ผมกำลังจะถอยสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่มาใช้น่ะครับ (ตอนนี้ใช้ Nokia รุ่นดึก) แว้บแรกตั้งใจเลือก iPhone แต่ติดที่ราคาเครื่องหนักเอาการอยู่เหมือนกัน เพื่อนๆ เชียร์ให้ผมใช้ Android เพราะถูกว่า และน่าใช้ไม่แพ้กัน ผมเองเคยยืมไอโฟนของเพื่อนมาเล่นบ้างแล้ว แต่ไม่เคยลองสมาร์ทโฟนที่เป็นแอนดรอยด์เลย อีกอย่างเพื่อนก็ไม่เห็นบอกว่า มันดีกว่าไอโฟนอย่างไร? รบกวนช่วยแนะนำด้วยครับ
ตอบ : ของบางอย่างไม่เคยสัมผัสมิอาจหยั่งรู้ได้ สิบปากว่าก็ไม่เท่าตาเห็น สำหรับแอนดรอยด์โฟน หรือสมาร์ทโฟนที่มีหัวใจเป็นระบบปฏิบัติการแบบเปิด (Open Source OS) ของกูเกิ้ล (Google) เสิร์ชเอ็นจิ้นระดับโลก กำลังเป็นแพลตฟอร์มที่มาแรงมากๆ จนหลายสำนักคาดว่า มันจะขึ้นเป็นอันดับรองรองจากไอโฟนในอีกสองปีขั้างหน้านี้ ทั้งๆ ที่เพิ่งมีอายุได้ไม่กี่ปีเท่านั้น ล่าสุดในงาน MWC 2010 สมาร์ทโฟน"แอนดรอยด์"ที่มาจากผู้ผลิตหลายๆ รายกลายเป็นกระแสหลักที่พูดถึงมากที่สุด รู้สึกจะโม้เยอะไปแล้ว ขอตอบคำถามให้กับคุณผู้อ่านก็แล้วกันว่าเหตุใด แอนดรอยด์มีอะไรดีกว่าไอโฟน
1. ความสามารถในการท่องเว็บ (Browsing)
บราวเซอร์ หลักบนไอโฟนก็คือ Safari ซึ่งทำงานได้เร็ว แข็งแรงไม่ล่มง่าย แต่อาจจะขาดความยืดหยุ่นในการใช้งานไปนิด ที่สำคัญมันไม่สนับสนุน Flash และดูจะเป็นอะไรที่แอปเปิลไปหน่อย ก็แหงล่ะมันเจ้าเดียวกันนี่นา ในขณะที่หากเป็นบราวเซอร์บนแอนดรอยด์ นอกจากจะโหลดเพจเร็วกว่าแล้ว มันยังสนับสนุนแฟลช และฟังก์ชันหลักๆ ที่บราวเซอร์ควรทำได้อีกด้วย และหากต้องการจะได้ใช้อะไรทีมากกว่านี้ คุณก็อาจจะลองโหลดสุดยอดบราวเซอร์บนสมาร์ทโฟนอย่าง Opera Mini หรือ Dolphin ที่มีลูกเล่นอย่างการท่องเว็บแบบแท็บ (tabbed browsing) และการใช้นิ้วควบคุมการท่องเว็บ (gesture) ก็ได้ครับ เรียกว่าไม่มีข้อจำกัด หรือผูกขาดการใช้งานแต่อย่างใด เลยได้ใจไปเต็มๆ
2. วิดเจ็ต (Widget)
บนเดสก์ทอป แทน ที่จะใช้เป็นไอคอนเล็กๆ แบบไอโฟน แอนดรอยด์โฟนจะให้ผู้ใช้เลือกเพิ่มเป็นแอพฯเล็กๆ ที่เรียกว่า Widget บนเดสก์ทอปแทน โดยแต่ละตัวจะมีฟังก์ชันทำงานเฉพาะทางของมัน อย่างเช่น Twitter Widget ที่ทำให้ผู้ใช้สามารถอัพเดต status ได้จากเดสก์ทอปของมือถือได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาเปิดโปรแกรมก่อน หรือจะเป็น People Widget ที่ทำให้ผู้ใช้แอนดรอยด์โฟนสามารถทำกิจกรรมที่แตกต่างกันสำหรับผู้ติดต่อ แต่ละคนใน contact ได้ เช่น โทรหากิ๊กภายในคลิ้กเดียว เป็นต้น ยังไม่หมดนะครับ อีกสักตัวอย่างหนึ่งแล้วกัน นั่นคือ Messages Widget ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถอ่านอีเมล์ได้จากเดสก์ทอปเลย เรียบง่าย สะดวกรวดเร็ว ตอบโจทย์ ตรงกับความต้องการของผู้ใช้อย่างแท้จริง
3. การเชื่อมต่อ (Connectivity)
ผู้ใช้สามารถตั้งหน้าบนเดสก์ทอปของแอนดรอยด์โฟน เพื่อใช้สำหรับเปิดปิดการเชื่อมต่อต่างๆ (Bluetooth, Wi-Fi, GPS, etc.) เพื่อช่วยปรเะหยัดพลังงานแบตเตอรี่ได้ นอกจากนี้มันยังมีแอพฯ บางตัวยังสามารถปิดการเชื่อมต่อ Wi-Fi ให้โดยอัตโนมัติ หากไม่ได้ใช้งาน ในขณะที่ถ้าเป็นไอโฟน คุณจะต้องเข้าไปที่หน้าจอ Settings และมองหาตัวเลือกทีเกี่ยวข้อง เพื่อเปิดปิดการเชื่อมต่อต่างๆ ตามที่ต้องการ ซึ่งอาจจะไม่ค่อยสะดวกนัก
4. การเชื่อมต่อกับพีซี (PC connection)
คุณสมบัติการทำงานของแอนดรอยด์ที่แตกต่างจากไอโฟนก็คือ การเชื่อมต่อกับพีซี เนื่องจากคุณไม่จำเป็นต้องหาโปรแกรมอย่าง iTunes มาติดตั้งในเครื่องก่อนถึงจะสื่อสารกับสมาร์ทโฟนของคุณได้ สำหรับแอนดรอยด์โฟนแล้ว พีซีจะสามารถมองเห็นหน่วยความจำในเครื่องเหมือนเป็นสตอเรจตัวหนึ่งที่สามารถ เข้าถึง และจัดการได้อย่างง่ายดาย เหมือนใช้วินโดวส์ปกติเลย
5. แจ้งเตือนได้หลากหลายแอพพร้อมกัน (Multi-notification)
ประเด็นที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์มักจะรู้สึกว่า ไอโฟนไม่ได้ตอบโจทย์การใช้งานพวกเขาอย่างสนิทใจนั่นก็คือ พื้นฐานการทำงานของระบบแจ้งเตือน (notification) เนื่อง จากมันขึ้นอยู่กับการทำงานของระบบเดียวไม่ใช่แอพพลิเคชันทุกตัวที่ทำงานขณะ นั้น ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณใช้ทวิตเตอร์ คุณจะสามารถทราบว่ามีการอัพเดตก็ต่อเมื่อเปิดแอพ Twitter บน iPhone เทานั้น ในขณะที่หากเป็นแอนดรอยด์ แอพต่างๆ จะสามารถเข้าถึงระบบแจ้งเตือน และสามารถรายงานให้คุณได้ทราบทั้งหมด โดย notification bar บน แอนดรอยด์โฟนจะสามารถเตือนคุณเมื่อมีวอยส์เมสเสจใหม่ อีเมล์ใหม่ ระบบแจ้งเตือนจากเฟซบุ๊ก จีเมล์ใหม่ ข้อความใหม่ และอื่นๆ อีกมากมายที่เข้ามาจากแอพฯต่างๆ เหล่านี้ได้ ซึ่งสะดวกกว่าไอโฟนมาก
6. การปรับแต่งการใช้งานเฉพาะบุคคลที่ทำได้ไม่สิ้นสุด (Personalization)
คุณผู้อ่านอาจจะมองว่า เรื่องของการปรับแต่งหน้าตาอินเตอร์เฟซตลอดจนฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ บนสมาร์ทโฟนเป็นเรื่องไร้สาระ แต่ความจริงแล้ว มันสำคัญมากนะครับ ซึ่งแอนดรอยด์โฟนจะเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งมือถือให้มีหน้าตา และรูปแบบการใช้งานได้ตามที่ผู้ใช้ต้องการ เช่น หากคุณเป็นพวกคลั่นไคล้ Social Network คุณสามารถปรับแต่งหน้าจอหนึ่งสำหรับ Facebook อีกหน้าจอหนึ่งสำหรับ Twitter รวมถึงการทำหน้าจอสำหรับส่งข้อความโดยเฉพาะ และหน้าจอสำหรับ Flickr หรือ ถ้าคุณเป็นนักธุรกิจ คุณก็ยังสามารถสร้างหน้าจอสำหรับคอนแท็ค หรือรายชื่อผู้ติดต่อ ปฏิธินงาน จีเมล์ หรืออีเมล์ หน้าจอฟีดข่าวจาก RSS และ อื่นๆ อีกมากมาย ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้งานของคุณ ซึ่งนอกจากจะสามารถปรับแต่งเดสก์ทอปได้ตามต้องการแล้ว คุณยังสามารถปรับแต่งคุณสมบัติการทำงานให้เหมากับสมาร์ทโฟนของคุณได้อีกด้วย เช่น การปรับแต่งการทำงานที่แตกต่างกันสำหรับแต่ละรายชื่อผู้ติดต่อ ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนทั้งหน้าเดสก์ทอปขึ้นอยู่กับความพอใจของคุณ เรียกได้ว่า ปรับแต่งได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ แต่สำหรับไอโฟน คุณจะพบข้อจำกัดมากกว่าความยืดหยุ่น
7. หน้าร้านบริการแอพพลิเคชัน (Android Market, App Store)
แม้ว่าแอปเปิ้ลจะมีแอพพลิเคชันรองรับการใช้งานมากกว่า ตอบโจทย์การใช้งานหลากหลายตามความต้องการ (ที่มีการทำงานแบบเดียวกันก็เยอะ) แต่ แอพสำหรับแอนดรอยด์ก็สามารถทำงานได้ไม่แพ้กัน แถมยังมีโอกาสได้ดาวน์โหลดแอนดรอยด์แอพฯฟรี และมีประสิทธิภาพในการทำงาน ดีไม่ดีอาจจะเก่งกว่าแอพฯบนไอโฟนอีกด้วย และคุณผู้อ่านเชื่อ หรือไม่ว่า ปัจจุบันมีแอพพลิเคชันนับหมื่นตัวแล้วใน Android Market นอก จากจะมีแอพที่สามารถทำงานได้ไม่แพ้ไอโฟนแล้ว การติดตั้งแอพบนแอนดรอยด์โฟนยังง่ายกว่าบนไอโฟนอีกด้วย สำหรับแอพฟรี คุณไม่ต้องกังวลเรื่องเกียวกับการป้อนพาสเวิร์ดทุกครั้งที่คุณพยายามจะติด ตั้งแอพใดๆ และคุณไม่ต้องลิงค์ไปยัง iTunes Store เพื่อซื้อแอพอีกต่อหนึ่ง ส่วนแอพพลิเคชันที่เปิดจำหน่ายใน Android Market คุณป้อนข้อมูลเพียงครั้งแรกครั้งเดียวเท่านั้น ง่ายดีไหมครับ
8. "กูเกิ้ล"ฝังใน (Google Integration)
สำหรับการเปรียบเทียบคุณสมบัติข้อนี้อาจจะไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไร เนื่องจากแอนดรอยด์ได้รับการออกแบบให้ทำงานร่วมกับกูเกิ้ลเป็นหลัก แต่มันก็ทำออกมาได้ดีจนไม่อาจละเลยที่จะไม่พูดถึง หรือนำยกมาเปรียบเทียบได้ เมื่อใดก็ตามที่คุณต้องการค้นหาด้วยกูเกิ้ล แค่คลิกปุ่ม Search พิมพ์ข้อความที่ต้องการ ค้นหา กดปุ่มแล้วก็รอคำตอบ นอกจากนี้มันยังรองรับฟังก์ชัน และคุณสมบัติการทำงานอื่นๆ ของกูเกิ้ลได้อย่างครบถ้วน
9. โอเพ่นซอร์ส (Open Source)
การที่แอนดรอยด์เป็นระบบเปิดแล้วมันจะดีกว่าไอโฟนอย่างไร? เหตุผลไม่ต่างจากระบบเปิด หรือ Open Source ทั่ว ไป เช่น การเป็นโอเอสระบบเปิดของลินุกซ์ ทำให้มันมีนักพัฒนามากมายที่พร้อมจะทำให้โอเอสแข็งแรง ตลอดจนแอพพลิเคชันต่างๆ ที่สำคัญนักพัฒนากลุ่มนี้มีความพร้อมที่จะพัฒนาแอพฯบนแอนดรอยด์ได้อีกด้วย ไม่ว่าใครก็สามารถเข้าถึงซอร์สโค้ดของแอนดรอยด์ เพื่อปรับปรุงระบบการทำงานของมันให้ดีขึ้น แต่ประเด็นนี้ยังเป็นดาบสองคมอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การมีชุมชนที่ช่วยกันตรวจสอบดูแล หากพบจุดอ่อนของการทำงาน มันก็จะมีการแก้ไขปัญหาที่พบอย่างรวดเร็ว เทียบกับระบบปิดจะพบว่า มันมีข้อจำกัด และเรื่องของขั้นตอนที่ค่อนข้างล่าช้าจนอาจไม่ทำการ แล้วคุณคิดว่าแอปเปิ้ลจะยอมให้ไอโฟนเป็นระบบเปิด หรือครับ? ฝันไปแล้ว
Credit
http://www.thaiandroidphone.com/home-space-uid-6275-do-blog-id-108.html
http://www.thaiandroidphone.com/home-space-uid-6275-do-blog-id-109.html