้วก็แอดพินเข้าไปตาม แค่นั้น
สิ่งที่อยากจะบอก AIS ก็คือ เมื่อ4เดือนก่อน คุณแม่จูงมือเราเข้าศูนย์AIS เซ็นทรัลปิ่นเกล้า ท่านตัดสินใจซื้อเครื่อง Blackberry Bold 9700 กับทางAIS แม้ราคาจะแพงกว่าข้างนอก แต่ก็เพราะความไว้ใจและเชื่อใจในการบริการและคำแนะนำของทางบริษัท ที่ไม่ตัดสินใจซื้อของข้างนอกก็เพราะกลัวว่า วันนึงเกิดมีปัญหาจะไม่ได้รับ service ที่ดีเหมือนเครื่องศูนย์ แต่วันนี้เราคิดผิดค่ะ เราทราบนะคะว่าโอกาสที่จะได้คืนมามันยาก แต่ก็อย่างที่บอกและค่ะ ว่าเราก็อยากจะพยายามทำให้มันดีที่สุด เพราะต่อให้ไปซื้อเครื่องใหม่มันก็ไม่เหมือนเดิม ถ้าวันนี้เราได้รับการแนะนำ การกระทำและคำพูดที่ดีกว่านี และเรารู้สึกได้ว่าทางฝ่ายนิติอยากจะช่วยเหลือมากกว่านี้ ตอนนี้เราคงนั่งรถไปตึกชินวัตรด้วยความสบายใจแล้ว แต่ตอนนี้บอกตามตรงว่าคงต้อง "ทำใจ"อย่างเดียว เพราะผิดหวังและหมดหวังกับการกระทำของคุณจริงๆค่ะ
จากคุณ |
:
cr_japan
|
เขียนเมื่อ |
:
28 ก.ค. 53 11:22:17
|
|
|
|