Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เปิดวิวาทะกลางศาล "ดีแทค-กสท-ทรู" ติดต่อทีมงาน

ดีแทค - ทรู เปิดวิวาทะต่อสู้กลางศาลปกครองกลางในการไต่สวนนัดแรก กรณีดีแทคยื่นฟ้อง กสท กระทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย

รายงานข่าว แจ้งว่า ภายในห้องไต่สวนที่ 2 ซึ่งศาลปกครองกลาง นัดไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ 871/2554 ระหว่าง บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (ดีแทค) ผู้ฟ้องคดี กับ บมจ. กสท โทรคมนาคม ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 กับพวกรวม 2 คน เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่รัฐ กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตัวแทนดีแทค ประกอบด้วย นางวีระนุช กมลยะบุตร ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานกฎหมายและรัฐกิจสัมพันธ์ และทนายความรวม 3 คน ด้าน กสท ประกอบด้วย นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้จัดการใหญ่ นายหรรษา ชีวะพฤกษ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักงานกฎหมาย

นอกจากนี้ ยังมีตัวแทนกลุ่มทรู ที่แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ศาลขอเข้าร่วมห้องไต่สวนในฐานะผู้ร่วมฟัง และสังเกตการณ์ ผู้ที่เข้าร่วม ประกอบด้วย นายอธึก อัศวานันท์ รองประธานกรรมการ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านกฎหมาย นายธัช บุษฎีกานต์ ผู้อำนวยการด้านกฎหมายโทรคมนาคม และฝ่ายกฎหมายรวม 4 คน

ศาลซักทำไมสัญญาฮัทช์ไม่เข้า ก.ม.ร่วมทุน
คำถามแรกที่ศาลซักถามต่อ กสท คือ เหตุใดสัญญาให้บริการมือถือในระบบซีดีเอ็มเอ ของ กสท กับบริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย หรือฮัทช์ จึงไม่เข้าข่าย พ.ร.บ.ร่วมทุน โดยนายหรรษา ชี้แจงว่า สัญญาดังกล่าวเป็นเพียงสัญญาให้ทำการตลาด และสัญญาของบริษัท บีเอฟเคที ก็เป็นเพียงสัญญาเช่าใช้อุปกรณ์โทรคมนาคมเท่านั้น แม้คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตีความแล้วว่า สัญญาฮัทช์ต้องเข้า พ.ร.บ.ร่วมทุน แต่ต้องเข้าสู่กระบวนการของคณะกรรมการมาตรา 13 ของ พ.ร.บ.ร่วมทุน แต่ในขณะนั้น กสท ก็จะเข้าซื้อกิจการของฮัทช์ทั้งหมดอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องเข้าการพิจารณาของคณะกรรมการชุดดังกล่าว

เมื่อศาลรับฟังคำชี้แจงของ กสท แล้ว ได้ให้สิทธิ กสท เป็นผู้ชี้แจงรายละเอียดในสัญญา และให้ยกเหตุผลว่า หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉิน หรือมาตรการบรรเทาทุกข์จะส่งผลกระทบอย่างไร โดยนายหรรษา ได้ชี้แจงข้อสรุป 6 ประเด็นว่า 1. จะทำให้ กสท เกิดความเสียหาย และคู่สัญญาได้ลงนามจัดหาอุปกรณ์ และแหล่งเงินทุนไปแล้ว 2. กสท จะไม่สามารถให้บริการโทรคมนาคมได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้อาจส่งรายได้เข้ารัฐไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และน่าจะสูญเสียรายได้กว่าหมื่นล้านบาท

3. กสท จะไม่สามารถให้บริการก้าวไปข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและประชาชนโดยรวม 4. กสท จะต้องหยุดให้บริการสาธารณะในทันที 5. กสท ไม่สามารถให้บริการ 3 จีได้ แม้จะมีสิทธิโดยชอบธรรม เพราะมีคลื่นความถี่อยู่ก่อนจะมีการตั้งคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) และ 6. ประชาชน คนไทยจะเสียโอกาสที่ไม่ได้ใช้ 3 จี และอุตสาหกรรมโทรคมนาคมจะเกิดผลกระทบ และลูกค้าฮัทช์ทั้ง 1.2 ล้านรายได้รับความเสียหาย

ดีแทคยันถ้าศาลคุ้มครองลูกค้าไม่กระทบ
ด้านตัวแทนของดีแทค ได้ชี้แจงแย้งประเด็นของ กสท ดังกล่าว ได้แก่ 1. สัญญาที่เกิดขึ้นระหว่าง กสท และทรู ไม่ชอบด้วยกฎหมาย 2. การที่ดีแทคร้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉิน จะไม่กระทบต่อลูกค้าฮัทช์ที่ใช้บริการอยู่ แต่กลับจะเป็นผลดีเพราะสัญญาซีดีเอ็มเอเดิมก่อนที่กลุ่มทรูจะเข้ามาซื้อกิจการฮัทช์มีอายุเหลืออยู่ถึง 5 ปี แต่สัญญาฉบับใหม่นี้มีอายุเพียง 2 ปีเท่านั้น

3. แม้จะไม่มีบริการ 3 จี เอชเอสพีเอ ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อเทคโนโลยีของประเทศ เพราะปัจจุบันก็มีบริการ 3 จีอยู่แล้ว ซึ่งรวมถึงบริการ 3 จี ซีดีเอ็มเอ 2001X อีวีดิโอของ กสท 4. กสท น่าจะขาดทุนถึงระดับหมื่นล้านบาท ตามที่อ้างและโดยปกติแล้วการให้บริการของหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ จะต้องพึ่งพาตัวเอง ไม่ได้มุ่งแสวงหากำไรจากสัญญาสัมปทาน และศาลปกครองเคยมีคำพิพากษาในคดีอื่นออกมา ว่า การทำธุรกิจของภาครัฐ จะต้องมีรายได้ที่ยั่งยืน

5. หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉิน ก็ไม่ส่งผลกระทบแต่อย่างใด เพราะ กสท ยังไม่ได้ลงทุนสร้างเสาสถานีฐาน ดังนั้น ควรจะมองที่ประเด็นสำคัญ ว่า การทำสัญญาดังกล่าวผิดกฎหมาย

กสท สวนทำไมเพิ่งคิดฟ้องตอนนี้
ทั้งนี้ หลังจากดีแทคชี้แจงจบลง นายจิรายุทธ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กสท แย้งกลับทันทีว่า การให้บริการ 3 จี ของ กสท มีอยู่จริง แต่อยู่ในวงจำกัดเท่านั้น จึงต้องมีเทคโนโลยีใหม่มาให้บริการแทน โดยบริการซีดีเอ็มเอของ กสท ที่ผ่านมา ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะไม่ได้รับความนิยมเทียบเท่าระบบจีเอสเอ็ม ทั้งไม่มีแหล่งเงินจำนวนมากมาสู้ทุนจากผู้ประกอบการต่างชาติ และหากดีแทคไม่เชื่อในเทคโนโลยีซีดีเอ็มเอ แล้วเหตุใดจึงทำหนังสือขอเปิดบริการเอชเอสพีเอเชิงพาณิชย์ (คอมเมอร์เชียล)

นายจิรายุทธ กล่าวต่อว่า ดีแทคไม่สามารถอ้างว่าได้ว่าหากศาลมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉินจะไม่กระทบต่อลูกค้าฮัทช์ทั้ง 1.2 ล้านราย เพราะสัญญาฉบับใหม่ที่ กสท ดำเนินร่วมกับทรูได้ยกเลิกสัญญาซีดีเอ็มเอไปแล้ว และได้โอนย้ายลูกค้ามายังเอชเอสพีเอ ดังนั้น ผลกระทบจึงเป็นวงกว้างทันที ขณะเดียวกัน สัญญาก็ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานอัยการสูงสุดมาแล้ว หากดีแทคร้องขอให้คุ้มครองฉุกเฉินแล้วทำไมเพิ่งดำเนินการ ทั้งที่ กสท และกลุ่มทรูลงนามในสัญญาตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.แล้ว

ทรูเผยยอดหนี้บานอาจล้มละลายได้
ต่อมา นายธัช บุษฎีกานต์ ผู้อำนวยการด้านกฎหมายโทรคมนาคม ทรู ได้ขอชี้แจงต่อศาล แต่ตัวแทนของดีแทคแย้งว่า กลุ่มทรูใช้สิทธิอะไรชี้แจงประเด็นดังกล่าว เพราะดีแทคไม่ได้ฟ้องทรู แต่นายธัช ตอบกลับว่า เขาเป็นผู้รับมอบอำนาจ และเป็นพยานลงนามสัญญาระหว่าง กสท และทรู และขอให้ศาลมีคำสั่งให้สื่อมวลชนที่ร่วมสังเกตการณ์ ออกนอกห้องไต่สวน เพราะเป็นความลับทางธุรกิจไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้

แต่ศาลแจ้งว่า ไม่ต้องชี้แจงในรายละเอียดทางธุรกิจ ขอให้ชี้แจงเฉพาะประเด็นการทำสัญญาเท่านั้น และศาลไม่มีคำสั่งให้ตัวแทนสื่อมวลชนออกไปแต่อย่างใด

นายธัช ได้ชี้แจงต่อว่า หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉิน ทรูจะได้รับผลกระทบทันที เพราะได้กู้เงินจากธนาคารไทยพาณิชย์เข้าซื้อกิจการฮัทช์แล้ว 6,300 ล้านบาท เป็นเงินกู้ระยะสั้นวงเงินกู้เริ่มตั้งแต่ 27 ม.ค. กำหนดครบจ่ายหนี้วันที่ 27 ก.ค.นี้ เสียดอกเบี้ยอัตราเดือนละ 50 ล้านบาท รวมแล้ว ทรูต้องคืนหนี้ทั้งสิ้น 6,600 ล้านบาท

นอกจากนั้น กลุ่มทรูกำลังเจรจากับสถาบันการเงินเพื่อทำสัญญากู้ระยะยาววงเงิน 49,000 ล้านบาท จากธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ธนาคารทิสโก้ ธนาคารออมสิน ธนาคารธนชาต ธนาคารเพื่อการนำเข้าและส่งออกแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) ซึ่งคาดว่าจะทำสัญญาเงินกู้ในเร็วๆ นี้

ทั้งนี้ วงเงินกู้ดังกล่าว นอกจากจะนำมาใช้หนี้เงินกู้ระยะสั้นธนาคารไทยพาณิชย์บวกดอกเบี้ยรวม 6,600 ล้านบาทแล้ว ส่วนที่เหลือจะนำมาลงทุน อีกทั้งบริษัทบีเอฟเคที ในเครือทรู ได้สั่งซื้ออุปกรณ์เอชเอสพีเอเพื่อนำมาปรับปรุง (อัพเกรด) จำนวน 3,300 ล้านบาท โครงข่ายเดิมให้เป็น 3 จี แล้ว รวมถึงได้ลงทุนเปลี่ยนระบบบิลลิ่งของทรูมูฟไปแล้วด้วย 215 ล้านบาท ถ้ามีคำสั่งอย่างใด อาจขัดมาตรา 20 พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่กิจการโทรทัศน์ กิจการวิทยุกระจายเสียง และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ที่กำหนดให้บริการต้องดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ห้ามมิให้หยุดบริการอันจะส่งผลกระทบต่อประชาชน

"หากศาลมีคำสั่งคุ้มครองจะส่งผลกระทบในวงกว้าง ทั้งการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เกี่ยวกับหุ้นของกลุ่มทรู เพราะหากโครงการไม่สามารถเดินหน้าได้ เงินกู้ก่อนแรกที่ขอมาจากแบงก์ไทยพาณิชย์จะทำอย่างไร ซึ่งจะเกิดคดีฟ้องร้องในภายหลังได้ อีกทั้งบีเอฟเคที จะประสบปัญหาหนี้สินล้นพ้นตัว ซึ่งอาจถึงขั้นล้มละลายไม่สามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้ต่อไป" นายธัชกล่าว

อีกทั้งหากศาลมีคำสั่งคุ้มครองฉุกเฉิน จะทำให้ กสท ขาดทุนทันที ปีละ 2,000-3,000 ล้านบาท กลุ่มฮัทช์ขาดทุน 158 ล้านบาท และบีเอฟเคทียังขาดทุนการบริหารอีก 923 ล้านบาท และจะส่งผลกระทบต่อผู้ใช้บริการมือถือทั้งหมด ไม่เฉพาะผู้ใช้มือถือซีดีเอ็มเอ 1.2 ล้านเลขหมายเท่านั้น เพราะผู้ใช้โทรศัพท์มือถือซีดีเอ็มเอ จะไม่สามารถติดต่อสื่อสารผู้ใช้โทรศัพท์มือถืออีก 75 ล้านเลขหมายได้

ดีแทคแย้งทรูมีสิทธิอะไรโต้แทน กสท
ขณะที่ตัวแทนของดีแทค ได้แย้งทันทีว่า เหตุใดทรูจึงมีข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับผลการขาดทุนของ กสท ทั้งๆ ที่ กสท ก็ไม่ได้ยกประเด็นนี้มาชี้แจงด้วยตัวเอง เพราะทรูเป็นผู้ร่างสัญญาให้บริการฉบับดังกล่าวหรือไม่

ทั้งนี้ แสดงให้เห็นว่าทรูมีส่วนร่วมโดยตรงกับการทำสัญญาครั้งนี้ เป็นผู้วางแผนและทำธุรกรรมทั้งหมด กสท ไม่ได้ดำเนินการสัญญาดังกล่าวด้วยตัวเอง หลังจากที่พยายามระบุต่อศาลหลายครั้งว่าตัวแทนจากทรู ไม่ได้ขอยื่นร้อง จึงไม่น่ามีสิทธิชี้แจงในห้องประชุมแต่อย่างใด และการยกเรื่องปัญหาหนี้สินมาอ้างถือว่าไม่เกี่ยวกับผลประโยชน์สาธารณะแต่อย่างใด เพราะเรื่องธุรกิจเป็นคนละประเด็นกับกฎหมายในการฟ้องคดีนี้

http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/it/it/20110511/390339/เปิดวิวาทะกลางศาล-ดีแทค-กสท-ทรู.html

จากคุณ : OFDMA
เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 54 11:01:37




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com