'ประวิทย์'ลาออกผอ.สบท. (( พร้อมเป็น กสสทช. แล้วครับ )) มีผล17ก.ย.เล็งลุยปัญหาSMS เจอดีแน่กม.ชัดโทษปรับ 5 ล้านบาท
|
 |
แก้หัวข้อ ประวิทย์'ลาออกผอ.สบท. (( พร้อมเป็น กสทช. แล้วครับ )) มีผล17ก.ย.เล็งลุยปัญหาSMS เจอดีแน่กม.ชัดโทษปรับ 5 ล้านบาท
ประเด็นหลัก
ว่าที่ กรรมการ กสทช. กล่าวอีกว่า งานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคที่ต้องเร่งรัดดำเนินการ คือ การตั้งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคขึ้นมา รวมถึงออกหลักเกณฑ์เพื่อป้องกันการอาศัยโครงข่าย หรือการโฆษณามาเอาเปรียบผู้บริโภคด้วยการค้ากำไรเกินควร ก่อความเดือดร้อนรำคาญ ตามมาตรา 31 ที่ระบุว่า ต้องออกหลักเกณฑ์และห้ามบริษัทฝ่าฝืน ถ้าฝ่าฝืนปรับเริ่มต้นไม่เกิน 5 ล้าน ปรับรายวันอีกไม่เกินวันละแสน ตรงกับกรณีของเอสเอ็มเอสรบกวน รวมถึงเอสเอ็มเอสที่ไม่ได้สมัครแล้วหาเงิน จึงต้องดำเนินการนายประวิทย์กล่าว _________________________________________________________
'ประวิทย์'ลาออกผอ.สบท. มีผล17ก.ย.เล็งลุยปัญหาSMS
ผอ.สบท. ประกาศลาออกจากทุกตำแหน่ง หลังวุฒิเลือกแล้วให้เป็น กสทช. ระบุพร้อมลุยงานคุ้มครองผู้บริโภค เอาจริงเอสเอ็มเอสรบกวน กม.ชัดโทษปรับ 5 ล้านบาท...
วันที่ 15 ก.ย. นายประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ว่าที่กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. กล่าวว่า ขณะนี้ลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม หรือ สบท. แล้ว โดยจะมีผลในวันที่ 17 ก.ย. นี้ ทั้งนี้ ได้ทำหนังสือแจ้งลาออกจากการเป็นกรรมการและที่ปรึกษาของหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งหมด เพื่อเตรียมตัวเข้าทำงานเป็น กสทช. ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม แม้จะยังไม่มีการทูลเกล้าฯ ก็ตาม
เป็นการทำตามขั้นตอนของกฎหมายที่ระบุว่า ภายใน 15 วัน ผู้ได้รับเลือกเป็น กสทช. จะต้องลาออกจากตำแหน่งอื่นใด โดยไม่เป็นข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของรัฐ รัฐวิสาหกิจ และต้องไม่ประกอบอาชีพที่มีส่วนได้เสียหรือมีผลประโยชน์กับการปฏิบัติหน้าที่ ส่วนเรื่องการทูลเกล้าฯ นั้นเป็นสิ่งที่นายกรัฐมนตรีต้องพิจารณา ผมเองได้ทำตามขั้นตอนกฎหมาย โดยได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานต่างๆ เช่น ชมรมแพทย์ชนบท คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเพื่อลาออกแล้วจำนวน 30 กว่าองค์กร ว่าที่กรรมการ กสทช. กล่าว
นายประวิทย์ กล่าวต่อ ว่าจุดอ่อนของการทำงานคุ้มครองผู้บริโภคที่ผ่านมา คือ ผู้บริโภคไทยยังตื่นตัวน้อย เนื่องจากขาดการให้ข้อมูลจากองค์กรที่รับผิดชอบ การบังคับใช้กฎหมายยังไม่มีประสิทธิภาพอย่างเต็มที่ หลายเรื่องมีระเบียบหรือประกาศที่ดี แต่ไม่มีผลในทางปฏิบัติ เช่น ผู้ให้บริการต้องจัดเบอร์สำหรับร้องเรียนฟรี แต่ไม่มีการประชาสัมพันธ์ หรือไม่มีการดำเนินการจริงจากผู้ให้บริการ ซึ่งสะท้อนว่ากฎหมายไม่ได้บังคับใช้
ว่าที่ กรรมการ กสทช. กล่าวอีกว่า งานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคที่ต้องเร่งรัดดำเนินการ คือ การตั้งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคขึ้นมา รวมถึงออกหลักเกณฑ์เพื่อป้องกันการอาศัยโครงข่าย หรือการโฆษณามาเอาเปรียบผู้บริโภคด้วยการค้ากำไรเกินควร ก่อความเดือดร้อนรำคาญ ตามมาตรา 31 ที่ระบุว่า ต้องออกหลักเกณฑ์และห้ามบริษัทฝ่าฝืน ถ้าฝ่าฝืนปรับเริ่มต้นไม่เกิน 5 ล้าน ปรับรายวันอีกไม่เกินวันละแสน ตรงกับกรณีของเอสเอ็มเอสรบกวน รวมถึงเอสเอ็มเอสที่ไม่ได้สมัครแล้วหาเงิน จึงต้องดำเนินการนายประวิทย์กล่าว
นายประวิทย์ กล่าวด้วยว่า สำหรับการผลักดันงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคนั้น จะต้องมีการหารือร่วมกับ กสทช. ต่อไป เพราะการคุ้มครองผู้บริโภคถือเป็นเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง เนื่องจากส่วนที่ กสทช. ดูแลมีอยู่ 2 กลุ่ม คือ กลุ่มผู้ให้บริการและกลุ่มผู้บริโภค ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ ต้องมีการพัฒนากลไกให้มีความคล่องตัว ตอบสนองปัญหาได้รวดเร็ว เพราะกฎหมายเขียนไว้ว่า เรื่องร้องเรียนต้องเสร็จภายใน ๓๐ วัน ถ้าไม่เสร็จ สำนักงานจะมีความผิดทางแพ่ง เจตนารมณ์ของกฎหมายชัดเจนคือ เน้นประสิทธิภาพในการตอบสนองปัญหาของประชาชน
อย่างไรก็ตาม การใช้กระบวนการแบบเดิม คือ แจ้งผู้ร้องใน 7 วัน แจ้งบริษัท 7 วัน รอบริษัทอีกเดือนหนึ่ง ผ่านอนุฯ อีกครึ่งเดือน กรรมการกลั่นกรองอีกครึ่งเดือน เข้ากทช.อีกเดือนหนึ่ง ทั้งหลายทั้งปวงก็สามเดือน ไม่ทันการตามที่กฎหมายกำหนด จึงแปลว่า ต้องมีกลไกที่มีประสิทธิภาพและทันเวลา ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
ไทยรัฐ http://www.thairath.co.th/content/tech/202035
แก้ไขเมื่อ 16 ก.ย. 54 19:42:27
| จากคุณ |
:
So magawn
|
| เขียนเมื่อ |
:
16 ก.ย. 54 19:37:43
|
|
|
|