idolation
ตรรกกะมั่วมาก
พวกธุรกิจมี2ประเภทใหญ่ๆ มีแค่ขาย"สินค้า" "บริการ"
สัญญาณดีแทคที่คุณว่ามา เราใช้กันแค่ไหนมันก็ไม่เสื่อมนั่นน่ะ จริง
ทว่าเราไม่ได้เสียเงิน300บาท เพื่อกระดาษแผ่นเล็กๆ1แผ่น
แต่ที่เราๆจ่ายเงินเพื่อซื้อกระดาษนั่นแล้วเอาไปใช้"บริการคลื่นสัญญาณ"
เพื่อให้เราๆมีสิทธิในการใช้คลื่นสัญญาณตะหากล่ะคุณ
เสาสัญญาณมันไม่ใช่ว่าเสียตังค์สร้างมาครั้งเดียวแล้วปล่อยไว้เฉยๆ
แล้วก็ของพวกนี้เค้าลงทุนสร้างขึ้นมาหลายล้านเพื่อหวังผลระยะยาวไม่ใช่เหรอ
ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าแรง ค่าพนักงานดูแลระบบ พนักงานซ่อมบำรุง ค่าภารโรง ค่ายาม
ค่าไรอีกเยอะแยะ ถ้าซื้อมาแล้วไม่ใช้เอง ก็โทษคนซื้อเถอะ
ร้านเช่าหนังสือ เขาลงทุนซื้อหนังสือมาเล่มละ50บาท
หนังสือทั้งร้านมีตั้งหลายเล่ม รวมลงทุนไปเป็นแสนๆค่าเช่าเล่มละ5บาท
เปิดร้านนานเลยกว่าจะได้ทุนคืน
หนังสือมันก็ตั้งอยู่ในชั้นยังงั้นล่ะ คุณจะหยิบขึ้นมาเปิดดูลายเส้นยังไงก็ได้
แต่เมื่อคุณเสียเงินค่าเช่าหนังสือไป5บาท
เขาไม่สนหรอกว่าคุณกลับไปบ้าน คุณจะเปิดอ่านหนังสือเขาหรือไม่
แต่ที่แน่ๆวันถัดไปก็ครบกับวัน(หมดอายุ)ในการเช่า
คุณต้องนำหนังสือไปคืนทันทีก่อนร้านปิด ไม่งั้นก็เสียค่าปรับเพิ่มอีกรายวันซะ
คุณจะเช่าหนังสือมาดองไว้บ้านโดยไม่ได้อ่านอีกซักเดือน ก็เอา5คูณ30โลด
เครือข่ายมือถือ เขาลงทุนทำสัญญาณกันเป็นล้านๆ
เขาวางแผนกันระยะยาว อีกกี่ปีกว่าจะได้ทุนคืนก็ไม่รู้
สัญญาณมันก็อยู่ในอากาศเหมือนที่คุณว่ามานั่นล่ะ
คุณจะเดินผ่านสัญญาณยังไงก็แล้วแต่
แต่เมื่อคุณเสียเงินค่าบัตรโทรศัพท์ไป300บาท
เขาไม่สนหรอกว่าคุณกลับไปบ้าน คุณจะใช้บัตรเติมเงินมือถือหรือไม่
แต่ที่แน่ๆเมื่อครบกำหนดวันหมดอายุบัตร
สิทธิในการใช้บัตรก็หมดลงทันทีก่อนเที่ยงคืน ไม่งั้นก็ซื้อบัตรใหม่มาดองต่อจากบัตรเก่าซะ
คุณจะเอาบัตรเติมเงินมาดองโดยไม่เติมเพิ่มอีก5ปี ก็นับไปอีก300บาทโลด
ปล. เปรียบเทียบเฉยๆ คงไม่มีใครดริฟว่าเช่าหนังสือ1วันอ่านได้10 20รอบนะ