ความคิดเห็นที่ 1 ตามมาดูตัวเลขของความจุ 2 เขื่อนใหญ่ ที่รวมเฉพาะเขื่อนภูมิพล และเขื่อนสิริกิตติ์ ซึ่งขนาดของ 2 เขื่อนนี้ กินความจุรวมกันไปถึง 92% ของเขื่อนภาคเหนือกันแล้วนะครับ จากคุณ : เสียดายลมหายใจ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 19:16:00

ความคิดเห็นที่ 2 จากกราฟเขื่อนภูมิพล จะเห็นว่าปี 54 (เส้นสีแดง) มีระดับน้ำที่กักเก็บที่ไต่ระดับขึ้นสูงเรื่อยๆ  ซึ่งถ้าย้อนดูข้อมูลเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้จะพบว่า ในช่วงเดือนเมษายน 54นั้น ปริมาณการกักเก็บน้ำจะอยู่เพียงแค่ 45% ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำตัวล่าง ทำให้การระบายน้ำในช่วงเดือนนี้ค่อนข้างน้อย พอเข้าช่วง พ.ค.-มิ.ย. 54 ซึ่งเป็นช่วงต้นฤดูฝน ก็จะมีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเพิ่มขึ้นจากเดือนที่แล้ว แต่เพราะเป็นช่วงฤดูฝนจึงมีความต้องการใช้น้ำน้อย จึงมีการระบายน้ำออกน้อยด้วยเช่นกัน สถานการณ์ลักษณะนี้ดำเนินไปจนถึง ปลายมิ.ย. – ก.ค. 54   *โดยตามรายงาน เริ่มตั้งแต่ช่วง พ.ค.-มิ.ย. 54 นั้น ทางภาคเหนือก็กำลังประสบน้ำท่วมและน้ำป่าไหลหลากในหลายจังหวัด รวมถึงอิทธิพลจากพายุโซนร้อน”ไหหม่า” ที่ก่อเกิดในทะเลจีนใต้เคลื่อนตัวจากฝั่งเวียดนาม อ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชั่นเคลื่อนมาที่ลาว และอ่อนกำลังลงอีกครั้งเหลือเพียงหย่อมความกดอากาศต่ำเข้าสู่ภาคเหนือของไทยและสลายตัวไปในวันที่ 26 มิ.ย.  โดยอิทธิพลของไหหม่านั้น ทำให้บ้านเราฝนตกหนักมากอย่างต่อเนื่อง ในช่วง 25-26 มิ.ย. ก่อให้เกิดน้ำท่วม สร้างความเสียหายอย่างหนักโดยรอบ ดังนั้นในช่วงนี้จะเห็นได้ว่าระดับในเขื่อนภูมิพลก็มีแนวโน้มค่อยๆสูงขึ้น  แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ยังปกติ *ที่มา:คลังข้อมูลสภาพน้ำ จนกระทั่งในช่วงวันที่ 31 ก.ค. 54 ทางภาคเหนือของบ้านเราก็ได้รับผลจากพายุลูกที่ 2 “นกเตน” ที่อ่อนกำลังลงจากโซนร้อนเป็นดีเปรสชั่นอีกครั้ง แล้วอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ ซึ่งถ้าดูตามกราฟใน ช่วงปลาย ก.ค.- กลางก.ย. 54 เป็นต้นไปเส้นระดับน้ำจะทะยานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเพิ่มขึ้น ในขณะที่มีอัตราการระบายน้ำออกเพียงเล็กน้อย  เนื่องมาจากการระบายน้ำในช่วงนี้จะส่งผลกระทบซ้ำเติมต่อพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบนที่กำลังประสบภัยน้ำท่วมรออยู่แล้วจากอิทธิพลของพายุนกเตน บวกกับ ร่องมรสุมที่เกิดขึ้นบริเวณตอนบนของประเทศ ซึ่งปริมาณน้ำในเขื่อนภูมิพลยังคงไหลเข้าอ่างในปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่ง 28 ก.ย. 54 ไทยเราได้รับอิทธิพลจากพายุ “ไห่ถาง” ที่อ่อนกำลังเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำอีกครั้ง โดยยังคงกระทบทางภาคเหนือเช่นเคย และยังส่งผลกระทบต่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้วยครับ โดยหลังจากนั้นก็ยังมีพายุอีกลูกที่ไล่ตามมาแบบคู่คี่เลยก็คือ พายุไต้ฝุ่น “เนสาด” ที่ส่งผลกระทบ ณ บริเวณเดิมบรเวณเดียวกับไห่ถ่าง  จากการถาโถมอย่างแรงของพายุทั้งสองลูกนี้ ทำให้เกิดน้ำท่วมแบบขยายวงกว้าง   จากปัญหาที่กระทบกันเป็นวงกว้างที่ยังสะสางไม่เสร็จ ในเดือนตุลา บ้านเรายังไม่พ้นวิบากกรรม เมื่อพายุโซนร้อนลูกสุดท้าย “นาลแก” ได้มาเยือนติดๆ โดยพายุลูกนี้ยังคงส่งผลกระทบทางภาคเหนือของบ้านเรา และรวมถึงภาคกลางด้วย ซึ่งถ้าดูจากกราฟข้างต้นแล้วจะเห็นว่า เส้นกราฟของปี 54 ตั้งแต่ช่วงกลาง ก.ย. ถึง พ.ย.ระดับน้ำได้ทะยานขึ้นเกินกว่าเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำตัวบน ทำให้ต้องมีการระบายน้ำสูงกว่าปกติ จึงมีความจำเป็นต้องเปิดประตูระบายน้ำล้นออกมาเพื่อลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับเขื่อนยักษ์ได้.....แต่การระบายน้ำนี้ก็เหมือนกับการได้ซ้ำเติมปัญหาที่รออยู่รอบนอกอยู่แล้ว เมื่อมาพิจารณาจากเส้นกราฟเขื่อนภูมิพล จะเห็นว่าปี 55 (เส้นสีน้ำเงิน) ระดับน้ำของเขื่อนก็ยังห่างไกลกับปี 54 มาก (มากจนผมคิดไปถึงความแห้งแล้งของปีหน้าเลยด้วยซ้ำ) และที่น่าใจชื้นขึ้นมาได้บ้างก็คือว่า ในปี 55 จนถึง ณ ตอนนี้ประเทศไทยยังไม่พบพายุเข้าเลยสักลูกนะครับ ที่ประสบกันอยู่นี้ก็คือภาวะร่องมรสุมต่างๆกันตามฤดูการณ์ (ไม่รู้ว่าเกี่ยวกับที่ท่าน...มั่นใจว่ามาอีก 10 ลูกก็เอาอยู่หรือเปล่านะฮาฟ) จากคุณ : เสียดายลมหายใจ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 19:16:43

ความคิดเห็นที่ 3 ต่อที่เขื่อนใหญ่ทางภาคเหนืออีกเขื่อนที่จะไม่กล่าวถึง ก็คงเป็นไปไม่ได้ จากคุณ : เสียดายลมหายใจ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 19:17:14

ความคิดเห็นที่ 4 จากกราฟเขื่อนสิริกิติ์ อันที่จริงแล้วสถานการณ์ของเขื่อนนี้ พลอตเรื่องจะไม่ค่อยแตกต่างจากเขื่อนภูมิพลสักเท่าไหร่ จะเฉียดกันไปมาก็แค่ตัวเลขระดับน้ำ โดยปี 54 (เส้นสีแดง) นั้น จะเห็นได้ว่าช่วงต้นปีจนถึงประมาณ มิ.ย. นั้น ระดับน้ำที่เก็บกักไว้ยังอยู่ในแนวดิ่งลงเรื่อยๆ แล้งบ้าง อะไรบ้างก็ว่ากันไป แต่พอมาปลายเดือนมิ.ย.เป็นต้นไป ก็ได้ประสบกับสภาวะอากาศและพายุต่างๆเฉกเช่นเดียวกับเขื่อนภูมิพล ดังนั้นในกราฟนี้ผมจะขอมาโฟกัสที่เส้นสีน้ำเงิน  ซึ่งในช่วง ส.ค. ถึง ก.ย. 55 จะเห็นได้ว่าเส้นสีน้ำเงินนั้น มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากเดิมแต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ควบคุมน้ำตัวล่าง และถ้าเอามาเทียบกันระหว่างเดือนกันยายนปี 54 และ 55 จะเห็นได้ชัดถึงความต่างและความห่างของระดับน้ำที่กักเก็บมากมายก่ายกอง...ซึ่งผมก็จะรอประเมินสถานการณ์ไปสัก 2 เดือนข้างหน้า ถ้าสถานการณ์ยังประมาณนี้และไม่โดนพายุถล่มติดกันหลายๆลูกอย่างต่อเนื่อง  ผมก็มีความเชื่อส่วนตัวว่า ปีหน้าเราก็มีสิทธิ์ที่จะเจอภาวะปัญหาภัยแล้งอย่างแน่นอนครับ! +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ มาต่อกันที่ภาคอีสานบ้านเรากันบ้างครับ ภาคนี้ขอบอกว่าจำนวนเขื่อนนี้เยอะมากจริงๆ ตั้ง 12 เขื่อน (แต่รวมกันก็ยังสู้เพียงแค่เขื่อนใหญ่แค่เขื่อนเดียวของทางภาคเหนือไม่ได้เลยนะคับ!) จากคุณ : เสียดายลมหายใจ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 19:18:11

ความคิดเห็นที่ 5 อย่างที่รู้ๆกันนะครับว่าภาคนี้เรื่องความแห้งแล้งไม่เป็นรองภาคใดๆ เมื่อมาดูเส้นกราฟระดับน้ำในเขื่อนภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวม เปรียบเทียบปี 54 VS 55 ณ เดือนกันยา 64%:35%  ก็ต่างกันแบบครึ่งๆ แถมเส้นสีน้ำเงินยังจะมีแนวโน้มลดลงอีกเสียด้วยสิครับ ผมก็ยังยืนยันว่าความเชื่อส่วนตัวบ้านเราน่าจะต้องประสบภัยแล้งในปีหน้าแน่ๆ  ลองมาดูกันว่าเขื่อนขนาดใหญ่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือยนั้น สถานการร์น้ำในอ่างเป็นไงกันบ้างนะครับ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ เริ่มที่ เขื่อนสิรินธร จากคุณ : เสียดายลมหายใจ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 19:18:53

ความคิดเห็นที่ 6 จากกราฟข้างต้น"เขื่อนสิรินธร" ที่มีความจุของเขื่อน 1,966 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 24%ของเขื่อนรวมทั้งหมดของภาคนี้นั้น ในช่วงตั้งแต่ มี.ค. ถึง ส.ค. ทั้งปี 54 และ 55 ดูจากเส้นระดับน้ำที่เก็บกักจะเห็นว่าไม่ค่อยแตกต่างกันมากเท่าไหร่ สำหรับปี 54 ความน่าสนใจเริ่มที่ช่วงปลายสิงหาเป็นต้นไปจะเห็นได้ว่า เส้นกราฟสีแดงนั้นทะยานขึ้นสูงไปเรื่อย จนเกินเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำตัวบน  เนื่องมาจากในช่วงนี้ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือก็ได้รับอิทิพลจากพายุที่เข้ามาในบ้านเรา รวมถึงร่องมรสุมในช่วงนี้ด้วยเช่นกัน แต่สำหรับในปี 55 จะเห็นได้ว่า ณ เดือนกันยา ระดับน้ำที่เก็บกักไว้นั้นอยู่ที่ 57% ซึ่งยังต่ำกว่าระดับเกณฑ์ควบคุมตัวล่าง +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ต่อที่"เขื่อนอุบลรัตน์" เขื่อนที่มีความจุมากที่สุดในบรรดาทุกเขื่อนของภาคอีสาน..... จะเห็นได้ว่า สถานการณ์ของเขื่อนอุบลรัตน์ กับเขื่อนสิรินธรจะไม่แตกต่างกันมาก และดูเหมือนว่าจนถึง ณ กันยายนนี้ เกณฑ์เก็บกักน้ำปี 55ก็มีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ระดับ ณวันที่ 1 ก.ย. 55 อยู่ที่ 608 ล้าน ลบ.ม. หรือ 25% ซึ่งค่อนข้างจะน้อยกว่าปกติ จากคุณ : เสียดายลมหายใจ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 19:21:06

ความคิดเห็นที่ 7 มาถึงเขื่อนในภาคกลางที่อยากจะกล่าวถึง จากข้อมูลกราฟ จะเห็นได้ว่า ระดับน้ำสะสมในเขื่อนภาคกลางเมื่อเปรียบเทียบกัน ณ เดือนกันยา 55 น้ำในเขื่อนภาคกลางรวม 3 เขื่อนอยู่ที่ 288 ล้าน ม.3 เป็นระดับที่ต่างกับปี 54 ที่มีระดับน้ำสะสมเดือนเดียวกันถึง 668 ล้าน ม.3  และเมื่อดูไปจนถึง ธ.ค.54 จะพบว่าระดับน้ำนั้นพุ่งสูงขึ้นเลยระดับความจุของเขื่อนจนเกิดวิกฤต โดยไฮไลท์สำคัญอยู่ที่ “เขื่อนป่าสัก” เป็นพี่เบิ้มในเขื่อนภาคนี้ เพราะกินความจุรวมของเขื่อนภาคกลางไปแล้วถึง 66%  และยังเป็น 1 ในตัวแปรสำคัญที่ทำส่งผลให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่ภาคกลางเมื่อปี 54 ด้วยนะครับ จากคุณ : เสียดายลมหายใจ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 19:22:12

ความคิดเห็นที่ 8 จากกราฟ แสดงปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักฯ ที่โชว์ให้เห็นว่า ในปี 55 ระดับน้ำอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างน้อย ต่างจากปี 54 ซึ่งหากระดับน้ำในเขื่อนช่วงหน้าฝนนี้ ยังคงที่ ก็น่าเป็นห่วงเรื่องการปล่อยน้ำเพื่อเกษตรกรรมจะมีปัญหาขาดแคลนน้ำเกิดขึ้นได้ (ชัดเจนมากครับ) จากคุณ : เสียดายลมหายใจ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 19:22:50

ความคิดเห็นที่ 9 ต่อกันที่ภาคตะวันตก.....ภาคนี้มีแค่ 2 เขื่อนแต่ก็ไม่ธรรมดาครับ....เมื่อเทียบกับทุกภาค ณ สถานการณ์เขื่อนของปี 55 สองเขื่อนของภาคนี้มีสภาวะที่น่าจับตามองที่สุด เพราะระดับที่ไต่ขึ้นที่ 80% ขึ้นไปนั้น ถือว่าค่อนข้างมีแนวโน้มที่ระดับน้ำเพิ่มขึ้น อาจเกิดความเสี่ยงของการระบายน้ำเมื่อความจุถึงเกณฑ์สูงสุดมีมากกว่าเขื่อนภาคอื่นๆ ยังไม่รวมปริมาณน้ำฝนที่คาดว่าอาจจะตกเหนือเขื่อนจากร่องมรสุมต่างๆในเดือนก.ย.-ต.ค.55 ที่กำลังจะมาถึง จากคุณ : เสียดายลมหายใจ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 19:23:55

ความคิดเห็นที่ 10 จากกราฟ พบว่าความจุน้ำสะสมของเขื่อนใหญ่ศรีนครินทร์ เขื่อนใหญ่ในภาคตะวันตก ที่ในปี 55 มีระดับสูงกว่าปี 54 เล็กน้อยอยู่ที่ 14,214 ล้าน ม.3 (ปี 54 อยู่ที่ 14,134 ล้าน ม.3) แต่ระดับน้ำในเขื่อนศรี ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าเกณฑ์ควบคุมตัวบน จากคุณ : เสียดายลมหายใจ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 19:25:07

ความคิดเห็นที่ 11 แต่เมื่อพิจารณาร่วมกับ "เขื่อนวชิราลงกรณ์" ที่มีความจุรองลงมา เส้นระดับน้ำเปรียบเทียบ 2 ปี ณ กันยา พบว่า ปีนี้ระดับน้ำอยู่ที่ 6,942 ล้าน ม.3 สูงกว่าปี 54 ซึ่งความจุอยู่ที่ 6,362 ล้าน ม.3   และยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง จากปริมาณน้ำฝนที่อาจตกเหนือเขื่อนในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.ที่จะทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนมีเพิ่มขึ้น   ถ้าในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด คือน้ำในเขื่อนภาคตะวันตกมีระดับน้ำสูงกว่าเกณฑ์กักเก็บสูงสุด ทำให้ต้องมีการระบายน้ำจากเขื่อน ก็จะส่งผลกระทบจังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรี และสมุทรสงคราม แล้วไหลลงสู่อ่าวไทย ซึ่งผลกระทบจากการระบายน้ำจากเขื่อนภาคตะวันตกค่อนข้างกระทบน้อยกับกทม. จากคุณ : เสียดายลมหายใจ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 19:26:02

ความคิดเห็นที่ 12 ภาคตะวันออก.... จากภาพแสดงระดับน้ำรวมทั้ง 5 เขื่อนของภาคตะวันออก เปรียบเทียบปี 54-55 ณ กันยายน พบว่าระดับน้ำในปี 55 อยู่ที่ 505 ล้าน ม.3 ต่างกับปี 54 ที่ระดับน้ำอยู่ที่ 826 ล้าน ม.3 และเส้นกราฟมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ซึ่งจะนำเสนอเขื่อนภาคตะวันออกนี้อีกครั้งเมื่อสิ้น ก .ย.เพื่อเปรียบเทียบระดับน้ำ จากคุณ : เสียดายลมหายใจ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 19:26:46

ความคิดเห็นที่ 13 จากกราฟ แสดงระดับน้ำของ "เขื่อนคลองสียัด" ที่มีความจุมากที่สุดของเขื่อนภาคตะวันออก จะเห็นว่า ระดับน้ำในปี 55 ณ กันยายน อยู่ที่ 138 ล้าน ม.3  คิดเป็น % แล้วยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ต่างจากปี 54 ที่ระดับน้ำ ณ กันยานนั้น เพิ่มสูงขึ้น จนเกินเกณฑ์ควบคุมตัวบนไปจนถึง ธันวาคม จากคุณ : เสียดายลมหายใจ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 19:27:41

ความคิดเห็นที่ 14 ภาคสุดท้ายอวตาร...ภาคใต้ จากภาพกราฟ แสดงระดับน้ำรวมทั้ง 4 เขื่อนในภาคใต้ เห็นว่า ระดับน้ำในปี 55 ณ กันยายน อยู่ที่ 5,046 ล้าน ม.3 ต่างจากปี 54 เพียง 428 ล้าน ม.3 เมื่อเปรียบเทียบ กราฟของเขื่อนที่มีความจุมากใน 2 อันดับ คือ เขื่อนรัชชประภา(69%ของความจุรวม) และเขื่อนบางลาง (18%ของความจุรวม) จากคุณ : เสียดายลมหายใจ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 19:28:41

ความคิดเห็นที่ 15 เขื่อนรัชชประภา....กราฟแสดงให้เห็นการจัดการน้ำที่เหมือนกับปี 54 เพียงแต่เขื่อนรัชชประภามีปริมาณน้ำในปี 55 ที่ 3,833 ล้าน ม.3 น้อยกว่าปี 54 ในเดือนเดียวกันอยู่ที่ 4,252 ล้าน ลบ.ม. จากคุณ : เสียดายลมหายใจ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 19:29:51

ความคิดเห็นที่ 16 เขื่อนบางลาง ณ เดือนกันยาปี 55 เส้นกราฟแล่นลงอยู่ที่ 640 คิดเป็น 44%  ซึ่งต่ำกว่าปีที่แล้วเล็กน้อย อยู่ที่ 655 ล้าน ม.3  คิดเป็น 45% :แตกต่างกันน้อยมาก โดยระดับน้ำในเขื่อนบางลางทั้ง 2 ปีนั้น อยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ควบคุมระดับน้ำตัวล่างด้วยเช่นกัน จากคุณ : เสียดายลมหายใจ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 19:30:18

ความคิดเห็นที่ 17 จากตัวเลขมากมายของเขื่อนทั้ง 6 ภาคข้างต้น จะขอเรียงลำดับความจุของเขื่อนในแต่ละภาค ดังนี้ 1. เขื่อนภาคตะวันตก  ความจุรวมอยู่ที่ 26,605 ล้าน ม.3  (จำนวน 2 เขื่อน) 2. เขื่อนภาคเหนือ  ความจุรวมอยู่ที่ 24,721 ล้าน ม.3 (จำนวน 7 เขื่อน) 3. เขื่อนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ความจุรวมอยู่ที่ 8,323 ล้าน ม.3 (จำนวน 12 เขื่อน) 4. เขื่อนภาคใต้ ความจุรวมอยู่ที่ 8,150 ล้าน ม.3 (จำนวน 4 เขื่อน) 5. เขื่อนภาคกลาง ความจุรวมอยู่ที่ 1,185 ล้าน ม.3  (จำนวน 3 เขื่อน) 6. เขื่อนภาคตะวันออก ความจุรวมอยู่ที่ 1,173 ล้าน ม.3  (จำนวน 5 เขื่อน) จากปริมาณน้ำในเขื่อนภาคเหนือแล้ว จะเห็นแนวโน้มของวิกฤตภัยแล้งมากกว่า เพราะปริมาณน้ำที่กักเก็บน้อยกว่าปี 54  เช่นเดียวกับระดับน้ำในเขื่อนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่การกักเก็บน้ำก็อยู่ในระดับลดลง บ่งชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มของภัยแล้ง (น้ำไม่เพียงพอ) ที่จะเกิดขึ้นในปี 56 ช่วงเดือน มี.ค.เป็นต้นไป ทั้งนี้ยังไม่วิเคราะห์รวมถึงปริมาณน้ำฝนที่ตกเหนือเขื่อนในช่วงหน้าฝน ก.ย.-ต.ค.นี้ ซึ่งจะติดตามและนำมาเสนอต่อไปคร้าบบ จากข้อมูลถึงเดือนก.ย.55 นี้ บอกได้ว่า หากระดับน้ำยังเป็นเช่นนี้ น้ำไม่ท่วม กทม.แน่นอน ฟันธง!!! อ๊ะๆๆกรณีนี้ไม่เกี่ยวกับฝนตกหนักระบบท่อกทม.ระบายไม่ทัน หรือยังไม่ทันได้ลอกท่อนะคร้าบบบ ถึงเวลานั้นไม่รู้หม่อมผู้ว่าฯ จะมาบอกอีกอ๊ะป่าวว่า ถนนเส้นนี้ไม่เกี่ยวกับกทม. @_@ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ จากคุณ : เสียดายลมหายใจ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 19:33:41

ความคิดเห็นที่ 18 ดูแล้วน่าเป็นห่วงว่าปีหน้าอาจจะขาดน้ำนะครับ  ถ้าช่วงที่เหลือของหน้าฝนปีนี้มีฝนไม่มาก ภาวะอากาศเปลี่ยนแปลง แปรปรวน ทำนายยากจริง ๆ จากคุณ : Botania เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 19:53:59

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณมากครับ เป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มากทีเดียว ไม่ทราบว่า จขกท พอจะมีตัวเลข ของ "พื้นที่รับน้ำเหนือเขื่อน" ของเขื่อนภูมิพล และ เขื่อนสิริกิตหรือไม่ครับ ขอบคุณอึกครั้งครับ ปล. ผม ขอนำ ความเห็นที่ผม เขียนไว้ใน blog เมื่อปีที่แล้ว มาแขร์กันนะครับ ผมเสนอแนวคิดในการป้องกันปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ในที่ราบลุ่มภาคกลางครับ  อยู่ใน link นี้ครับ http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=nonlimited&month=10-2011&date=29&group=1&gblog=48 จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 19:58:53

ความคิดเห็นที่ 20 วันนี้ เขื่อนภูมิพล 57%  เขื่อนสิริกิตติ์ 65% แล้วค่ะ  คงไม่เต็มในปีนี้ และคงไม่มีน้ำจากสองเขื่อนใหญ่นี้ซ้ำเติม  ยังน่าจะมีน้ำเติมเขื่อนเรื่อย ๆ จนสิ้นกันยา หรืออาจจะเลยไปกลางตุลาก็ได้ค่ะ http://www.thaiwater.net/DATA/REPORT/php/rid_bigcm.html รอลุ้นกับพายุลูกนี้ดีกว่า บางทีที่ว่างเหนือเขื่อนอาจไม่พอเก็บน้ำก็ได้ ร่องความกดอากาศก็ยังอยุ่ http://www.tmd.go.th/programs%5Cuploads%5Cmaps%5C2012-09-21_TopChart_13.jpg แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 55 20:13:51 แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 55 20:00:57 จากคุณ : กระจกแก้ว เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 19:58:59

ความคิดเห็นที่ 21 ถามคุณจขกท. ต้องปล่อยน้ำวันละกี่ล้าน ลบม. จากสองเขื่อนใหญ่ภาคเหนือในหน้าแล้ง สมมุติว่าแล้ง6เดือน ถ้า2เขื่ิอนใหญ่มีน้ำรวมกัน1หมื่น2พันล้าน ลบซม. จะต้องน้ำใช้ในภาคการเกษตรเท่าไหร่ถึงจะพอ (จากพื้นที่ใต้เขื่อน-ที่ราบลุ่มเจ้าพระยา) แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 55 20:40:45 จากคุณ : พลพิณ (พลพิณ) เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 20:36:55

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณมากครับสำหรับข้อมูล จากคุณ : หมูอวบ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 20:48:19

ความคิดเห็นที่ 23 # 20 ครับ พายุ Jelawat (ปลาของสุลต่าน เนื้ออร่อยมาก) ที่อยู่ทางตะวันออก ของ ฟิลิปปินส์ (ขณะนี้) น่าจะเคลื่อนตัวไปทางเหนือ เข้าไต้หวัน ไม่น่าเข้าไทยครับ เนื่องจาก โดน H จากจีนที่ทำตัวเป็นลิ่ม เลื่อนตัวลงมา แถวๆ เวียตนามเหนือ ประกอบกับ มีแนวลม พัดย้อนขึ้นไปด้วย รออีก 3 วันครับ จะเห็นภาพชัดว่า จะเข้าไทยหรือไม่ หาก ผ่านฟิลิปปินส์ มาทางตะวันตกได้ จะมีอิทธิพลต่อไทยโดยเฉพาะ ภาคกลาง และกทม. จะมีฝนมากขึ้น เนื่องจาก พายุนี้ จะดูดความชื้นจาก พม่า ส่วนเหนือของอ่าวเบลกอล เข้ามาสู่ตัวมันเอง (ผ่านภาคกลางของไทย) และอีสานใต้ รวมถึง  ดึงความชื้รนจากอ่าวไทยเข้าจันทบุรีและตราดด้วย เช่นกัน พี่น้องที่อยู่ปลายด้ามขวาน ก็จะได้รับอิทธิพลพายุนี้ด้วย โดยจะมีความชื้นพาเมฆฝน จากทะเลอันดามัน มาตกในบริเวณนั้นมากขึ้น หากผ่านช่วงกลางเดือนนี้ไปได้ และถ้าเกิดมีพายุก่อตัวขึ้นอีก พายุจะเลื่อนลงใต้แล้ว โดยจะเลื่อนลงไป แถวๆ เพชรบุรี หรือชุมพรครับ รออีก 3 - 5 วัน ครับ  ลูกนี้จะมีเส้นทางเดินจะชัดเจนขึ้น แก้ไขเมื่อ 21 ก.ย. 55 21:06:40 จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 21:03:35

ความคิดเห็นที่ 24 ภาคกลางอย่าห่วงภัยแล้งนักเลยครับ คนอีสานทำนาได้ปีละครั้งยังอยู่ได้ครับ พอเพียงซักปีนะครับ จากคุณ : B (napoleon_bee) เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 21:21:36

ความคิดเห็นที่ 25 เป็นข้อมูลที่ดีมากครับ ... จากข้อมูลนี้จขกท.กลัวว่าปีหน้าจะแล้งโดยนำไปเทียบกับปีที่แล้วเห็นว่าต่างกันมากมันต้องต่างกันมากอยู่แล้วเพราะปีที่แล้วที่มีระดับน้ำขนาดนั้นมันท่วมมหาวินาศวันนี้ปีที่แล้วเขื่อนภูพลมีน้ำถึง 89%และเขื่อนสิริกิติ์มีน้ำ97%ทั้งที่ทั้ง2เขื่อนระบายน้ำรวมกัน 91 ล้านลบ.เมตร สำหรับปีนี้ถ้าต้องการให้น้ำในเขื่อนภูมิพลมีระดับที่80% จำเป็นที่จะต้องเพิ่มน้ำอีก3,000ล้านลบ.เมตรนั่นคือมีน้ำเข้าเขื่อนวันละ50ล้านลบ.เมตรเป็นเวลา60วันผมว่ามีโอกาสเป็นไปได้ ส่วนเขื่อนสิริกิติ์ปีนี้ถ้าต้องการให้มีน้ำ80% จำเป็นต้องเพิ่มน้ำอีก 1,445ล้านลบ.เมตรนั่นคือมีน้ำเข้าเขื่อนแค่วันละ35ล้านลบ.เมตรเป็นเวลา41วัน ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้อย่างมาก ผมจึงมีความคิดว่าปีหน้าไม่แล้ง จากคุณ : Wairoon เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 55 21:46:23

ความคิดเห็นที่ 27 ดูจากข้อมูล ของเขื่อนภูมิพล/สิริกิตแล้ว น่าเป็นห่วงนะ ปริมาณน้ำที่กักเก็บไว้ในเขื่อนของปีนี้เกาะอยู่กับเส้น เกณฑ์กักเก็บน้ำต่ำสุดทั้งสองเขื่อนเลย หวังว่า ปริมาณน้ำจะวิ่งขึ้น แบบปี 53 จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 07:37:05

ความคิดเห็นที่ 28 เขื่อนสิิีริกิต จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 07:38:18

ความคิดเห็นที่ 29 น้ำในเขื่อนปีนี้ยังไงก้อไม่เต็มหรอก มาดูพายุ กับ น้ำฝนดีกว่า เผลอๆ อาจจะทำให้น้ำเยอะเหมือนปี 54 จากคุณ : RAKTHAII1 เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 09:13:49

ความคิดเห็นที่ 30 ได้ยินมาว่า เหลืออีก 4 ลูก จากคุณ : RAKTHAII1 เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 09:14:40

ความคิดเห็นที่ 31 เป็นข้อมูลที่น่าสนใจมากค่ะ ขอแชร์นะคะ ขอบคุณมากค่ะ จากคุณ : ตะวัน (ตะวัน) เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 09:28:30

ความคิดเห็นที่ 32 ประเด็นคือ พายุ ที่จะเข้า มันจะพาฝนไปตกที่ไหน ถ้าเหนือเขื่อน ก็ดี เขื่อนก็ได้น้ำไว้ใช้ ถ้าใต้เขื่อน ก็ ตัวใครตัวมัน นี่ก็ปลายกันยายนแล้ว พายุปลายกันยา/ต้นตุลาคม เส้นทางไปทางไหน ลองหาดูเอาก็แล้วกันครับ จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 10:00:51

ความคิดเห็นที่ 33 http://www.tmd.go.th/programs/uploads/cyclones/TC_track_61y.pdf จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 10:17:29

ความคิดเห็นที่ 34 แยกรายเดือน ที่มา : ที่เดียวกับ ภาพข้างบน ปล. หวังว่า จะไปทางด้านเหนือเขื่อนเยอะๆหน่อยนะครับ จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 10:22:09

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ...ก็เบาใจได้หน่อยว่าเขตบางพลัด..คงไม่น้ำตานองหน้าเหมือนปีที่แล้ว จากคุณ : somdit เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 12:18:16

ความคิดเห็นที่ 36 โหวตให้ครับ หลายท่านจะได้ เข้าใจ ประโยชน์ ของเขื่อนจริงๆ ซะที จากคุณ : รักน้องนก เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 55 21:26:23

ความคิดเห็นที่ 37 ปีนี้และปีหน้า ขอเน้นว่าไม่ท่วมซ้ำก่อนละกัน เพราะถ้าท่วมซ้ำอีกประเทศจบเห่แน่ แต่เรื่องภูมิอากาศและพายุเนี่ย ทำนายยากจริงๆ จากคุณ : REDBULLRUN เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 13:50:07

ความคิดเห็นที่ 38 ปีนี้นโยบายคือห้ามให้มีน้ำล้นเขื่อนเด็ดขาด ดังนั้นจึงต้องพร่องน้ำเพื่อพร้อมรับน้ำฝนที่พายุอาจจะพัดมาช่วงตุลา แต่ถ้าพายุไม่มา ก็ลำบากหน่อยเรื่องปริมาณน้ำในปีหน้า ที่อาจจะมีไม่เพียงพอ ถามว่าทำไมไม่ทำให้มันสมดุลย์ล่ะ เก็บน้ำให้พอดี ให้รับน้ำหน้าฝนได้ แล้วมีน้ำเหลือพอใช้หน้าแล้ง คำตอบคือเรามีเครื่องมือบริหารจัดการไม่มากพอครับ  ฝนตกมา 100% แต่อาคารบังคับน้ำที่เก็บได้นั้น กลับเก็บกักได้ไม่ถึงครึ่ง ที่เหลือต้องปล่อยทิ้งลงทะเล ดังนั้นการบริหารจัดการน้ำของประเทศนี้ คือต้องเลือกเอาว่าจะเลี่ยงกับน้ำท่วม หรือน้ำแล้ง และปีนี้รัฐบาลที่อ่วมมาจากน้ำท่วมปีที่แล้วก็เลือกว่าให้น้ำแล้ง ดีกว่าน้ำท่วม เพราะข่าวน้ำท่วม มันดังกว่าข่าวน้ำแล้ง มันก็เป็นอย่างนี้แหละครับ จากคุณ : Mr. Forever เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 17:16:41

ความคิดเห็นที่ 39 น้ำแล้ง เสียเงินเยียวยาและฟื้นฟูน้อยกว่าน้ำท่วมครับ ต้องเลือก กราฟภูมิอากาศ มันทำนายยากกว่ากราฟหุ้นเยอะ ที่น่าเบื่อคือ พวกเซียนหลังหวยออกเนี้ยหล่ะ นักวิชาเกินเอย ฝ่ายแค้นเอย หมอเดาเอย  หลังหวยออก น้ำลายท่วมจอ จากคุณ : หางแหลม เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 55 22:02:23