Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ทำไมคนไทยต้องจ่ายมือถือแพง"อันดับ 45" ของโลก  

บ่ายวันที่ 4 สิงหาคม 2553 ผู้บริหารค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ทั้ง 3 แห่ง
คงนั่งสะดุ้งหายใจไม่ทั่วท้อง เพราะมีกลุ่มนักวิชาการรวมตัวกันแฉข้อมูลว่า
ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือในไทยกว่า 60 ล้านเลขหมายกำลังถูกเอาเปรียบ
ถูกล่อหลอกสารพัด บางครั้งก็ปั้นโฆษณาให้หลงเชื่อว่า
คนไทยจ่ายค่ามือถือถูกที่สุดในโลกแล้วจ้าาา ?!!


*นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา *ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม
(สบท.) เปิดเผยว่า
คนไทยตอนนี้สัดส่วนรายจ่ายค่าโทรศัพท์มือถือแต่ละเดือนคิดเป็นอันดับที่ 45
ของโลก คือจ่ายร้อยละ 1 ของรายได้ต่อเดือน โดยประเทศที่จ่ายต่ำสุดคือฮ่องกง
จ่ายแค่ร้อยละ 0.03 อันดับ 2 มาเก๊าจ่ายร้อยละ 0.09 อันดับ 3 สิงคโปร์ ร้อยละ
0.14 ส่วนมาเลเซียประเทศเพื่อนบ้านจ่ายแค่ร้อยละ 0.85 เท่านั้น


ข้อมูลเหล่านี้มาจาก "สหภาพโทรคมนาคมนานาชาติ" (International
Telecommunication Union : ITU) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า "ไอทียู"*
*ซึ่งคำนวณตัวเลขมาจากการสมมติให้ประชากรแต่ละประเทศกดโทรศัพท์มือถือออกเฉลี่ย
25 ครั้งต่อเดือน แล้ววิเคราะห์ว่าต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงินเท่าไร


ถ้าเทียบกับรายได้ต่อเดือนแล้วคิดเป็นเท่าไร ตัวอย่างเช่น คนไทยเงินเดือน 3
หมื่นบาท ต้องจ่ายค่าโทรศัพท์มือถือเฉลี่ยประมาณ 300 บาท
ส่วนคนฮ่องกงถ้าได้เงินเดือนเท่ากันมีค่าใช้โทรมือถือแค่ 3 บาท


"ข้อมูลนี้เปรียบเทียบ 161 ประเทศ ประเทศเพื่อนบ้านคือมาเลเซีย สิงคโปร์
ล้วนแต่จ่ายค่าโทรมือถือถูกกว่าคนไทย ทั้งที่มีรายได้ต่อเดือนมากกว่า
แม้แต่ในอินเดียยังมีค่าบริการแค่ 0.20-1 บาทต่อนาที ส่วนของไทย 0.25-3
บาทต่อนาที ขึ้นอยู่กับโปรโมชั่น เมื่อตัวเลขออกมาอย่างนี้ก็อย่าไปหลงเชื่อว่า
คนไทยจ่ายค่าโทรมือถือถูกที่สุดในโลก


ส่วนประเทศที่จ่ายแพงสุดก็คือพม่า คิดเป็นร้อยละ 70 ของรายได้
ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะพม่ามีบริษัทมือถือแค่แห่งเดียว และไม่มีบริการมากนัก
ส่วนใหญ่จะใช้โทรศัพท์ตามชายแดนประเทศไทยมากกว่า" นพ.ประวิทย์ เล่า


* *ที่สำคัญคือผลการสำรวจข้างต้นระบุว่า ระบบเติมเงินมือถือ หรือที่เรียกว่า
"พรีเพด" ของไทย เอาเปรียบผู้บริโภคเช่นกัน
เพราะหลายประเทศกำหนดวันใช้งานสูงกว่ามาก และให้เติมเงินในมูลค่าที่ต่ำกว่า
เช่น ฮ่องกง หากเติมเงิน 50 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือประมาณ 205 บาท
จะใช้งานได้นานถึง 180 วัน


ส่วนสิงคโปร์ หากเติมเงินประมาณ 233 บาท สามารถใช้งานได้นานถึง 90 วัน
ถ้าเปรียบเทียบกับอินเดียยิ่งน่าอิจฉา อาบังแค่เติมเงิน 200 รูปี หรือ 118 บาท
ทุกๆ 6 เดือนก็สามารถใช้บริการได้ตลอดไป ส่วนคนไทยถูกบีบบังคับให้เติมอย่างน้อย
300 บาท และใช้ได้แค่ 30 วัน


นพ.ประวิทย์ แฉต่อว่า
ค่าบริการมือถือของไทยไม่ได้คิดเงินตามเวลาที่ใช้งานจริงเป็นวินาที
เพราะถ้าโทรไม่ถึงนาทีจะถูกปัดเศษคิดเงินเป็นนาทีแรกทันที
รวมทั้งโปรโมชั่นเหมาจ่ายรายเดือนแบบโทรไม่อั้นก็หลอกลวงลูกค้า
เพราะความจริงคือโปรโมชั่น "โทรไม่ออก" ไม่ใช่ "โทรไม่อั้น"
มีบางคนร้องเรียนมาว่าตั้งแต่ใช้โปรโมชั่นนี้ต้องกดหมายเลขเดียวกันถึง 50
ครั้งกว่าจะโทรติด !?!


งานเสวนาหัวข้อ "ค่าโทร เมืองไทย ถูกได้กว่านี้"
จัดขึ้นในห้องประชุมสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.)
เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 4 สิงหาคม ที่ผ่านมา *ดร.ประชา คุณธรรมดี
*อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ให้ข้อมูลว่า
ทุกวันนี้คนไทยถูกคิดค่าบริการมือถือเฉลี่ยนาทีละ 1.21 บาท
แบ่งเป็นค่าเรียกออก


ค่าเชื่อมต่อโครงข่าย และค่ารับสายเรียกเข้า
รวมที่จ่ายต่อปีแล้วทำกำไรให้บริษัท 3 ค่ายมือถือประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท
ค่ายเอไอเอสฟันไปเต็มๆ 1.5 หมื่นล้านบาท ดีแทคอันดับ 2 ได้ 5 พันล้านบาท
ส่วนทรูมูฟน้องใหม่ได้ไป 1 พันล้านบาท


"คนไทยจ่ายค่ามือถือแบบรายเดือนประมาณคนละ 500 กว่าบาท
ส่วนคนที่ใช้แบบบัตรเติมเงินจ่ายเดือนละ 600 กว่าบาท
แม้ต้นทุนจะลดลงและมีผู้ใช้บริการมากขึ้น แต่บริษัทมือถือทั้ง 3
เจ้ายังไม่ยอมลดค่าบริการลง มีการกำหนดค่าบริการเฉลี่ยนาทีละ 1.21 บาท
เป็นราคาที่สูงเกินไป กทช.ต้องเข้ามากำกับดูแล
เพื่อให้มีการคำนวณค่าบริการเฉลี่ยให้ต่ำลงกว่านี้
ส่วนแบบเติมเงินก็ต้องกำหนดระยะเวลาและเงินคงเหลือให้ชัดเจน" ดร.ประชา แนะนำ

จากคุณ : hipcop
เขียนเมื่อ : 30 ส.ค. 53 15:29:11




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com