|
คู่มือการเช็ค iPhone 4 สภาพเครื่อง ฝาหลัง กรอบ จอ ไม่มีรอยตำหนิ ตัวเครื่องภายนอก ลองดูตัวรอบตัวเครื่องว่ามีรอยหรือไม่ มีรอยแตก รอยแยก หรือส่วนไหนหลวมหรือเปล่า iPhone 4 ทำด้วยวัสดุที่แข็งแรงเพราะทำจากแก้วและโลหะ การประกอบเครื่องสนิทเรียบร้อยดี งานประกอบของไอโฟนมีคุณภาพสูง ดังนั้นต้องไม่มีส่วนไหนยวบยาบ ส่วนด้านหน้าและด้านหลังทำการแก้ว จะต้องเสมอเป็นระนาบเดียวกันทั้ง 2 ด้าน และรอบตัวเครื่องจะเป็น สแตนเลสสตีล ซึ่งใช้เป็นเสาอากาศ แม้โอกาสที่จะมี รอยแยก (gap) จะมีน้อย แต่ถ้าโชคร้ายจริงๆ ก็เกิดขึ้นได้ ซึ่งมองได้ยากซะด้วย วิธีการเช็คก็คือ ให้หัน iPhone 4 ด้านข้าง โดยมีใช้โคมไฟส่องจากด้านหลังถ้ามองไม่เห็น แสงใด ๆ ลอดออกมา ก็แปลว่าตัวเครื่องภายนอกของ iPhone 4 คุณไม่มีปัญหาใด ๆ อุปกรณ์ครบ (หูฟัง มีปุ่มกด เพิ่ม-ลด เสียงได้แล้วก็ไมค์, Adaptor, สาย USB, sim ejector tools,เอกสาร,apple sticker) ความจุใกล้เคียงกับที่สั่ง เครื่องแกะห่อใหม่ รูปทรงเครื่องต้องเป็นทรงเหลี่ยม ทดสอบดูว่าสามารถตั้งเครื่องในแนวตั้งและแนวนอนได้หรือไม่ Micro Sim Tray ถาดใส่ซิม ไม่แน่หรือหลวมจนเกินไป สามารถใส่ Micro Sim ได้ แถบวัดความชื้น (ด้านในช่องเสียบหูฟัง) จะต้องเป็นสีขาวไม่เป็นสีแดง แสดงว่าไม่โดนความชื้น Earphone Port ช่องเสียบหูฟัง ไม่มีร้อยร้าวและทดลองเสียบหูฟัง ต้องเสียบง่ายพอดีๆ ไม่แน่นหรือหลวมจนเกินไป ทดสอบเขย่าเครื่องว่ามีเสียงอุปกรณ์หลวมหรือไม่ ตรวจดูฝุ่นในหน้าจอ ลองเสียบชาร์ตแบตดูว่าเข้าไหม เช็คปุ่ม Power ทดสอบการ เปิด-ปิด เครื่อง ต้องไม่ขยับ แน่น กดง่าย เช็ค Death Grip โดยการลองจับรอบๆเครื่องแน่นๆ แล้วดูว่าสัญญาณลดไปอย่างรวดเร็วไหม เช็คดูปุ่ม Home ว่ากดแล้วตอบสนองดีหรือไม่ ไม่หลวมหรือฝืดเกินไปเวลากด แต่ถ้าปุ่มมันขยับได้เล็กน้อย อันนี้เป็นเรื่องปรกติ แต่ถ้าปุ่ม Sleep บุ๋มลึกเกินกว่าปรกติ หรือปุ่ม Home ต้องใช้แรงกดมากกว่าปรกติ ถึงจะทำงาน อันนี้อาจจะเป็นปัญหาที่การผลิต เช็ค Ambient Light Sensor : เซ็นเซอร์แสงสว่างในห้อง วิธีเช็คก็คือ ไปอยู่ในห้องมืด แล้วไปปรับที่ Setting -> Brightness ซึ่งค่าที่มากับเครื่อง Auto-Brightness จะถูก off อยู่ หน้าจอจะสว่าง แต่ถ้ากด on ความสว่างของหน้าจอจะหรี่ลง เช็คปุ่ม Vibrate Switch/motor : มอเตอร์สั่น เลื่อนปุ่มปิดเสียงเรียกเข้า เพื่อให้เครื่องใช้มอเตอร์ทำให้เครื่องสั่นเช็คปุ่มว่ากดได้ปรกติดี และทุกครั้งที่เลื่อนปุ่มนี้มาที่ เก็บเสียง (silent) เครื่องจะต้องสั่นทุกครั้ง ซึ่งแสดงว่าไอโฟน ได้เข้าโหมดเก็บเสียงแล้ว และมอเตอร์ทำหน้าที่สั่นเครื่องทำงานเรียบร้อยดี เช็คระบบสั่นและเสียงเรียกเข้าของเครื่องโดยการโทรเข้า เช็คปุ่มเพิ่ม/ลดเสียง ทำงานไม่สลับกัน +/- ตำแหน่งของปุ่ม เพิ่มเสียง (+) จะอยู่ด้านบน ลดเสียง (-) จะอยู่ด้านล่าง เช็ค Speaker 2 ตำแหน่ง : ทดสอบความดังของลำโพง เสียงไม่แตก ควรลองทั้ง ลำโพงตรงตำแหน่งหูฟัง และลำโพงที่บริเวณด้านล่างเครื่อง (ด้านซ้ายข้างเดียว) ไม่ควรมีเสียงเพี้ยนเกิดขึ้นปัญหาที่เคยเกิดขึ้นก็คือ มีเสียงเหมือน beatbox แทรกมาตอนโทรออก เช็ค Accelerometer หน้าจอ ว่าพลิกตะแคง-ตั้งได้ ตามมือเรา เช็ค Setting -> General -> Usage ไม่มีเวลาขึ้นที่ usage, standby, call time, data แสดงว่าเครื่องไม่เคยถูกใช้ เช็ค Capacity ความจุของหน่วยความจำ 32GB ต้องเหลือ Capacity ประมาณ 29.3GB (ความจุที่ใช้สำหรับ iOS) เช็ค iOS version 4.1 เช็ค Manufactured Date (Serial #4-5) ดู Week ที่ผลิตก่อนเลยที่ Serial ตัวที่ 4-5 เช็ค Model เครื่อง ของไทยต้องลงท้ายด้วย TH ไม่ใช่ LL (เครื่องเคลม) เช็คหมายเลข IMEI และ Serial ตรงกับที่กล่อง เช็ค Modem Firmware iOS 4.1 ต้องเป็น Version 02.10.04 เช็คการถ่ายรูปจาก กล้องถ่ายรูป ใช้งานได้ตามปกติ ทั้งกล้องหน้าและหลัง เช็ครูปถ่ายจากกล้องถ่ายรูป ไม่มีสีเพี้ยน เช็ค Tap to focus โดยแตะจุดที่มืดและสว่างที่สุด รูปถ่ายต้องสีไม่เพี้ยน เช็ค Flash กล้อง โดยการเปิด on แล้วลองถ่ายรูปดูว่า Flash ทำงานไหม เช็ค White Balance ลองถ่ายวิดีโอ เช็ควิดีโอจากการถ่ายวิดีโอ ตอนเล่นคลิปวิดีโอ อย่าลืมเช็คว่ามีเสียงในคลิปไหม ภาพลื่นไหลไม่กระตุก หรือสีเพี้ยน เช็ค HDR เช็ค การ Zoom เข้า - ออก เลื่อนซ้าย - ขวา ว่าลื่นไหลและทำงานปกติ เช็คดูหน้าจอว่าสัมผัสแล้วตอบสนองได้ทุกส่วนหรือไม่ Touchscreen : วิธีการทดลองก็ลองเปิด app อะไรก็ได้ที่ต้องใช้ keyboard แล้วลองพิมพ์ประโยค "The quick brown fox jumps over the lazy dog" โดยทำซ้ำ โดยเอียงเครื่องเพื่อเปลี่ยนเป็น landscape mode (คียบอร์ดแนวนอน) โดยทำอย่างนี้ให้ครบทั้ง 4 ด้าน ซึ่งก็จะเป็นการใช้พื้นที่ครอบคลุมเกือบทั้งหน้าจอ และการลอง เช็คระบบ Motion ใช้การได้หรือไม่ [เขย่าเปลี่ยนเพลง] ลองเข้า Message รอให้ขึ้น Keyboard แล้วลองเขย่าดูจะต้องขึ้น Undo typing or cancle (อย่าลืมปิด Portrait orientation lock ก่อนทดสอบ) เช็คระบบ Multitouch ก็คือเปิด photo app เพื่อดูรูปที่ถ่ายไว้ แล้วลองเลื่อนนิ้วไปทางซ้าย หรือไปทางขวา ดูว่าภาพเลื่อนตามไหม และใช้สองนิ้ว ลากขยาย เพื่อซูมรูปดู ทดสอบระบบ Multitasking โดยการกดปุ่ม Home 2 ครั้งเพื่อสลับการใช้งาน Application ดูว่าลื่นไหลหรือไม่ เช็คระบบ Voice Control โดยการกดปุ่ม Home ค้างจะปรากฎหน้าจอ Voice Control 3G ทดสอบว่าใช้งานได้ไหม และทดสอบความเร็ว EDGE/GPRS ให้ไปที่ Settings > General > Network แล้วกด "off" ที่ Enable 3G รอสักพัก ไอโฟนจะเปลี่ยนไปใช้เครือข่าย 2G แล้วก็ลองเหมือน 3G ดูครับ ว่าทำงานไหม เน็ตวิ่งหรือเปล่า ยังไงถ้าทำแล้วเน็ตไม่วิ่งลอง กด เปิด/ปิด air plane mode สักครั้งสองครั้งดู ก่อน GPS ให้เปิด Maps app แล้วกดที่ ลูกศร ที่ด้านล่างซ้าย รอสักพัก จะเห็นลูกกลมสีฟ้าขึ้น พร้อมบอกตำแหน่งของเรา ซึ่งก็ควรจะแสดงตำแหน่งใกล้เคียงกับ ตำแหน่งที่เราอยู่จริง ด้วยการออกแบบใหม่ของ iPhone 4ทำให้ GPS สามารถรับสัญญาณได้ดีขึ้น แม้จะอยู่ในตัวอาคารอีกด้วย Wi-Fi : ลองเปิด WiFi ให้เป็น "On" ดูว่าเจอสัญญาณไร้สาย WiFi บ้างไหม (อยู่ในพื้นที่ที่มี WiFi HotSpot)ลอง connectดูว่า สามารถใช้งานได้หรือเปล่า แต่ส่วนใหญ่ไม่มีปัญหากับตรงจุดนี้ น่าจะเชื่อมต่อและใช้งานได้ดีขึ้นด้วย เพราะสนับสนุน 802.11n แล้ว Bluetooth ลองเปิดดูว่าเจออุปกรณ์อะไรไหม เช็คว่าชาร์จไฟเข้าไหม เช็คว่า รับเข้าโทรออก ได้ตามปกติไหม และในขณะที่เปิด 3G/EDGE/GPRS/Wifi Proximity Sensor : หน้าจอต้องดับเองทุกครั้ง ที่เราแนบหูตอนโทรออก วิธีทดสอบคือ ให้ลองโทรเข้าหรือโทรออกก็ได้ แล้วเอามือป้องตรงส่วนบนใกล้กับบริเวณหูฟัง ดูว่าหน้าจอดับเองไหม ถ้ามีปัญหาหน้าจอtouchscreen ไม่ดับ ก็ควรลอง upgrade เป็น iOS 4.1 ดูก่อน ซึ่งได้มีการแก้ปัญหานี้ไปแล้ว ถ้า upgradeแล้วยังเป็นอยู่ แปลว่า proximity sensor มีปัญหา เช็ค bright/dead pixel เช็ค dead pixel โดยการเข้าเว็บจาก Safari ไปที่ http://iphonedpt.awardspace.com/ หรือลองใช้โปรแกรมพวก Flash light ที่จะแสดงสีต่างๆ กันไปทั้งหน้าจอ หรือจะเข้า YouTube app แล้วค้นหาคำว่า "dead pixel" ดูก็ได้ ส่วนใครจะเช็ค back light ก็ไปที่Setting -> Brightness แล้วลองเลื่อนตัวสไลด์จากซ้ายสุดไปขวาสุดดูว่า ความสว่าง back lightเปลี่ยนแปลงไหม Magnetometer : ลองวางนิ่งๆสักพักว่าเข็มทิศชี้ถูกทิศและไม่หมุนวนมั่ว ให้ไปที่ Compass app แล้วลองหมุนรอบตัวดู ว่าเข็มทิศทำงานหรือไม่ ถ้า iPhoneขึ้นให้ วาดเครื่องเป็นรูปเลข 8 ตลอดเวลา แม้จะหมุนเครื่องเป็นเลข 8 แล้วไม่หาย ก็แปลว่าเข็มทิศในเครื่องมีปัญหา Gyroscope : อันนี้เป็นลูกเล่นใหม่ ต้องลองโหลด free app Gyroscope มาลองใช้งานดู ถ้าค่า Pitch, roll, yaw ไม่เปลี่ยนแปลงเลย เมื่อขยับตัวเครื่องขึ้นลง ก็แปลว่าเซ็นเซอร์มีปัญหาแล้ว
สิ่งที่ต้องเช็คขณะใช้โทรศัพท์ Facetime ต้องได้ยินเสียง ไมโครโฟน : ให้ลองทั้ง 2 แบบคือแบบใช้งานปรกติ กับเสียงออกลำโพง (speaker phone) ลองโทรออกดู คู่สนทนาต้องใช้เสียงเราชัดเจนดี โดยทั่วไปก็ไม่ค่อยมีปัญหาอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีรายงานว่า มีปัญหาโทรไปแล้วอีกฝั่งไม่ได้ยินเสียง ซึ่งปัญหาอาจจะเกิดจาก Noise Cancellation ในเครื่องรวน Voice Memo ทดสอบการบันทึกเสียงจากไมค์ และการตัดเสียงรบกวน (Noise Cancellation) เปิดฟังเสียงจากที่บันทึก Battery : แบตเตอร์รี่ ให้ลองทดสอบดูว่า แบตหมดเร็วกว่าปรกติทั่วไปหรือเปล่า ซึ่งจะลองทดสอบด้วยการเปิดหนังสักเรื่อง ไปเรื่อย ๆ จนแบตหมด ถ้าตามมาตราฐานแล้ว ทาง Apple บอกว่าแบตจะหมดภายใน 10ชั่วโมง แต่ในความเป็นจริง จะหมดเร็วกว่านั้นก็จะอยู่ที่ประมาณ 7 ชั่วโมง โดยเปิดวีดีโอเล่นไว้ตลอด สำหรับเครื่องใหม่แกะกล่อง ชาร์ตไฟเต็ม 100 % แล้ว โดยปรับความสว่างหน้าจอตามค่าโรงงาน และไม่ได้เปิดเน็ตหรือทำอย่างอื่น ถ้าแบตหมดเร็วกว่า 7 ชั่วโมง แบตเตอร์รี่อาจจะมีปัญหาก็ได้
ตรวจสอบสภาพเครื่องภายนอก ทดสอบการเปิดปิดเครื่อง ทดสอบปุ่มปรับระดับความดังของเสียง ทดสอบปุ่มปิดเสียง (mute) ทดสอบปุ่ม Home ทดสอบถ่ายรูปจากกล้องหลัง / กล้องหน้า ทดสอบถ่ายวีดีโอจากกล้องหลัง / กล้องหน้า ทดสอบเปิดรูปที่ถ่ายจากกล้อง ทดสอบเล่นวีดีโอที่ถ่ายจากกล้อง เปิดแอพฯ Voice Memos / ทดสอบการบันทึกเสียงจากไมค์ เปิดฟังเสียงจากที่บันทึกไว้ข้อที่แล้ว ใส่ micro sim ทดสอบจับรอบเครื่อง (เพื่อตรวจอาการสัญญาณโทรศัพท์หาย)
จากคุณ |
:
UntinosZ
|
เขียนเมื่อ |
:
18 ก.พ. 54 11:41:29
|
|
|
|
|