ความคิดเห็นที่ 11
ฝากอีกหนึ่งมุมมองครับ ................................ เอฟทีเอสหรัฐฯไทยได้จริงหรือ
การประชุมเอฟทีเอระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ครั้งที่ 6 ที่เชียงใหม่ เพื่อเปิดเขต การค้าเสรีระหว่างกันสองประเทศ ท่ามกลางการประท้วงและเสียง ประท้วงของสารพัดกลุ่ม ก็ยังคงเดินหน้าต่อไป จนกว่าจะจบลงในวันศุกร์ที่ 13 ซึ่งเป็นวันแบล็ก ไฟรเดย์
ผลการเจรจาจะลงเอยอย่างไร ก็ต้องคอยดูกันต่อไป
ประเด็นอ่อนไหวที่คัดค้านกันมากที่สุด มีหลายประเด็น เช่น เรื่องยา โดยเฉพาะยารักษาโรคใหม่ๆ เช่น โรคเอดส์ โรคมะเร็ง หรือโรคร้ายอื่นๆ ธุรกิจในภาคการเงิน เทคโนโลยีการสื่อสารและสารสนเทศ ไปจนถึงภาคบริการ ซึ่งสหรัฐฯมีความเหนือกว่าไทยทุกด้าน ก้าวหน้ากว่าไทยหลายสิบปี
ถ้าท่านผู้อ่านจำได้ ผมเคยเล่าเรื่องการไปดูโรงงานผลิตยายักษ์ใหญ่ของ สหรัฐฯลงในคอลัมน์นี้หลายครั้ง ไปเห็นแล้วก็ได้แต่อึ้งทึ่งตะลึงไปเลย ก็ไม่รู้ไทยจะต้องใช้เวลาอีกกี่ชาติ จึงจะมีระบบการคิดค้นยาใหม่ๆมาใช้รักษาโรคใหม่ๆ และโรคร้ายเก่าๆได้ทัดเทียมโรงงานยาของสหรัฐฯ
แม้แต่งบประมาณที่ใช้ในห้องแล็บ เพื่อค้นคว้าและพัฒนายาใหม่ๆ หรือที่เรียกกันว่า R&D ของบริษัทยายักษ์ใหญ่สหรัฐฯ ก็ใช้เงินมากกว่างบประมาณรายจ่ายประเทศไทยทั้งปี ในขณะที่รัฐบาลไทยเพิ่งจะมาพูดเรื่องการส่งเสริม R&D ในบริษัทคนไทยเมื่อไม่กี่เดือนมานี้เอง และก็ยังไม่ไปถึงไหน
การคิดค้นยาใหม่ๆนั้น ไม่ใช่คิดปุ๊บก็ได้ปั๊บ แต่ต้องทดลองกันไม่รู้ กี่หมื่นกี่แสนครั้ง ผลิตออกมาแล้วใช่ว่าจะขายได้ดีทั้งหมด ดังนั้น ต้นทุนของการคิดค้นยาใหม่ๆทั้งหลาย บริษัทยาจึงต้องบวกเข้าไปในราคายา ทำให้ยารุ่นใหม่มีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ยาแก้อักเสบสำหรับคนเป็นโรคภูมิแพ้ วันนี้เมืองไทยก็ขายกันเม็ดละ 80-100 บาท
ภาคการเงิน ผมไม่อยากจะบอกว่าเมืองไทยเราล้าหลังสหรัฐฯกี่สิบปี เอาเป็นว่า ธนาคารแบบสาขาย่อยที่ใช้พื้นที่นิดเดียว ใช้พนักงานไม่กี่คน ที่ตั้งอยู่ใน ห้างสรรพสินค้าของไทยที่เราเห็นอยู่ตามห้างเวลานี้ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ ของธนาคารพาณิชย์ไทยที่กำลังแข่งขันกันอย่างหนัก แต่สาขาแบบนี้ ผมได้รับเชิญไปดูงานมาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว โดยมี แบงก์ วัน ของสหรัฐฯ เป็นผู้ริเริ่มเข้าไปตั้งสาขาในซุปเปอร์มาร์เกต ขนาดใหญ่ของสหรัฐฯเป็นแบงก์แรก
หรืออย่าง ธนาคารจีอี มันนี่ ในเครือข่ายของ จีอี มันนี่ ประเทศไทย ในเครือของ บริษัทเจนเนอรัล อิเลคทริค บริษัทไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ที่เพิ่งได้รับ ใบอนุญาตจัดตั้งเป็น ธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย ขึ้นในเมืองไทยเมื่อวานนี้
ไทยเป็นประเทศที่ 47 ที่จีอี คอนซูมเมอร์ ไฟแนนซ์ เข้ามาลงทุนตั้งธนาคารสาขา เพราะฉะนั้น เรื่องบริการทางการเงินและต้นทุนต่างๆ แบงก์ไทยที่ใหญ่กว่าหลายเท่าก็ยากที่จะต่อกรด้วย เพราะเมื่อรวมเครือข่ายทั่วโลกแล้ว ต้นทุนแต่ละรายการมีนิดเดียว แต่คิดค่าบริการสูงลิ่วในเมืองไทย
ผมไม่รู้ว่า การเปิดเขตการค้าเสรีสองประเทศกับสหรัฐฯ มีความจำเป็นแค่ไหน รู้แต่ว่า ไม่มีทางที่ไทยจะได้เปรียบสหรัฐฯเลย ไม่ว่าจะเป็นภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม ภาคเทคโนโลยีสารสนเทศ ภาคการเงิน หรือภาคบริการ
ตัวอย่างชัดเจน ก็เช่น ซอฟท์แวร์คอมพิวเตอร์ แค่ไมโครซอฟท์ขายซอฟท์แวร์ วินโดว์ เอ็กซ์พี เพียงชุดเดียว ราคาประมาณ 8,000 บาท ก็เท่ากับราคาข้าวเปลือกราคาถูกของไทยเกือบ 2 ตัน ที่คนไทยต้องปลูกกันหัวโต
การที่รัฐบาลบอกว่า เปิดเขตการค้าเสรีกับสหรัฐฯแล้ว ไทยจะได้ประโยชน์มหาศาล ผมยังมองไม่เห็น เห็นแต่ความเสียเปรียบทุกด้าน สินค้าไทยอย่างสินค้าเกษตร กว่าจะส่งไปขายในตลาดสหรัฐฯได้ ก็ต้องได้มาตรฐานของสหรัฐฯ เช่น ไก่ต้องไล่ไปตั้งแต่วิธีการเลี้ยง วิธีการฆ่า วิธีการแล่เนื้อ ไปจนถึงหีบห่อและการขนส่ง ไม่ง่ายเหมือนเห็นที่ตลาดสด และร้านอาหารริมถนนในเมืองไทย
ที่ผมเป็นห่วงอย่างเดียวก็คือ กลัวรัฐบาลไปอุ๊บอิ๊บเจรจาเสร็จแล้วค่อยมาบอก คนไทย ซึ่งไม่ถูกต้อง กว่าจะรู้ก็สายเสียแล้ว.
ลม เปลี่ยนทิศ
จากคุณ :
Can (ไทเมือง)
- [
12 ม.ค. 49 04:54:37
]
|
|
|