|
231 ขอบคุณ แต่ ผมไม่ได้บอกว่า มันเป็นข้อเท็จจริงทั้งหมด
ปัญหา Fragmentation บน Android เป็นข้อเท็จจริง และมีแน่ๆ
--------------------------------------------------
ประเด็น คำตอบ ของคำถามของ จขกท. ต้องการคำอธิบาย ในส่วนของ Application ที่เยอะ และ ใช้ได้จริง บน iOs ( iPhone, iPod , Ipad ) เทียบกับ Apps บน Android ( Samsung Galaxy ... , HTC One ... , Sony Xperia .. , etc. ) ซึ่ง คำตอบผม ไม่ได้วัดเอาที่ความรู้สึก หรือ ความเห็นของผู้ใช้เฉพาะบุคคล มาอ้างอิง แต่มองในภาพรวมครับ เนื่องด้วย ผู้ใช้ แอนดรอยด์ ถูกเลือกให้ยอมรับโดยดุษฎีว่า ความสามารถของมือถือมันมีอยู่อย่างจำกัด จึงต้องเลือกใช้งานเท่าที่มีอยู่อย่างจำกัด ทั้งๆที่ ตัว OS มันมีความสามารถเกินขอบเขต ไม่จำกัด มันอาจจะเป็นความซับซ้อนของโครงสร้าง ในส่วนของระบบปฏิบัติการ กับ ฮาร์ดแวร์ รวมทั้ง การตลาด ที่ผู้ใช้ จำเป็นต้องศึกษาข้อมูล เพื่อเลือกสิ่งที่ตอบโจทย์และยอมรับมัน แต่ก็มีบ่อยครั้ง ที่ผู้ซื้อจำนวนนึง พบว่าไม่ตอบโจทย์เสมอไปโดยเฉพาะ หากเปรียบเทียบ สมาร์ทโฟนสองเครื่อง สองระบบปฏิบัติการ ย่อมทำให้พบถึงความแตกต่าง ทั้งในเรื่องการใช้งาน โปรแกรมเสริม และลูกเล่นฟังก์ชั่นต่างๆ
คำถาม ของ จขกท. หากเราเอาความรู้สึกและการใช้งานส่วนตัวมาวัด มันย่อมไม่มีถูกผิด เพราะเรามักอิงสิ่งที่เราใช้และเราชอบ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนว่าจะใช้งานเหมือนเราครับ ดังนั้น คนส่วนใหญ่ในที่นี้ หมายถึงจำนวนคนที่จ่ายเงินแพง เพื่อต้องการของที่ใช้ได้จริง ซึ่งหากเปรียบเทียบในแง่ แอพฯ บน iOs จะพบว่า มันใช้ได้จริง บน iPhone , iPad , iPod (ตามข้อกำหนดเงื่อนไขของ Apple ) แต่แอพฯ บน Android Os อาจ0tใช้ได้จริงในบางรุ่น แต่ใช้ไม่ได้ในบางรุ่น (แม้ว่า Apps บางส่วนจะถูกจำกัดบน Play Store ทำให้บางอุปกรณ์ จะมองไม่เห็น ก็ตาม ) ในที่นี้ เราจะเปรียบเทียบเฉพาะ มือถือในรุ่น ราคาระดับเดียวกันนะครับ ไม่ใช่เอา มือถือต่างระดับราคา ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทั่วไปน่าจะเข้าใจได้ไม่ยากอยู่แล้ว ถึงข้อจำกัดของเครื่อง ( แต่ทว่า บางที การตลาดก็ย่อมทำให้คนสับสนได้เหมือนกัน )
เพราะฉะนั้น หากเราตัดทอนเอาเฉพาะ มือถือ ในระดับราคาเดียวกับ iPhone4s จะพบว่า ในส่วนของ iOs มีการปรับปรุง F/W เข้ากับ H/W มาดีกว่า Samsung , HTC ในระดับราคาเดียวกัน เพียงแต่ สมาร์ทโฟน แอนดรอยด์จะมีประสิทธิภาพที่สูง โดดเด่นกว่า ในแง่ ประสิทธิภาพของตัวเครื่องฮาร์ดแวร์
ซึ่ง กรณีนี้ ตามความเห็นส่วนตัว ผมก็ยังคงมองว่า แอพพลิเคชั่น บน iOs ที่ใช้ได้บน ไอโฟน นับเฉพาะรุ่นต่อรุ่น มันก็ยังมากกว่ามือถือแอนดรอยด์เทียบรุ่นต่อรุ่นอยู่ดี
แอพฯ ใช้ได้จริง บนแอนดรอยด์ กับ iOs พบว่า แอพฯ จากผู้ผลิต และผู้พัฒนารายเดียวกัน ย่อมมีความสามารถ เหมือน / ไกล้เคียงกัน หากแต่ว่าผู้ผลิตและนักพัฒนาหลายรายก็ยังลงความเห็นว่าการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ บน iOs ที่มีอุปกรณ์ไม่เยอะเท่าฝั่งแอนดรอยด์นั้นพัฒนาง่ายกว่า และมีฟีเจอร์ที่ดีกว่า ทำให้ ผู้ใช้ iOs มั่นใจว่า จะใช้งานได้จริง กรณีนี้ ทาง Microsoft เอง ก็ยังมีความเห็นพ้องไปในแนวทางเดียวกับ Apple โดยยืนยันว่า Apps บน Windows Phone จะใช้ได้จริงแน่ๆ ต่างจากแอพฯ บน แอนดรอยด์ ( ซึ่งแสดงว่า ทาง Ms เองก็ยังเห็นว่า แอพฯ บนแอนดรอยด์ส่วนใหญ่ มีปัญหามากว่า แอพฯ บนฝั่ง iOs ของ แอปเปิล )
คำว่า " ดีกว่า " อันนี้ แล้วแต่มุมมองของแต่ละคนครับ เพราะ เรามองได้หลายมุม หากเทียบแอพฯ ที่มีความสามารถเหมือนกัน ทำไ้ด้เหมือนกัน แต่ลูกเล่นอินเตอร์เฟสบนฝั่งนึงสวยงามกว่า ความรู้สึกของผู้ใช้มักจะเลือกยอมรับว่า ดีกว่า ก็ได้
แต่ในความเป็นจริง ถ้าวัดจากการใช้งาน ผมในฐานะที่ใช้งานสามาร์ทโฟน แอนดรอยด์ ก็ยังลงความเห็นว่า แอนดรอยด์มีความยืดหยุ่นกว่ามาก เพราะเป็นระบบที่อิสระ และเปิดกว้าง แต่เมื่อเทียบกับการใช้งานไอโหน แม้จะไม่สะดวกเท่า แต่อุปกรณ์ของ Apple ทำให้ เรามั่นใจได้ว่า สามารถใช้งาน แอพฯ ต่างๆ บน Apps Store ได้จริง ใช้งานได้จริง ( แม้จะแฮงค์บ้างเป็นบางแอพฯ ) และไม่ต้อง Worry กับปัญหาอาการแฮงค์ แรมเต็ม หรือ อัพเดท เฟร์มแวร์ไม่ได้ หรือ แอพฯไม่รองรับเฟิร์มแวร์เวอร์ชั่นใหม่ๆ
เป็นต้นครับ
ปล. ก็อย่างที่พูดมา เราสามารถหาแอพฯที่ทดแทนกันได้ตลอด ซึ่งมันก็ถูก เพียงแต่มันไม่ตรงกับโจทย์ของ จขกท. ที่ว่า แอพฯ เยอะ และใช้ได้จริง
เพราะถ้ามัน เยอะ และใช้ได้จริงๆ เราจะไปหาแอพฯ มาทดแทนทำไม แต่ยอมรับว่า นักพัฒนาแอพฯ บน iOs บางตัว มันก็ใส่ฟีเจอร์ ขาดๆ เกินๆ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไม คนใช้ ไอโฟน บางคน ถึงชอบลงแอพฯกล้องไว้หลายตัว มั่กๆ
^ ^
จากคุณ |
:
Cho_shang
|
เขียนเมื่อ |
:
11 ส.ค. 55 12:22:33
|
|
|
|
|