ความคิดเห็นที่ 1 Super amoled คือจอกาก จอลาย สีไม่เสมอ ติดเขียวขอบๆ จากคุณ : VCAMD เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 16:21:40

ความคิดเห็นที่ 2 technology การผลิตครับ มันวัดอะไรไม่ได้หรอก ไปดูด้วยตาดีกว่า ชอบรุ่นไหนก็รุ่นนั้น จากคุณ : BnK (incubusboyd) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 16:24:56

ความคิดเห็นที่ 3 อันนี้จอ Super Amoled Plus Super AMOLED เดิมจะกระจายซับพิกเซลของเม็ดสีไม่สม่ำเสมอ (เรียกวิธีการวางแบบนี้ว่า pentile) โดยพิกเซลสีเขียวจะมีน้อยกว่าสีแดง-น้ำเงิน และถูกแชร์ระหว่างแถว (ระบบสีแบบ RGBG) ในขณะที่จอรุ่น Plus แก้ปัญหานี้โดยใช้สัดส่วนของสีเท่ากันหมดทุกสี ทำให้จอภาพแบบนี้มีจำนวนซับพิกเซลมากขึ้น ต่อความละเอียดเท่ากัน (ดูภาพประกอบได้ตามลิงก์) ในความละเอียดเท่ากัน ถ้า Super AMOLED ใช้ 8 ซับพิกเซลต่อหนึ่งพิกเซล จอ Plus จะต้องใช้ 12 พิกเซล มากกว่ากัน 50% วิธีการวางซับพิกเซลแบบใหม่นี้เรียกว่า "Real-Stripe ข้อมูลจากที่นี่ครับ http://www.blognone.com/news/22119 จอแบบ Retina Display ที่ผลิตโดยค่าย LG Retina Display คือเทคโนโลยี่จอภาพ LCD ที่ทำการอัดความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลเข้าไป สามารถสังเกตได้ง่ายๆว่าหน้าจอของ iPhone 4 นั้นมีขนาดเท่ากันกับ iPhones 3GS คือ 3.5 นิ้ว แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือความละเอียดหน้า จอของตัว iPhone 4 นั้นจะมีความละเอียดสูงกว่าคือ 960×640 Pixel ซึ่งสามารถคิดค่าความหนาแน่นของเม็ด Pixelได้เป็น 326 Pixel ต่อพื้นที 1ตารางนิ้ว ( pixels per inch หรือ ppi ) ในขณะที่ iPhone 3GS นั้นมีความละเอียดเพียง 480×320 Pixel และมีความหนาแน่นของเม็ด Pixel เพียง 163ppi เท่านั้น หน้าจอ Retina Display ยังได้รับการพัฒนาอัตราส่วนความคมชัด (Contrast Ratio) ให้มากขึ้นกว่าเดิมถึง 4 เท่าด้วยกันเมื่อเทียบกับจอของ iPhone รุ่นก่อนหน้าโดยนอกจากจอภาพที่ใช้จะเป็นแบบ LED backlit แล้ว ทาง Apple ยังนำเทคโนโลยี In-Plane Switching (IPS) ที่ใช้ในจอ iMac มาใช้กับจอ Retina Display นี้ด้วย ผลที่ได้คือมุมที่สามารถมอง ภาพได้อย่างคมชัดนั้นจะเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนสีสันที่จะสวยงามสมจริงมากขึ้น ข้อมูลจากที่นี่เลยครับ   http://www.flashfly.net/wp/?p=2879 จากคุณ : trustud2010 เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 16:29:55

ความคิดเห็นที่ 4 #1 ผมว่า คุณมาผิดงานน่ะ ผิดกระทู้น่ะครับ กระทู้นี้ เขาถาม เพื่อเป็นความรู้ ถ้าไม่คิดจะเผยแพร่ข้อมูล ก็อย่าเผยแพร่ข้อมูลผิดๆ จากคุณ : แฟนคลับใบเฟิร์น เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 16:35:44

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้ามองในแง่การใช้งานก็ - Amoled ให้สีเกินจริง บางคนไม่ชอบ(แต่ผมชอบครับ) - Retina นี่ Job บอกว่า ปกติตาคนเราสามารถแยกความละเอียดได้ไม่เกิน 300 PPI แต่ Retina สูงกว่า นั่นคือจะมองไม่เห็นเม็ด Pixel (ละเอียดมากนั่นเอง ว่าง่าย ๆ) โดยคร่าว ๆ นะครับ จากคุณ : วุ้นมะพร้าวอ่อน เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 16:52:30

ความคิดเห็นที่ 6 http://www.pantip.com/cafe/mbk/topic/T11762454/T11762454.html จากคุณ : WATERBOY R เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 17:09:00

ความคิดเห็นที่ 7 ของพวกนี้ไม่ต้องรู้ประวัติที่มา ไม่ต้องรู้ว่ามันทำงานอย่างไร ไม่ต้องรู้ชื่อคนประดิษฐ์คิดค้น ไม่ต้องฟังว่าใครว่าอะไรดีกว่า  และ "ไม่ต้องถามให้เสียเวลา" ขอแค่มี"เวลา" และเดินไปดูด้วย "ตา" ของตัวเอง คำตอบก็ปรากฎ เพิ่มเติมนิดว่า ที่จำได้ bravia engine ไม่ได้เป็นชนิดจอนะครับ เป็นซอฟแวร์ตัวนึงที่ทำหน้าที่คอนโทรลสีการแสดงผล สามารถเอามาลงกับจอของตัวอื่นๆนอกจากSonyก็ได้ครับ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 17:32:10 จากคุณ : noppinij เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 17:19:03

ความคิดเห็นที่ 8 โดยส่วนตัวใช้ neo v ผมชอบสีแบบ bravia engine  นะครับไม่หลอกตาดีครับ จากคุณ : อริยัสซัยมัสเซนเปรโตรเมียส เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 17:37:38

ความคิดเห็นที่ 9 ตามความเข้าใจแบบคร่าวๆเท่าที่ทราบนะครับ จอ Retina Display คือจอที่มีความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลถึงระดับ 300+ หน่วยต่อตารางนิ้ว (PPI) ซึ่งเป็นเพียงชื่อทางการค้าที่ Apple เรียกเฉยๆ ตัวจอยังแบ่งได้อีกว่าเป็นชนิดไหน IPS หรือ TFT ธรรมดา ใน iPhone 4S ใช้จอชนิด IPS ซึ่งให้สีสันและมุมมองดีกว่าจอ TFT LED-backlit LCD (ไม่ชัวร์ข้อมูลตรงนี้) ใน iPod Touch แต่ก็เรียกว่า Retina Display เหมือนกัน (960×640 พิกเซลในขนาด 3.5 นิ้ว 326 PPI) Super AMOLED มีจุดเด่นที่การแสดงสีสันสดใสแสดงผลสีดำได้ดำสนิท, ครอนทราสจัดจ้าน, มุมมองกว้างสุุดสีไม่เพี้ยนเมื่อพลิกจอไปมา ข้อเสียคือสีสดเกินจริงเมื่อเทียบกับจอ LCD, การเรียงพิกเซลแบบ Pentile ให้ภาพที่ลายๆ แต่ก็มี Super AMOLED Plus ออกมาแก้ปัญหาในจุดนี้ด้วยการเรียงพิกเซลแบบ RGB เหมือนกับจอ LCD ปกติ ส่วน Bravia Engine เป็นเพียงซอฟแวร์ประมวลผลของ Sony ช่วยให้การดูรูปและวีดีโอใน Gallery มีความสวยงามสีสันสดใสคมชัดมากยิ่งขึ้น แท้ที่จริงแล้ว Sony Xperia ทั้งหลายใช้จอชนิด TFT LED-backlit LCD ซึ่งให้มุมมองที่แย่กว่า IPS หรือ AMOLED ชื่อทางการค้าที่ Sony เรียกคือ Reality Display ตามหลักการแล้วจอ Reality Display ใน Xperia S ก็ถือว่าเป็น Retina Display ได้เช่นกันเนื่องจากมีความละเอียดถึง 342 PPI มากกว่า iPhone 4S เสียอีก และถ้า Samsung ผลิตรุ่นที่มาพร้อมกับจอ Super AMOLED Plus ระดับ HD ในหน้าจอขนาดต่ำกว่า 4.65 นิ้ว แล้วมีคนสามารถพอร์ต Bravia Engine มาลงได้ก็สามารถเรียกได้ว่า Reality Retina Super AMOLED Plus Display with Bravia Engine ได้เช่นกันครับ :P จากคุณ : Oro ro_125 เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 18:13:47

ความคิดเห็นที่ 10 1.มันหลุดมาจากรูไหน จากคุณ : Beloved-Leon เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 20:23:20

ความคิดเห็นที่ 11 ที่รู้ๆ ดูหนังด้วยจอ Super Amoled+ มันส์สุดแล้ว จากคุณ : iPhoneboy เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 20:42:48 A:14.207.203.219 X: TicketID:332641

ความคิดเห็นที่ 12 #4 แน่ใจหรอว่าข้อมูลของผมเป็นข้อมูลผิดๆ ลองดูจอ Galaxy Nexus สิ จากคุณ : VCAMD เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 21:37:54

ความคิดเห็นที่ 13 ต้องไปเล่นของจริง ถึงจะรู้ว่าชอบแบบไหน คห.อื่นๆเป็นการแนะนำและข้อมูล ส่วนคห.1&12 ไม่ต้องไปสนใจ พวกคาบหญ้ามาร้อง จากคุณ : ปันปัน (Super.Pan.) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 23:35:02

ความคิดเห็นที่ 14 แปลกใจอยู่อย่าง ทำไม LG ไม่เอา retina display มาลงมือถือค่ายตัวเองบ้าง จากคุณ : Tm_Rovers เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 09:19:30

ความคิดเห็นที่ 15 คห 7 ของพวกนี้ไม่ต้องรู้ประวัติที่มา ไม่ต้องรู้ว่ามันทำงานอย่างไร ไม่ต้องรู้ชื่อคนประดิษฐ์คิดค้น ไม่ต้องฟังว่าใครว่าอะไรดีกว่า  และ "ไม่ต้องถามให้เสียเวลา" ขอแค่มี"เวลา" และเดินไปดูด้วย "ตา" ของตัวเอง คำตอบก็ปรากฎ ครับ ถ้าอย่างนั้นคงไม่ต่างอะไรกับคำว่า "กบในกะลา" ครับ ของบางอย่างผู้ถามต้องการแค่ ความรู้ ครับ เพราะนอกจากไม่มีเวลาแล้ว ยังไม่มีโอกาสหาความรู้ด้วยตนเอง เลยถาม ผู้รู้ เพื่อจะได้คลายความสงสัย โทษนะครับ มัยขัดใจน่ะครับ จากคุณ : hawee50 (hawee50) เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 01:22:43