 |
แนวคิดของรัฐบาลต่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์คืออะไรกันแน่?
หลายต่อหลายครั้งที่รัฐบาลภายใต้การนำของพตท ทักษิณ ชินวัตร มีแนวคิดจะนำการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์หลายๆแห่งมาเข้าสู่ระบบ
เพื่ออะไร? เพื่อให้คนไปเที่ยวมากขึ้น? มีเงินหมุนเวียนมากขึ้น?
เงินเข้ากระเป๋านายทุนมากขึ้น
เราลองมาไล่ดูข่าวที่เกี่ยวข้องกันสักหน่อย กระเช้าไฟฟ้าขึ้น"ดอยเชียงดาว" ความเจริญที่รุกไล่ธรรมชาติ?
ังหวัดเชียงใหม่ ได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของประเทศ ด้วยสภาพภูมิประเทศ ภูมิอากาศ เอื้ออำนวยให้เชียงใหม่ เป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวของทุกปี ผู้คนจากทุกสารทิศต่างทยอยกันเดินทางมาที่ยอดดอยต่างๆ อาทิ ยอดดอยอินทนนท์ จึงเป็นที่ที่มีสภาพไม่ต่างไปจาก ปลากระป๋อง เพราะแออัดยัดเยียดไปด้วยคน รถ และขยะ เป็นปัญหาซ้ำซากที่เกิดขึ้นทุกปีและยากจะแก้ไข การผลักดันให้มีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เพื่อรองรับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาก ภายหลังการทุ่มเทงบประมาณมหาศาลให้เชียงใหม่ ก้าวกระโดดขึ้นสู่ความเป็น ศูนย์กลาง หรือฮับ ในด้านต่างๆ ของภูมิภาคนี้จึงเกิดขึ้น "ดอยหลวงเชียงดาว" ดอยที่มีความสูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองจากดอยอินทนนท์ และดอยฟ้าห่มปก ถูกจับตามอง และได้รับการเสนอชื่อขึ้นชั้นแห่งการพัฒนาทันที ด้วยศักยภาพที่น่าสนใจในตัวเองคือ อยู่ใกล้เมืองเชียงใหม่ ความสวยงามตามธรรมชาติ ทำให้ดอยหลวงเชียงดาวถูกเลือกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ อันเป็นที่มาของโครงการกระเช้าไฟฟ้าขึ้นสู่ยอดดอยหลวง ตามความประสงค์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เจ้าของนโยบาย คิดใหม่ ทำใหม่ แม้จะอยู่ในช่วงต้นฤดูแล้ง แต่ภาพดอยหลวงเชียงดาวที่ยังคงมีสายหมอกบางปกคลุมยอดดอยไว้ ตัดสลับกับแสงแดดอ่อนเรื่อเรือง สวยงาม แลดูยิ่งใหญ่นัก ลักษณะเด่นของดอยหลวงเชียงดาวคือ เป็นเทือกเขาหินปูน มีรูปทรงคล้ายพีระมิด สูงชัน พื้นที่ราบมีน้อย ปกคลุมด้วยผืนป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าสน ป่าดิบเขา ทุ่งหญ้า และป่าพืชกึ่งอัลไพน์ เพราะมีความสูง 2,275 เมตร และเป็นแหล่งต้นน้ำของแม่ปิง และแม่แตง ที่หล่อเลี้ยงชีวิตผู้คน ข้อมูลการสำรวจพบพรรณพืช 1,722 ชนิด 173 วงศ์ แยกเป็นพืชมีดอก 1,569 ชนิด พืชไม่มีดอก 6 ชนิด และเฟิร์น 147 ชนิด พืชเฉพาะถิ่นที่หายากคือ ค้อดอยเชียงดาว และกุหลาบดอยเชียงดาว ในปี 2521 ได้รับการประกาศเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เนื้อที่ 325,625 ไร่ มีสัตว์ป่าอาศัยกว่า 340 ชนิด มีทั้งสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม นก สัตว์เลื้อยคลาน ปลา สัตว์น้ำอื่นๆ และสัตว์ป่าเฉพาะถิ่นหายาก เช่น กวางผา ไก่ฟ้าหางลายขวาง และผีเสื้อสมิงเชียงดาว ที่คงเหลือเพียงรูปถ่าย และภาพวาดเท่านั้น เพราะสูญพันธุ์จากโลกนี้ไปแล้ว นิคม พุทธา ประธานเครือข่ายประชาคมอำเภอเชียงดาว บอกว่า มีความวิตกกังวลอย่างมาก เพราะกลัวว่าจะมีการนำโครงการกระเช้าไฟฟ้าเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรที่จังหวัดเชียงใหม่ในเดือนเมษายนนี้ โดยอาศัยการอ้างสิทธิในพื้นที่ป่าของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในลักษณะเดียวกับการดำเนินโครงการซาฟารีไนท์ก่อนหน้านี้ ที่ประชาชนไม่มีสิทธิมีเสียงใดๆ ทั้งสิ้น "มีการตั้งทีมสำรวจและศึกษาความเป็นไปได้ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเน้นในการสำรวจจุดก่อสร้างและมูลค่าตอบแทนทางเศรษฐกิจ แต่ก็ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ทั้งสิ้น" จากตัวเลขนักท่องเที่ยว 50,000 คนต่อปี ที่เข้าไปท่องเที่ยวในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แต่มีแค่กว่า 2,000 คนเท่านั้น ที่มีโอกาสขึ้นไปสัมผัสกับยอดดอยหลวงแห่งนี้ เพราะมีการควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยวให้อยู่ที่ 200 คนต่อวัน เนื่องจากพื้นที่ใช้สอยเพื่อการพักแรมมีน้อย ไม่มีน้ำกินน้ำใช้ และปัญหาขยะ รวมทั้งกล้วยไม้ป่าที่หายไปในแต่ละปี ทั้งหมดส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศวิทยาของดอยหลวงเชียงดาว ยากที่เจ้าหน้าที่จะควบคุมได้ การเดินทางขึ้นไปพิชิตยอดดอยหลวงนั้นทำได้ไม่ง่ายนัก วิธีที่นักท่องเที่ยวนิยมไปมากที่สุดมีสองเส้นทางคือ นั่งรถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อจากตัวอำเภอเชียงดาวไปยังบ้านนาเลา หมู่บ้านชาวไทยภูเขาเผ่าลีซอ ระยะทาง 10 กิโลเมตร ก่อนที่จะแบกเป้ และจ้างลูกหาบขนสัมภาระขึ้นยอดดอยทางด้านทิศเหนือ กับอีกเส้นทางคือ นั่งรถไปยังหน่วยพิทักษ์ป่าเด่นหญ้าขัด ระยะทาง 30 กิโลเมตร ก่อนเดินเท้าขึ้นสู่ยอดดอยทางด้านใต้ ซึ่งทั้งสองเส้นทางจะใช้เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมง เพื่อไปบรรจบกันที่อ่างสลุง ซึ่งเป็นจุดพักแรมที่ดีที่สุด ก่อนที่จะออกแรงเรียกเหงื่ออีกครั้งด้วยระยะทาง 5-6 ชั่วโมง เพื่อขึ้นไปสัมผัสแผ่นฟ้าและหมู่ดาว บนยอดดอยหลวงเชียงดาว สำหรับนักเดินไพรที่ไปถึงยอดดอยจะนิยมเดินกลับทางจุด กิ่วลม เพื่อมาออกที่บ้านถ้ำ บริเวณด้านหน้าถ้ำเชียงดาว และเข้าไปสักการะดวงพระวิญญาณเจ้าหลวงคำแดง ประธานแห่งผีตามความเชื่อของชาวล้านนา ที่เล่าขานสืบต่อกันมาว่า เป็นกษัตริย์หนุ่มที่มาหลงใหลนางกวางสาวจนปักหลักอยู่อาศัยในถ้ำแห่งนี้ตราบจนสิ้นอายุขัย บวกกับเรื่องราวของพระภิกษุรูปหนึ่งซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้านมาบำเพ็ญภาวนาและเดินหายไปในถ้ำโดยไร้ร่องรอย ที่แห่งนี้จึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวบ้านตราบนานเท่านาน ประสงค์ แสงงาม กลุ่มเยาวชนรักษ์ดอยหลวงเชียงดาว เล่าว่า ขึ้นสู่ยอดดอยมาแล้ว 8 ครั้ง และจัดกิจกรรมพาเยาวชนจากต่างถิ่นมาผจญความหนาวเย็นทุกปี เพื่อปลูกจิตสำนึกและเรียนรู้ร่วมกันในการรักษ์ป่า อยากเห็นการจัดการดอยหลวงเชียงดาวในทางที่เหมาะสมกับสภาพที่แท้จริง เพราะแต่ละคนเสพสุขจากธรรมชาติต่างกัน ทำไมต้องบังคับให้ทุกคนเสพสุขจากกระเช้าไฟฟ้าอย่างเดียว "ดอยหลวงเชียงดาวมีเสน่ห์น่าหลงใหลอยู่ที่การเดินเท้าขึ้นไป เพราะป่าจะเปลี่ยนไปตามความสูงจากระดับน้ำทะเล เพื่อนเยาวชนที่เดินขึ้นไปด้วยกันมักจะบ่นเพราะความเหนื่อย ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ทุกคนต้องช่วยเหลือพึ่งพากัน จุดนี้ทำให้ได้มิตรภาพ ซึ่งผมว่างดงามที่สุด นอกเหนือไปจากความประทับใจของธรรมชาติรอบตัว" เมื่อสอบถามความรู้สึกของคนพื้นราบและคนดอยตรงนั้น ส่วนใหญ่อยากจะเห็นกระเช้าไฟฟ้ากันทั้งนั้น เหตุที่อ้างเพราะเกิดมาไม่เคยเห็น แต่เมื่อถามว่า ไม่กลัวผลเสียหายที่จะตามมาหรือ? คนค้าคนขายส่ายหน้าตอบว่า ไม่รู้-รู้แต่ว่านักท่องเที่ยวน่าจะมากขึ้น รายได้คงดีกว่าเดิม...! คนดอยบอกว่า อยากทดลองขึ้นกระเช้าไฟฟ้าสักครั้ง คงจะสนุกดี แต่ไม่รู้ว่า อาชีพลูกหาบอาจต้องหายไป เพราะจะมีคนต่างถิ่นเข้ามาแต่งตัวหล่อ สวยเป็นเจ้าหน้าที่ประจำสถานีกระเช้าไฟฟ้าของเอกชน ขณะที่นักวิชาการที่ไปร่วมเดินป่ามีความเห็นว่าไม่น่าสร้างกระเช้าไฟฟ้า เพราะที่ผ่านมาแหล่งท่องเที่ยวของไทยถูกข่มขืนมายาวนาน โดยไม่มีสิทธิขัดขืน ไม่มีการจัดการที่ดีพอจากคนรับผิดชอบ จังหวัดเชียงใหม่ ที่อ้างว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวที่น่าอยู่และยั่งยืน คงมีสภาพไม่ต่างไปจากคนป่วยหนัก!! ท่ามกลางกระแสคัดค้านขององค์กรภาคประชาชน ล่าสุด ปลอดประสพ สุรัสวดี ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กลับกล่าวว่า เรื่องกระเช้าไฟฟ้าเป็นแค่แนวความคิดที่นายกรัฐมนตรีมีขึ้นเพื่อชาวเชียงใหม่ เพราะปัจจุบันมีคนไปเที่ยวจำนวนมากและทำให้ต้นไม้ตาย จึงคิดว่าจะทำอย่างไรกันดี คนแก่และเด็กที่อยากไปเที่ยวบ้าง มีช่องทางไหนจะทำได้ จะให้นั่งเฮลิคอปเตอร์ หรือผูกว่าวไปหรือ? "เพราะจำเป็นต้องขยายแหล่งท่องเที่ยวใหม่ จึงนำมาศึกษาว่าจะต้องทำอย่างไร ตัดถนน ทางเดิน สร้างกระเช้า หรือใช้เฮลิคอปเตอร์" เสียงถามจากปลัดปลอดประสพ ปัญหาการสร้างกระเช้าไฟฟ้าขึ้นดอยเชียงดาวยังคงอึมครึม หาข้อยุติที่ชัดเจนไม่ได้ แต่วันนี้ดอยหลวงเชียงดาว ยังคงทำหน้าที่ในฐานะผู้ให้แก่นักท่องเที่ยวต่อไปอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
จาก นสพ. มติชน ฉบับวันที่ 20 เม.ย. 2547
จากคุณ :
จ่าพิชิต ขจัดพาลชน
- [
10 ม.ค. 49 18:09:54
]
|
|
|
|
|
|