Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ประสบการณ์แย่ๆที่ซื้อ i-phone3gs กับ DTAC  

    ผมเพิ่งเป็นสมาชิกของทางPantip.com และเพิ่งจะทราบว่ามีห้องของ Dtac อยู่ด้วย เลยขอใช้เวทีนี้ในการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการให้บริการของทางDtac เพื่อเป็นแนวทางในการปรับปรุงการให้บริการ
    เข้าเรื่องกันเลย เมื่อเดือนที่แล้วผมมองหาโทรศัพท์เครื่องใหม่อยู่ โดยเก็บเงินวันละนิดวันละหน่อย อดบ้างออมบ้างจนได้งบในการถอยเครื่องใหม่เป็นเงิน 26000 บาท จากเงินดังกล่าวผมก็ใช้เวลานานหลายวันเพื่อที่จะหาโทรศัพท์ซักเครื่องที่คุ้มต่อการเก็บเงินและการรอคอย ในใจตอนนั้น กะซื้อ BB 9700 หรือไม่ก็ BB storm 2 อีกตัวที่ดูก็คือ HTC desing
   เมื่อคุณแม่อนุมัติแล้วก็หอบเงินไปเลือกซื้อโทรศัพท์ที่เดอะมอล์โคราช(คนโคราช) เริ่มแรกก็ตรงดิ่งไปยังศุนย์AISเพื่อเช็คราคาBB จากนั้นก็ไปที่จุดขายHTCเพื่อดูราคา แลวลองเล่นเครื่องดูว่าตัวไหนเหมาะสมเรา ใจตอนนั้นกะเดินกลับไปเอาเจ้าBB 9700 ที่ AIS แต่แล้วก็เดินผ่านร้านขายมือถือมากมายที่ไม่ใช่ศุนย์ ก็ลองเข้าไปสอบถามราคาดูสรุปแล้วถูกกว่าเกือบ 2000 ในใจตอนนั้นลังเลมากมายว่าจะซื้อเครื่องศุนย์หรือร้านขายพวกนี้ดี เลยขอเดินคิดอีกสักพัก
    แต่แล้วก็ต้องมาสะดุดที่ศนุย์ DTAC เพราะมีพนักงานหลายคนเดินแจกโบชัวร์เกี่ยวกับ i-phone3gs และแพกเกจการให้บริการ  ในใจตอนนั้นไม่ได้ทำการบ้านเกี่ยวกับไอโฟนมาเลย แต่ด้วยความมั่นใจที่ว่าเงินที่หอบอยู่(ต้องใช้หอบเพราะผมถือว่ามากมายสำหรับผม)สามารถถอยไอโฟนได้สบายๆ ในราคา 24500 บาท เลยเข้าไปลองเล่นเครื่องที่เคาต์เตอร์ดู สรุปโดนใจมากๆ ลืม BBและHTCไปเลย ตอนนั้นช้างมาฉุดก็ไม่อยู่ฟันธงว่าต้องเป็นไอโฟน 3gs เท่านั้น
    สิ่งที่ทำให้ผมยังไม่ควักเงินออกมาซื้อ ณ ตอนนั้นก็คือในใจคิดว่า ไอโฟน ทรูมูฟัมันเป็นเจ้าบุกเบิกและขายไอโฟนมานานไม่ใช่หรือ ถ้าซื้อที่ทรูจะได้ราคาที่ถูกกว่าหรือปล่าว และแล้วก็เดินดิ่งไปที่ศูนย์ทรูเพื่อเช็คราคา สรุป ราคาเครื่องเท่ากัน แพกเกจบริการก็พอๆกัน เอ!!แล้วจะซื้อจากไหนดี ทันใดนั้นสมองก็แล่นออกมาว่า "ไปถามตามร้านเล็กๆดูสิ เผื่อจะได้ราคาที่ถูกกว่านี้และให้ข้อมูลเกี่ยวกับทรูและดีแทคได้ด้วย" เลยตัดสินใจดิ่งไปร้านขายมือถือเล็กๆดู
    จากการสอบถามเจ้าของร้านเขาแนะนำว่าให้ซื้อเครื่องที่เขา(ซึ่งถูกว่าเครื่องศุนย์ประมาณพันเดียว)แล้วเปิดใช้บริการของ Dtac ดีกว่าเพราะเล่นเน็ตได้ดีกว่าทรูมาก สิ่งที่น่าสนใจคือคำถามที่เขาถามผมว่า
    "จ่ายแพงไปเพื่ออะไร? เคยซื้อเครื่องมือ1แล้วต้องส่งซ่อมด้วยหรอ ภายในปีเดียวไม่พังหรอก หรือถ้าเกิดปัญหาจริงๆน้องก็มาหาพี่ได้ ลงโปรแกรมฟรีพี่ดูแลตลอดการใช้งาน" ผมก็ลองเก็บมาคิดดู
    ตัวที่เลือกในหัวตอนนั้นมี3อย่างคือ
1.ถ้าซื้อเครื่องที่ไม่ใช่ของศุย์จะถูกกว่าประมาณ1พันบาท แต่ไม่มั่นใจในการให้บริการหลังการขายเลย กลัวปิดร้านหนี 555
2.ถ้าซื้อเครื่องจากทรูจะได้เครื่องศุนย์ แต่ต้องจ่ายมากกว่าเดิม 1000 บาท
3.ถ้าซื้อเครื่องจาดีแทคก็จะเหมือนทรู ผิดที่ว่าเล่นเน็ตได้ดีกว่าและมั่นใจการให้บริการด้านสัญญาณได้ดีกว่าทรู
    และแล้วผมก็ฟันธงว่า จะซื้อ i-phone3gs กับ DTAC สิ่งที่ผมคิดและทำในตอนนั้น ผมคิดว่าใครหลายๆคนก็คงเป็นแบบผม เงิน 24500 ไม่ใช่น้อยๆ ไหนจะค่าซิมอีก 100 บาท รวมแล้วเงินที่หอบมาก็แทบจะไม่พอ ตอนเข้าไปซื้อยังคิดอยู่ว่ามั่นใจดีแล้วหรอ พอเจอพนักงานพูดหว่านล้อมเท่านั้นละครับ ควักเงินแทบไม่คิดเลย ผมสมัครแพกเกจรายเดือนเป็นไซต์ M จ่ายเดือนละ 590 บาท พอทำสัญญาก็เดินออกมาตัวเบาๆพร้อมกับเจ้าไอโฟนเครื่องใหม่รีบเอาไปติดฟิล์มหน้าจอ 400 บาทที่ไอสตูแล้วไปถอยเคสมาใส่กันรอย 800 สรุปเสียเงินไว้มากกว่าที่คิดอีก 555
   มาเข้าถึงแก่นแท้แล้วครับ ปัญหามันเกิดตอนผมใช้ไอโฟนไปได้แค่ 6 วันก็มีอการแปลกๆคือ โทรเข้าโทรออกได้ปกติแต่เสียงด้านฟังก์ชั่นอื่นหายหมด มีข้อความแจ้งว่า อุปกรณ์นี้ไม่สามารถใช้ได้กับไอโฟน ขึ้นอยู่ตลอดเวลา พอเกิดปัญหาผมก็โทรไปหาศุนย์คอลเซ็นเตอร์ ทำตามที่เจ้าหน้าที่บอกก็ไม่หาย เจ้าหน้าที่บอกว่าปกติไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ ลองเข้าไปหาที่ตัวแทนที่ซื้อเพื่อให้ช่างประจำศูนย์ดูให้ ผมก็เลยรีบเข้าไปหาที่ศุนย์    
    ในใจก็เริ่มหงุดหงิด ซื้อมายังไม่ถึงอาทิตย์ดันมีปัญหาซะแระ  แต่ก็ปลอบใจตัวเองไว้เดี๋ยวช่างก็ดูให้ได้ เสียเวลาไม่กี่ชั่วโมงเอง พอถึงที่ศุนย์(เดอะมอล์โคราช)ก็เข้าไปเล่าอาการให้ช่างฟัง เขาบอกว่าขอใช้เวลาซักนิดในการตรวจสอบ ผมก็นั่งรอ รอ รอแล้วก็รอ กินเวลาไปเป็น ชม. จนพนักงานอีกคนบอกว่าไปเดินเล่นรอก่อนนะค่ะ ในใจตอนนั้นเริ่มเครียด ใช้เวลานานขนาดนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กแน่ๆ แต่ก็ช่างเถอะเดี๋ยวกลับมาคงเสร็จ แล้วก็เดินเล่นในห้างอยู่พักใหญ่แล้วเดินกลับไปเอาเครื่อง
    คำตอบที่ได้จากพนักงานคือ "ไม่หายค่ะ งงเหมือนกัน ไม่เคยเจอเลยเคสนี้ ต้องส่งเครมเครื่องค่ะ"
    !!!!เครมเครื่องคืออะไร ด้วยที่ว่าไม่เคยมีประสบการณ์เครื่องเสีย มันคือการซ่อมหรือเปลี่ยนเครื่องหว่า? ผมเลยถามพนักงานว่าแล้วจะเปลี่ยนหรือจะซ่อม คำตอบที่ได้คือ ต้องรอดูที่ศุนย์ใหญ่ว่าจะยังไง ถ้าเปลี่ยนก็จะได้เครื่องภายใน 3 วัน ถ้าซ่อมต้องรออีก 30วันขั้นต่ำ โอ้ว พระเจ้า
  งง!!! งานเข้าแล้วตรู เอ..ผมซื้อเครื่องยังไม่ทัน7วัน ต้องเปลี่ยนเครื่องให้สิครับ ผมถามไป  
  " กรณีนี้น่าจะเปลี่ยนเครื่องค่ะ แต่ยังไงก็ต้องรอดูผลการตรวจคะ" เจ้าหน้าที่ยืนยัน ทำไมต้องรอศุนย์ใหญ่แล้วจะมีช่างประจำศุนย์ไว้ทำไม เจ้าหน้าที่ดูแล้วว่าต้องเปลี่ยนทำไมต้องส่งให้ศุนย์ใหญ่ตัดสินอีก  งงกว่าเดิม
  แล้วถ้าเปลี่ยนสามารถรับเครื่องได้เลยไหมครับ
 "ต้องใช้เวลา อย่างน้อย3-7วันค่ะ ในการดำเนินการ"
  อ่าว...ทำไมละครับ "ที่นี่ไม่มีเครื่องให้เปลี่ยนค่ะ จะมีก็อยู่ที่ ขอนแก่นหรือกทม"
   โห!! ผมต้องรอ3-7วันเลยหรอ แล้วถ้าผลออกมาว่าต้องซ่อมผมไม่ต้องรออีก 30 วันหรอ
  "ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องรอค่ะ" กรำ...เอาไงดี ที่ศุนย์มีเครื่องวางขายมากมายแต่บอกผมว่าเปลี่ยนให้ไม่ได้ไม่ได้
  "งั้นเขียนใบส่งซ่อมเลยนะค่ะ ถ้าเปลี่ยนเครื่องคงได้อีก3วันแต่ถ้าซ่อมเดี๋ยวจะโทรแจ้งให้มารับค่ะ" สมองผมตอนนี้คิดว่าทำไมต้องเป็นตรูเสียเงินมากมายแล้วไม่ได้ใช้ของอีก ในใจตอนนี้คิดว่าต้องรอ 30 วันแหงๆเพราะบริษัทไม่น่าจะเปลี่ยนเครื่องให้ง่ายๆ ทำไงดีหว่า?
  "แล้วมีเครื่องให้ผมใช้สำรองไหมครับ?" คำตอบ จะมีแต่ศูนย์ใหญ่ๆแต่ที่นี่ไม่มีค่ะ ถึงมีแต่ก็ไม่ใช่ไอโฟนค่ะ"
  แล้วดีแทคไม่มีทางออกที่ดีกว่านี้เลยหรอครับ ผมถาม
 "ไอโฟนเป็นเครื่องจากนอก เรามีหน้าที่แค่ขาย ต้องโทษที่ไอโฟนค่ะ ปัญหานี้เจอ1ในพันค่ะ"  โห!! 1ในพันดันเป็นตรู สรุปตรูผิดหรอว่ะ
 "แล้วแพกเกจที่สมัครไปไม่ได้ใช้ต้องจ่าย 590 บาทเต็มเลยหรอ" ผมถามต่อ คำตอบที่ได้เด๋วทางเราจะประสานงานให้ค่ะ
   สรุปตอนนั้นผมทำอะไรไม่ได้เลย จะเอาเครื่องกลับก็กลัวหมดประกัน 7 วัน เลยตัดสินใจส่งซ่อม เดินออกมาจากศุนย์ตัวเปล่าๆพร้อมกับใบส่งซ่อมและซิมที่ไม่มีเครื่องใส่ น้ำตาไหลเลยครับ
   พอกลับมาถึงที่พักผมใช้โทรศัพท์บ้านโทรหาคอลเซนเตอร์เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง สรุปคำตอบคือ ต้องรอการวินิจฉัยเครื่องที่ศุย์ใหญ่ก่อน คำตอบที่ได้เหมือนกับที่พนักงานที่ศุนย์บอกผม ทั้งคืนนอนไม่หลับเลยครับ
   พอเช้ามาไปเรียนเพื่อนๆถามเต็มว่ามือถือหายไปไหน ด้วยความยังรักดีแทคเลยไม่กล้าบอกถึงปัญหากลัวเสียภาพลักษณ์ของดีแทค(เคยมีซิคเวย์เป็นผู้บริหารในดวงใจ)เลยบอกเพื่อนว่าลืมเอามา แต่ในใจยังไม่หยุดแค่นี้ โทรไปหาเจ้าหน้าที่ที่ศุนย์โคราชถามถึงความคืบหน้า เขาบอกว่าตอนนี้ส่งเครื่องไป กทม.แล้วอีก3 วันมารับเครื่องได้
  3 วันโอเค รับได้ ไม่ต้องรอ30วันก็ดีแล้ว คิดอย่างนี้ปลอบใจตัวเอง ไม่มีวันไหนเลยที่นอนหลับสนิท อดคิดถึงเจ้ามือถือที่รักไม่ได้
    คำถามที่ตามมา ถ้าได้เปลี่ยนเครื่องจริงๆ จะเอาเครื่องที่ไหนมาเปลี่ยนให้หว่า?ดีแทคคงไม่แกะกล่องเครื่องใหม่ให้แน่ เพราะถ้าทำได้คงเปลี่ยนให้ที่หน้าเคาเตอร์แล้ว อดคิดไม่ได้เลยว่าดีแทคจะเอาเครื่องที่ซ่อมได้แล้วจากลูกค้าคนอื่น(ในกรณีที่เปลี่ยนเครื่อง)มาให้ พอเครื่องเราซ่อมเสร็จก็เอาไปให้คนอื่นต่อ
    พอครบ 3 วัน ผมโทรไปหาเจ้าหน้าที่ที่โคราช คำตอบที่ได้คือ
  "กำลังดำเนินการให้อยู่ค่ะ ส่งให้ศูนย์ที่1แล้ว ตอนนี้ศุนย์ที่ 2 กำลังเช็คแล้วไงจะโทรมาจแงให้ไปรับเครื่องนะค่ะ"
  อะไรเนี่ย!! เจ้าหน้าที่ที่ศุนย์บอกเปลี่ยนไม่พอ ต้องรอศุนย์1พิจาราณายังต้องมารอศุนย์ 2 อีกหรอ งง กับดีแทคมากมาย ทำอะไรหลายต่อมากมาย รู้ทั้งรู้ว่าซื้อไม่ถึง 7 วันต้องเปลี่ยนแต่ก็ยังดึงเวลา
 "แล้วผมจะได้เครื่องวันไหนครับ"ผมถาม
 "ตอบไม่ได้ค่ะ น่าจะอีก 1 อาทิตย์" โห!! รอมา3วันแล้วให้รออีก1อาทิตย์เป็น 10 วันพอดี ควันออกหูเลย รีบโทรหาคอลเซ็นเตอร์เผื่ออะไรจะดีขึ้น
      คอลเซ็นเตอร์บอกว่าไม่ทราบใดๆทั้งสินเพราะเรื่องอยู่ในการดูแลของเจ้าหน้าที่ที่ศุน์โคราช ให้ติดต่อกันเอง กรำ...แล้วจะมีคอลเซ็นเตอร์ไว้ทำไมอะ อารมณ์ผมตอนนี้สุดจะกลั้นจริงๆ โยนปัญหาให้กันอยู่ได้ เลยขอต่อสายถึงเมเนเจอร์ แล้วเล่าปัญหาให้ฟัง
    สรุปไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิม ถ้าอยากได้เครื่องมาใช้ในขณะส่งเครมต้องเสียค่ามัดจำ 2000 บาท โอ้วพระเจ้าทำไมช่างเอาเปรียบกันนักกันหนาบริษัทนี้ เอาเครื่องมาใช้เพราะปัญหาเกิดจากตัวเองแท้ๆ ยังต้องเสียเงินเพิ่มให้อีกหรอเนี่ย กลัวแต่ของตัวเองจะพังแต่ไม่คิดถึงของที่เราพัง
    ผมยื่นข้อเสนอสุดท้ายกับเมเนอเจอร์ว่า ผมต้องได้เครื่องใหม่ภายในพรุ่งนี้เท่านั้นหรือถ้าให้ไม่ได้ ต้องระบุวันที่แน่นอนที่ผมสามารถรับเครื่องได้และต้องมีไอโฟนรุ่น 3gs มาให้ผมใช้ในขณะดำเนินการ ถ้าทำสิ่งที่ผมร้องขอไม่ได้ ผมจะไปแจ้งความและนำใบแจ้งความไปที่ศุนย์เดอะมอล์พร้อมกับพนักงาน สคบ.(สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค) โดยผมชี้แจงว่า ผมซื้อไอโฟนกับดีแทค ดังนั้นดีแทคคือคู่สัญญาระหว่างผม ผมเป็นผู้ซื้อและดีแทคคือผู้ขาย ไม่เกี่ยวกับแอปเปิล ดีแทคมีหน้าที่ต้องดูแลหลังการขายในช่วงอายุประกัน ลูกค้าไม่มีความจำเป็นต้องรับรู้ว่าดีแทคจะมีสัญญาอย่างไรกับแอปเปิลแต่เมื่อเกิดปัญหาดีแทคต้องรับผิดชอบ ผมจ่ายเงิน100% ไม่ได้ผ่อน ดังนั้นผมต้องได้ใช้งาน 100% เช่นกัน
    สรุป ผลที่ออกคือผมได้เครื่องในวันต่อมาไม่ต้องรอ10-30 วัน 10วันที่ผมไม่ได้ใช้ ไม่เสียค่าบริการ
    เห็นไหมครับ ทำวันเดียวก็ทำได้แต่ไม่ทำ โยนโน่นโยนนี่กันจนช้า ผลที่เสียมาคือภาพลักษณ์ของดีแทคเอง
    สิ่งที่ผมเสียไปโดยใช่เหตุนั่นคือ ค่าฟิล์มติดหน้าจอ 400 บาทที่ติดไปกับเครื่องเก่าและยังต้องเสียอีก 400 บาทเพื่อติดเครื่องใหม่ เสียค่าสูญเสียโอกาสในช่วงไม่ได้ใช้เครื่อง เสียเวลา เสียความรู้สึก ที่สำคัญที่สุดคือเสียใจ!!
ทั้งหมดนี้ไม่มีการชดเชยสิ่งใดให้ทั้งสิ้น แม้แต่คำว่า "ขออภัย"จากทางดีแทค
    ผมเกรงว่าถ้ายังเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก ดีแทคคงไม่ใช่ตัวเลือกแรกในการซื้อ i-phone เครื่องต่อไปของผมอย่างแน่นอน
    สิ่งที่ผมเล่ามาเพียงจะบอกว่าการจะซื้อหรือใช้บริการต่างๆของดีแทคนั้นต้องใช้ปัจจัยมากมายในการตัดสินใจ ผมเลือกซื้อไอโฟนที่คุณเพราะผมไว้วางใจคุณ มีใจให้คุณ ถึงได้ทำสัญญากับคุณ ไม่ใช่เพียงแค่ผมมีเงินก็จะซื้อได้ ผมจ่ายเงินต้องการซื้อเครื่องและต้องการซื้อใจคุณเช่นเดียวกัน เงิน 24500 บาทถือว่าน้อยนักถ้าเปรียบเทียบกับสัญญาที่ผมจะจ่ายค่าใช้บริการรายเดือน (590 )ตลอดไป
ปล.บางคำอาจพิมพ์ผิด พิมพ์ตก ขออภัยมา ณ ที่นี้

แก้ไขเมื่อ 03 ส.ค. 53 14:11:31

จากคุณ : POPULARINKORAT
เขียนเมื่อ : 3 ส.ค. 53 06:25:57




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com